ตอนที่ 515-516 – ตอนที่ต้องอ่านของ เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส
ตอนนี้ของ เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายดราม่าทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 515-516 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
บทที่ 515 สภาพฉันน่าอับอาย ใช่ไหม
หลังจากพูดแบบนี้แล้ว ภรรยาของฉินหงรุ่ยก็เดินออกจากห้องไป
ฉินหงจื้อก็ติดตามเธอไปด้วย
ทั้งสองคนลงไปชั้นล่างเพื่อหารือเรื่องนี้
ฉินหยุฝานเหลือบมองไปที่เงี่ยนอีหลิง แม้ว่าเธอไม่ต้องการที่จะยอมรับ แต่เธอก็ยังต้องยอ มรับว่า วิธีที่เงี่ยนอีหลิงคุยกับพ่อของเธอนั้น… สุดยอดดด
ดูเหมือนว่าเจียนอีหลิงยังมีบุญคุญอยู่บ้าง
อย่างไรก็ตาม จะเป็นการดีที่สุดสําหรับอีกฝ่ายที่จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้
หากเจียนอีหลิงทําให้พ่อของเธอขุ่นเคือง ตระกูลเจี้ยนก็คงตกอยู่ในช่วงเวลาที่ไม่ดีนัก
“เจี้ยนอีหลิงอย่าพูดแบบนี้อีก” ฉินหยุฝานพูดกับเจียนอีหลิงด้วยน้ําเสียงตักเตือน
“ทําไมเหรอ?” เจียนอีหลิงถาม น้ําเสียงเธอราบเรียบเมื่อถามคําถาม
“ทําไมเธอถึงมาถามฉันว่าทําไม? ใช้สมองของเธอบ้างสิ” ฉินหยูฝานตอบกลับ เธออยู่ใน สภาพอารมณ์ที่ไม่ดีนัก
เธอไม่รู้ว่าเจียนอีหลิงเอาชีวิตรอดในเมืองเหิงหยวนได้ยังไง แต่ทว่านี่คือเปยจิง ถ้าเธอยัง ทําแบบเดิมอีก เธอจะต้องจ่ายให้มันอย่างขมขื่น
ถ้าเธอทําให้ฉินหงจื้อขุ่นเคือง เธอต้องได้จ่ายอย่างแน่นอน
เธอคิดว่าตระกูลของเธอจะสามารถปกป้องเธอได้ในเวลานั้นงั้นเหรอ?
หรือเธอคิดว่านายท่านเพิ่งจะเต็มใจปกป้องเธอ? นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เธอไม่มีความกลัวงั้นเหรอ?
ผู้หญิงไม่ควรพึ่งพาแต่ผู้ชายเพื่อปกป้องตัวเอง
## หัวเดียวกระเทียมลีบ ส่งข้าวส่งน้ําผู้แปลหน่อยนะครับ
แต่เธอควรเรียนรู้วิธีป้องกันตัวเองด้วย
อา… ทําไมนายท่านเชิงถึงชอบคนแบบนี้? เขาชอบปกป้องเธออะไรทํานองนั้นเหรอ?
เจียนอีหลิงไม่ได้ตอบกลับฉินหยูฝาน ด้วยเหตุนี้ฉินหยูฝานจึงถือว่าเจียนอีหลิงเข้าใจในคําพูด เหล่านั้น
ฉินหงจื้อคุยกับภรรยาฉินหงรุ่ยอยู่พักหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ไม่นานทั้งสองก็เริ่มทะเลาะกัน
เมื่อได้ยินเสียงความโกลาหลที่ชั้นล่าง ฉินหยูผ่านก็รีบลงไปตรวจสอบสถานการณ์
อย่างไรก็ตาม นี่ยิ่งทําให้เกิดความโกลาหลมากขึ้น
ฉินหยุฝานและฉินหงจื้อเริ่มทะเลาะกันอีกครั้ง
จากเสียงวุ่นวายดังกล่าว ดูเหมือนว่าจะมีการโต้เถียงที่รุนแรงเหลือเกิน
สักพัก เจียนอีหลิงก็ลงไปข้างล่าง ซึ่งขณะนั้น ฉินหงจื้อได้ออกจากบ้านไปแล้ว ในทางกลับกัน ฉินหยุฝานก็ได้วิ่งเข้าไปในห้องเล็กๆ เพื่อร้องไห้
เนื่องจากประตูห้องนั้นไม่ได้ปิด เจียนอีหลิงจึงเดินเข้าไปหา
ฉินหยูฝานขดตัวอยู่ที่มุมห้อง เธอซุกหน้าอยู่ในอ้อมแขนและร้องไห้เบาๆ
เจียนอีหลิงบิดประตูเบื้องหลังและนั่งลงอยู่อย่างเงียบๆข้างๆฉินหยุฝาน ฟังเสียงร้องของเธอ โดยไม่พูดคําปลอบโยนอะไรออกมา เธอไม่ได้แม้จะพยายามเกลี้ยกล่อมฉินหยุฝานไม่ให้ร้องไห้
“ทําไมเรื่องราวกลับกลายเป็นแบบนี้… เขาเป็นพ่อฉัน เขาเป็นคนที่ฉันเคารพและรักมากที่สุด เมื่อฉันยังเด็ก เขายอดเยี่ยมมาก ในสายตาฉัน เขามีค่าควรแก่การเคารพ แต่ตอนนี้ ฉันพบว่าเขา ไม่คู่ควรแก่การเคารพเลยซักนิดเดียว เขาไม่ได้เป็นอย่างที่ฉันคิดไว้เลย…”
“ฉันคิดถึงแม่… วิญญาณมีอยู่ในโลกของเราจริงไหม? แม่ฉันเฝ้าดูฉันจากสวรรค์บ้างไหม? ถ้า แม่เฝ้ามองจากบนสวรรค์ แม่จะบอกฉันได้ไหมว่าฉันต้องทําอะไรบ้าง? ต้องทํายังไงถึงจะดีขึ้น”
“บ้านฉันไม่เหลือแล้ว แม่ฉันก็ไปแล้วเช่นกัน แล้วตอนนี้ ดูเหมือนว่าฉันจะสูญเสียพ่อไป อีก… ฉันรู้สึกอยากจะยอมแพ้…”ฉินหยุฝานหมดสภาพ
การโต้เถียงกับฉินหงจื้อเมื่อกี้นี้ ได้ทําลายความแข็งแกร่งที่เธอแสดงออกมาโดยสิ้นเชิง
ดังนั้นเธอจึงเริ่มร้องไห้ เธอปล่อยอารมณ์และความรู้สึกทั้งหมดที่เธอเก็บไว้กับตัวเองมานาน หลายปี
บางอารมณ์เธอถูกปิดผนึกมาเป็นเวลานาน การโต้เถียงในวันนี้ได้เปิดผนึกนั้นออกมา ความ เจ็บปวด ความไม่พอใจ และความโกรธภายในก็หลั่งไหลออกมา
ผ่านไปครู่หนึ่งฉินหยุฝานก็เงยหน้าขึ้น ตาเธอแดงและใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยรอยน้ําตา
ฉินหยุฝาน หญิงสาวแห่งตระกูลฉันไม่เคยอยู่ในสภาพที่เสียใจเช่นนี้มาก่อน
อย่างไรก็ตามคราวนี้ เธออยู่ในสภาพยังเหยิงต่อหน้าคนภายนอก
ฉินหยูฝานมองไปที่เงี่ยนอีหลิง เธอถามอย่างไม่สบายใจ “สภาพฉันน่าอับอาย ใช่ไหม?”
ฉินหยูฝานยกมือขึ้นเช็ดหน้าตัวเอง
อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็ปล่อยให้เจี้ยนอีหลิงเช็ดให้
เธอยังคงต้องพูดกับผู้คนเมื่อเธอออกจากห้อง
เด็กสาวตัวเล็กๆตรงหน้าเห็นเธอในสภาพที่น่าสังเวชแล้ว อย่างไรก็ตาม เธอไม่สามารถปล่อยให้คนอื่นเห็นเธออยู่ในสภาพนี้ได้อีก เธอไม่ใช่ตัวตลก
เดิมที่โม่ชื่ออขึ้นไม่ได้มีความหวังมากนักในการติดต่อกับโรงพยาบาลรั่วไห่เซิน
เธอเพียงต้องการทดสอบโชค เธอจึงขอให้แม่สอบถามเรื่องนี้
อย่างไรก็ตามเธอแปลกใจที่ได้ยินว่ามีคนใกล้ชิดกับเธอมีความเกี่ยวพันกับโรงพยาบาล
มีชาวต่างชาติชื่อไรอัน ซึ่งเป็นแฟน(ดารา)ของโม่ชื่ออวุ่นโม่ ชื่ออวนได้ช่วยเขาไว้เมื่อตอนที่เขาต้องการ
สองสามปีที่ผ่านมา ไรอันเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว เขาได้รับการปลูกถ่ายไขกระดูกเมื่อสองปีครึ่งที่ผ่านมา
ผู้บริจาคไขกระดูกก็คือโม่ชื่ออขึ้น
ในขณะนั้น โม่ชื่ออริ้นได้ทําสัญญากับบริษัทแห่งหนึ่ง เมื่อความนิยมและชื่อเสียงเธอตกต่ําลงตัวแทนของบริษัทได้ขอให้เธอถือโอกาสจากเรื่องนี้เพื่อเรียกความนิยมกลับคืนมา
โม่ชื่ออริ้นคิดว่านี่เป็นความคิดที่ดี ดังนั้น เธอจึงบริจาคไขกระดูกและช่วยไรอันไว้
เมื่อไรอันได้ยินว่าโม่ชื่ออริ้นกําลังตามหาโรงพยาบาลรั่วไห่เซิน เขาจึงแสดงความเต็มใจที่จะช่วยเหลือ
และด้วยเหตุนี้โม่ชื่ออวนจึงได้พบกับอีกฝ่าย อย่างไรก็ตาม เธอก็มีความรู้สึกค่อนข้างสงสัย
ไรอันเป็นผู้ชายที่ดูเหมือนคนยุโรป เขามีผมสีน้ําตาล จมูกโด่ง และตาลึก ทั้งยังค่อนข้างสูงอีกด้วย
ในเมื่อเขาอาศัยอยู่ในประเทศจีนมาระยะหนึ่งแล้ว เขาจึงพูดภาษาจีนได้คล่อง
ไรอัน บอกโม่ชื่ออวุ่นว่า เขามีบัตรวีไอพีสําหรับโรงพยาบาลรั่วไห่เซิน ถ้าเขาใช้บัตรวีไอพีในการสมัครบนเว็บไซต์โรงพยาบาลรั่วไห่เซิน ใบสมัครเขาจะได้รับความสําคัญมาเป็นอันดับต้นๆ
โม่ชื่ออขึ้นมองไรอันก่อนจะพูดว่า “นายได้บัตรนี้มายังไง”
ไรอันยิ้มก่อนจะอธิบายว่า “โรงพยาบาลรั่วไห่เซินสร้างขึ้นเมื่อสองสามปีก่อน นอกจากเงินแล้ว พวกเขายังต้องการการสนับสนุนด้านทรัพยากรอีกด้วย การสร้างโรงพยาบาลบนเกาะที่ห่างไกลจากแผ่นดินใหญ่เป็นเรื่องที่ต้องใช้แรงงานมากเหลือเกิน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส
เรื่องนี้ยังอัปเดตต่อไหมคะ😭...