ตอนที่ 6 หัวเขากระทบกระเทือนหรือเปล่า
จนกระทั่งวันรุ่งขึ้น ในที่สุดแทนไทก็ได้สติ นัยน์ตาสีมะเกลือกวาดไปทั่วบริเวณโดยรอบ รับรู้ได้ทันทีว่าตนอยู่ที่ใด ดูเหมือนว่าเขาจะรอดมาได้ ฝ่ามือหนาพยายามพยุงตนเองลุกขึ้นนั่ง การกระทำดังกล่าวส่งผลให้บาดแผลขยับจนต้องครางอื้ออึงในลำคอ นภัสสรสะดุ้งตัวตื่นขึ้นเมื่อเสียงทุ้มกระทบโสตประสาท เธอเงยหน้าขึ้นส่งผลให้ตาหวานสบกับนัยน์ตาแสนเรียบนิ่ง ร่างเรียวชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเขาก็จ้องเธอกลับเช่นกัน “เอ่อ... ตื่นแล้วเหรอคะ” นภัสสรเอ่ย สายตาของร่างสูงปะทะกับผู้หญิงร่างเล็กตัวบางและยังสาวยังสวย และคงจะดูสวยขึ้นเป็นเท่าตัวถ้าไม่มีริมฝีปากซีดเซียวกับใต้ตาที่ดำคล้ำประดับอยู่บนใบหน้า รู้ได้ทันทีว่าเธอนอนอยู่ข้างเตียงเขาตลอดคืน นอกจากนี้บนเสื้อขาวยังเปื้อนไปด้วยสีสนิมเหล็กที่ไม่ต่างอะไรจากคราบเลือดแห้งกรัง ทันใดนั้น ความทรงจำจากเมื่อคืนก็พรั่งพรูเข้ามาในหัว ดูเหมือนผู้หญิงคนนี้จะช่วยเราไว้ ผ่านไปชั่วขณะหนึ่งเขาก็เอ่ยเสียงทุ้ม “คุณต้องการอะไรตอบแทนจากการช่วยผม บอกมาได้เลยไม่ต้องเกรงใจ” นภัสสรชะงักค้างอย่างแปลกใจก่อนจะดึงสติได้เมื่อนึกถึงบางอย่างและพยายามอธิบาย “ไม่ค่ะ ฉันไม่ได้ช่วยคุณไว้” เธอไม่คิดว่าเขาจะเข้าใจผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนขนาดนี้ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็เลือกที่จะไม่วิ่งหนีจากสิ่งที่เธอได้ก่อ ถ้าเธอไม่บอกความจริงแล้วเขามารู้ทีหลัง เธออาจจะโดนหนัก เอาวะ อย่าขี้ขลาดเลยน่า บอกไปให้หมด “เมื่อคืนนี้ฉันบังเอิญขับรถชนคุณ...” ดังนั้นเธอจึงเริ่มเล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นโดยไม่ตกหล่อนสักประเด็นเดียว เธออดแปลกใจไม่ได้เพราะคิดว่าเขาจะโมโหใส่ แต่เขายังคงนั่งนิ่งไร้ความรู้สึก กอปรกับการมองเข้าไปในดวงตาคมนั่น ยิ่งทำให้เธอคาดเดาไม่ได้ ด้วยเหตุอะไรบางอย่าง เขาดูเหมือนว่าจะไม่สนใจว่าเธอเป็นคนขับรถชนเขา อันที่จริง ดูเหมือนเขาจะโล่งใจมากกว่าที่เรื่องแบบนั้นมันเกิดขึ้น แม้ไม่รู้ว่าชายหนุ่มคิดอย่างไร แต่เธอคิดตริตรองถี่ถ้วนแล้วว่าควรจะพูดเรื่องค่าชดเชยก่อน “คุณคะ ฉันไม่ได้แจ้งความกับตำรวจเพราะอยากคุยเรื่องนี้กับคุณเป็นการส่วนตัว คุณอยากให้ฉันชดเชยค่าเสียหายเท่าไหร่คะ” ความจริงที่เธอยังไม่แจ้งความกับตำรวจเพราะกลัวเรื่องมันจะบานปลายไม่จบเป็น เธอวางแผนจะไปจากนนทบุรีและไม่ต้องการให้แผนเธอล่าช้าลงแม้แต่น้อย น่าแปลกใจที่แทนไทตอบกลับมาด้วยเสียงราบเรียบ “ไม่จำเป็น” จริงเหรอเนี่ย หรือเราชนเขาแรงมากจนสมองกระทบกรเทือนคิดอะไรไม่ออก หญิงสาวรู้สึกกังวลใจมากกว่าเก่า เธอจึงคิดว่าต้องให้หมอมาดูอาการเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า “คุณหิวหรือเปล่าคะ ฉันว่าจะออกไปหาอะไรทานก่อน” ว่าพลางลุกขึ้นออกจากห้องก่อนจะมุ่งตรงไปซื้ออาหารเช้า ระหว่างทางกลับห้องพักกับของกินที่เต็มไม้เต็มมือข้างหนึ่ง เธอก็ต่อสายหาจอมใจด้วยมืออีกข้าง “ว่าไวแนท? เป็นไงบ้าง? ผู้ชายคนนั้นดีขึ้นหรือยัง?” เสียงเต็มไปด้วยความกังวลของจอมใจเอ่ยขึ้นจากอีกฟากของโทรศัพท์ เธอเป็นห่วงเพื่อนสาวตลอดทั้งคืน แต่ก็อดใจไว้ไม่ให้ตนเองโทรหาเพราะไม่อยากให้อะไรมันยุ่งยากขึ้นกว่าเดิม นภัสสรรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงของเพื่อนรัก หญิงสาวหาที่ที่เงียบลงอีกนิดเพื่อที่จะเล่าทุกอย่างให้จอมใจฟัง เมื่อนภัสสรเล่าจบจอมใจก็เงียบไป เธอค่อนข้างที่จะไม่อยากจะพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ผ่านโทรศัพท์ ทันใดนั้นเอง เสียงของเด็กน้อยสองคนก็ดังเข้ามากระทบหูของผู้เป็นแม่ ต้นกล้าพยายามพูดให้เธอคลายกังวล “แม่ครับ ไม่ต้องกลัวนะครับ เดี๋ยวพวกเราจะไปหาที่โรงพยาบาล” จากนั้นต้นข้าวก็พูดขึ้นบ้าง “แม่ขา ต้นข้าวคิดถึง” “แม่ก็คิดถึงพวกหนู” นภัสสรน้ำตาคลอหน่วย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอต้องห่างจากลูก ๆ นานขนาดนี้ เนื่องจากในคืนที่ผ่านมา ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมากจนเธอไม่สามารถทำให้เด็ก ๆ วางใจได้ก่อนจะแยกจากกัน ไม่นานนภัสสรก็วางสายที่ช่วยทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น เมื่อกลับเข้ามายังห้องพักก็พบแต่เตียงที่ว่างเปล่า เหลือบตามองห้องน้ำก็ไม่มีสัญญาณของสิ่งมีชีวิต เธอสาวเท้าไปยังหน้าเคาน์เตอร์พยาบาลและถามด้วยความรีบเร่ง “ขอโทษนะคะ ขอสอบถามหน่อยค่ะว่าคนไข้ห้อง 808 อยู่ที่ไหน” “อ๋อ... ผู้ชายคนนั้นออกจากโรงพยาบาลไปแล้วค่ะ” พยาบาลตอบทันใดโดยที่มิได้เหลือบตามองทะเบียนด้วยซ้ำ เห็นได้ชัดว่าแทนไทหล่อเกินกว่าที่พยาบาลจะจำเขาไม่ได้ เขาออกไปแล้วเหรอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เพียงความรู้สึก