เห็นว่าทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า เรวทัตก็เลยยังไม่พูดอะไรอีก เพราะคดีเก่ายังไม่เคลียร์
"อยู่พร้อมหน้ากันก็ดีแล้ว พ่อจะย้ายกลับมาอยู่บ้านหลังนี้แล้วนะ"
เรวทัตพูดจบ ลูกๆ ต่างก็มองดูหน้าคนเป็นแม่
มันคงเป็นเวรกรรมของนางที่เคยสร้างไว้กับผู้ชายคนนี้ตั้งแต่ชาติปางก่อน ชาตินี้ก็เลยต้องได้ตามมาชดใช้กรรม หนีไปไหนก็คงจะหนีไม่พ้นแล้ว
"บ้านหลังนี้เป็นบ้านของคุณ คุณจะมาอยู่ใครจะว่าอะไรได้ล่ะคะ"
เรวทัตอยากได้ยินคนตรงหน้าเรียกว่าคุณพี่เหมือนเดิม แต่คงต้องใช้เวลา เพราะตัวเองทำไว้กับนางเยอะ
"หือ รามิล" มองเข้าไปด้านในก็เห็นลูกสะใภ้คนโตกำลังอุ้มหลานชายเดินออกมา เรวทัตก็เลยเดินเข้าไปหาหลาน
พอคนเป็นพ่อไปแล้ว ลูกๆ ที่ยังยืนอยู่ตรงนั้นต่างก็มองดูหน้าแม่อีกครั้ง นาทีนี้ไม่มีใครน่าสงสารเท่าท่านอีกแล้ว
"แม่ไม่เป็นอะไรหรอก เข้าไปข้างในกันเถอะ" แค่นี้นางก็รู้แล้วว่าสามีคงจะหย่าจริง เพราะถ้าไม่งั้นคงไม่บอกว่าจะกลับมานอนบ้านหลังนี้ นางรนหาที่เอง คิดว่าท่านจะไม่กล้าหย่าดาราสาวสวยคนนั้น
ทุกคนเข้าไปแล้ว เมขลาก็หันกลับมากุมมือเพลิงไว้ "เรายังจะเป็นเหมือนเดิม อย่าคิดมากนะคะ" เมขลารู้ดีว่าเพลิงคิดว่าตัวเองต่ำต้อย
"ผมจะไม่ถอย ถ้าคุณพร้อมที่จะสู้ไปกับผม"
"ฉันพร้อมค่ะ ถ้าปัญหามันเยอะเราก็แค่หนีตามกันไปอีก"
เพลิงคิดว่ามันคงไม่ง่ายเหมือนเดิมแล้ว ตอนนั้นมีแค่แม่กับพี่ชาย แต่ตอนนี้เขาจะเอาอะไรไปสู้รบปรบมือกับท่านพลเอกที่มียศสูงสุด
เย็นวันเดียวกัน ตั้งแต่มาถึงเรวทัตก็ไม่ออกจากบ้าน ซึ่งผิดวิสัยของผู้ชายคนนี้ แต่ก่อนมาถึงบ้านเหมือนถูกไฟลนก้นต้องรีบออกไป
พอทานข้าวเย็นร่วมกันเสร็จลูกชายทั้งสองก็พาภรรยาและหลานกลับบ้าน เหลือไว้แค่เมขลา
"เราเรียนจบอะไรมานะ"
"ปวส.....ค่ะ" จะไม่ตอบก็ไม่ได้
"เดี๋ยวพ่อจะส่งไปเรียนต่อต่างประเทศ"
ประโยคนี้ออกจากปากของท่านพลเอก แต่เมขลากลับมองมาที่แม่ใหญ่ เพื่อขอความช่วยเหลือ ยังไงเธอก็จะไม่ไปเรียนต่อต่างประเทศ
"อายุเรายังน้อย อนาคตยังอีกยาวไกล อย่ามาจมปลักอยู่แค่นี้" ทำไมเรวทัตจะดูไม่ออก ว่าลูกสาวคนนี้กำลังหลงใหลรูปลักษณ์ของผู้กอง ซึ่งมันไม่เหมาะสมกับบุตรสาวของพลเอกแบบท่านเลย
เมขลารีบเดินขึ้นบ้านไปโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ อย่างมากก็แค่กลับไปอยู่กับน้าอรอนงค์
พุดตาลไม่รู้จะพูดอะไร นางเป็นแค่แม่เลี้ยงแต่ท่านเป็นพ่อแท้ๆ ก็เลยรอให้พวกพี่ชายของเมขลาจัดการเรื่องนี้ดีกว่า
เรวทัตเห็นพุดตาลขึ้นบ้าน ก็รีบตามขึ้นไปเช่นกัน
"ฉันให้คนจัดห้องให้คุณแล้วค่ะ"
"ทำไมต้องจัดห้องใหม่ด้วย นอนห้องเดิมนี่แหละ"
"ไม่ได้ค่ะ"
"พรุ่งนี้ทนายก็จะยื่นเรื่องหย่าแล้ว"
"ก็ยังไม่ได้อยู่ดีค่ะ"
"ผมจะเร่งให้เร็วที่สุด"
"ถึงแม้คุณจะหย่า ฉันก็ไม่ขอนอนร่วมห้อง" ครั้งสุดท้ายที่มีความสัมพันธ์กันแบบลึกซึ้ง นางยังจำไม่ได้เลยว่ากี่ปีแล้ว และที่นางตัดสินใจพูดแบบนี้ เพราะอยากให้เรวทัตคิดดีๆ ว่าจะหย่ากับคนนั้นจริงไหมเพราะถึงยังไงกลับมา นางก็คงรับไม่ได้อยู่ดี
"คุณมีใจให้ไอ้เกษมแล้วใช่ไหม"
"ฉันสงสารคุณเกษมนะคะ อยู่ดีๆ ก็ต้องมายุ่งกับเรื่องครอบครัวคนอื่น"
"คุณตอบผมมาแค่คำเดียว คุณมีใจให้ไอ้เกษมแล้วใช่ไหม"
"ใช่ค่ะ เวลาที่ฉันมองหาคุณไม่เจอ ก็มีแค่เขาที่ยื่นมือมา นี่คือหัวใจนะคะ ไม่ใช่ก้อนหิน มันมีเลือดมีเนื้ออยู่ในนี้ หวังว่าคุณคงจะเข้าใจ" มือที่วางแนบอยู่หน้าอกเมื่อสักครู่ เอื้อมไปเปิดประตูห้อง พอก้าวเข้าไปได้นางก็ปิดมันไว้
เรวทัตยืนอยู่ตรงนั้นนานเท่าไรไม่รู้ นี่เขากลับมาช้าไปใช่ไหม
"ฮือ ฮื้ออ" จะมีใครรู้บ้างว่าการพยายามลืมคนที่อยู่ในใจ มันยากมากแค่ไหน แต่พอเขากลับมาการที่จะเปิดรับมันกลับยากยิ่งกว่า
เช้าวันต่อมา..ที่กรมทหารราบ
"บอกไปว่าผมไม่คุย ถ้าอยากให้เรื่องจบง่ายๆ ก็รีบเซ็นต์" ทนายความเข้าพบเรวทัต บอกว่าแพรวพราวขอคุยด้วยก่อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เพลิงร้ายซ่อนรัก