เผิงเจี๋ยเพิกเฉยต่อคําแนะนําของเพื่อนร่วมทีม เขายังคงเยาะเย้ยทีมเจี่ยนอีหลิง “เราไม่รู้ว่าใครจะชนะหรือแพ้ในเกมวันพรุ่งนี้ แต่ว่าอินเทอร์เน็ตก็ได้บอกว่าเราจะแพ้อย่างแน่นอน เชี่ย ดีเหลือเกินที่มีเงิน ใช้เงินไปกับเรื่องพวกนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ”
เผิงเจี๋ยได้ทะเลาะกับหยูซีเมื่อวานนี้ ทุกคนอยู่ที่นั่นเมื่อตอนที่พวกเขาโต้เถียงกัน
เขาไม่อยากยอมรับว่าตนเองผิด ดังนั้นนี่หมายความว่าเขาต้องหาความผิดของสมาชิกของ [จอมอหังการ] ให้ได้
ถ้าเขาไม่ทําแบบนั้น มันก็จะกลายเป็นความผิดเขา
คําพูดของเผิงเจี๋ยทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องเกี่ยวกับสมาชิก [จอมอหังการ] หาว่าใช้เงินเพื่อสร้างชื่อเสียง
ไม่ว่าอย่างไร ก็ไม่มีใครสนใจเขาอยู่แล้ว เผิงเจี๋ยบ่นอยู่พักหนึ่ง เขาไม่ได้เอ่ยถึงชื่อใคร แต่ใครก็ตามที่เข้าใจภาษาจีนก็จะรู้ว่าเขากําลังกล่าวหาสมาชิกทั้งสี่ของ [จอมอหังการ]
เขาพูดอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง ทันใดนั้นจ๋ายหวินเซิ่งก็พูดขึ้นมา
“นายเสียงดังเกินไป ทําให้หัวใจฉันเจ็บปวด
มีคนไม่มากที่ตอบสนองต่อความคิดเห็นดังกล่าว แต่ทว่าฉินหยูฝานส่ายหน้าและหัวเราะออกมาเบาๆ เธอมองเผิงเจี๋ยอย่างสนุกสนาน มีบางอย่างกําลังจะตกลงมาอย่างแน่นอน
นี่เป็นครั้งแรกที่เจี่ยนอีหลิงเคยได้ยินจ๋ายหวินเซิ่งพูดแบบนี้
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้พูดคําเหล่านั้นบ่อยๆ แต่ทว่าก่อนหน้านี้เขาไม่มีโอกาสมากนักที่จะพูดมันออกมา
ใครที่มีสมองย่อมไม่ล่วงเกินจ๋ายหวินเซิ่ง
สมาชิกของ [พึ่งพาผู้อื่น] คนนี้เห็นชัดว่าไร้มันสมอง เขาถือจ๋ายหวินเซิ่งเป็นคนธรรมดา
เขารู้เพียงว่า คนสี่คนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะถัดไปล้วนมาจากตระกูลที่ดี
แต่ทว่า เขาไม่รู้ว่าตระกูลของคนเหล่านี้แข็งแกร่งแค่ไหน เขาไม่รู้ว่าจ๋ายหวินเซิ่งเป็นคนแบบไหนอีกด้วย
ทันทีที่จ๋ายหวินเซิ่งพูดแบบนี้ บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ข้างสนามอย่างเงียบๆ ก็ลงมือ
พวกเขาเข้าไปล้อมสมาชิกทั้งสี่ของ [พึ่งพาผู้อื่น]
เมื่อเผิงเจี๋ยเห็นเช่นนี้ เขาก็ตื่นตระหนก แต่ว่าเขาก็ยังลังเลที่จะยอมรับความผิดพลาด “นายกําลังทําอะไร นายจะเล่นสกปรกเหรอ นายจะถูกตัดสิทธิ์ ถ้านายทําให้เกิดการต่อสู้ ฉันจะเปิดเผยพฤติกรรมไร้ยางอายของนายบนอินเทอร์เน็ต มาดูกันว่ายังจะมีคนวางแผนที่จะเป็นแฟนของพวกนายอีกไหม”
เมื่อเผิงเจี๋ยหยิบโทรศัพท์ออกมา เขากลับไม่สามารถปลดล็อกได้ เขาไม่สามารถคลิกหรือเปิดอะไรได้เลย ซึ่งหมายความว่าเขาไม่สามารถถ่ายภาพหรือบันทึกวิดีโอใดๆได้
“หือทําไมโทรศัพท์ของฉันไม่ทํางาน”
เมื่อเพื่อนร่วมทีมเห็นสิ่งนี้ พวกเขาก็มองไปที่โทรศัพท์ของพวกเขาด้วยเช่นเดียวกัน พวกเขาก็ตระหนักว่า พวกเขาไม่สามารถทําอะไรบนโทรศัพท์ของตนเองได้เช่นเดียวกัน
เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับบอดี้การ์ดที่ล้อมรอบตัวพวกเขา
โทรศัพท์ของพวกเขาก็ยังปกติที่ก่อนหน้านี้ แต่ทว่าหลังจากที่บอดี้การ์ดล้อมพวกเขาไว้ โทรศัพท์ของพวกเขาก็หยุดทํางานกะทันหัน
เผิงเจี๋ยสันนิษฐานว่าบอดี้การ์ดของจ๋ายหวินเซิ่งวางแผนที่จะใช้กําปั้น นั่นเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการจัดการกับใครซักคนไม่ใช่หรือไง คงจะใช้หมัดต่อยพวกเขาลงไปนอนกับพื้นเป็นแน่
แต่ทว่า เผิงเจี๋ยไม่รู้อะไรเกี่ยวกับจ๋ายหวินเซิ่งและตระกูลจ๋าย ความคิดของเขาเรียบง่ายเกิน
ตระกูลจ๋ายไม่เคยใช้ความรุนแรงหากต้องการจัดการกับใครสักคน
หลังจากนั้นไม่นาน โทรศัพท์ของพวกเขาก็เริ่มทํางานอีกครั้ง เผิงเจี๋ยได้รับโทรศัพท์ จากครอบครัว
การโทรครั้งนี้ทําให้เลือกทั้งหมดจากใบหน้าของเผิงเจี๋ยหายไปจนหมดสิ้น
เขาลุกขึ้นด้วยความงุนงงและจ้องมองไปที่จ๋ายหวินเซิ่ง
เขารู้ว่าบอดี้การ์ดทั้งหมดอยู่ภายใต้คําสั่งของชายคนนี้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงรู้ว่าชายคนนี้เป็นคนที่รับผิดชอบต่อสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเช่นเดียวกัน
เผิงเจี๋ยมองเขาด้วยสายตาตกตะลึง
เขาพูดเพียงไม่กี่คํา แต่ว่าคนๆนี้ก็ได้ทําให้พ่อ แม่ และพี่สาวของเขาตกงาน
เผิงเจี๋ยกําลังจะมุ่งหน้าตรงไปทางจ๋ายหวินเซิ่ง
แต่เมื่อเขาก้าวไปหนึ่งก้าว เส้นทางของเขากถูกบอดี้การ์ดของจ๋ายหวินเซิ่งขวางไว้
จ๋ายหวินเซิ่งกําลังรับประทานอยู่ เขาเหลือบมองเผิงเจี๋ยและพูดว่า “ถ้านายชนะการแข่งขันในวันพรุ่งนี้ ฉันจะทําทุกอย่างให้เป็นปกติ แต่ถ้าแพ้ก็ลืมทุกอย่างไปได้เลย”
บทที่ 420 ให้สิ่งจูงใจแก่นายในการชนะ
“นาย… ทําไมนายถึงทําแบบนี้”
เผิงเจี๋ยไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เมื่อเขาบ่นว่าทีมอื่น
ในมุมมองเขาอย่างมากที่สุด เขาก็คงจะทะเลาะกับคนอื่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส
เรื่องนี้ยังอัปเดตต่อไหมคะ😭...