เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส นิยาย บท 573

สรุปบท ตอนที่ 573-574: เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

ตอน ตอนที่ 573-574 จาก เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 573-574 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายดราม่า เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่ 573 ความอิจฉาของทั้งสองฝ่าย 4

จ๋ายหวินเฉิ่งก้มหน้าจ้องมองไปที่เจี่ยนอีหลิง

เจี่ยนอีหลิงมีสีหน้าจริงจังมาก เธอปล่อยมือเขา แต่ทว่าอีกมือก็ยังคงจับที่แขนเขา

แม้ว่ามือของเจี่ยนอีหลิงจะดูเล็กและนุ่มนวล แต่เธอก็มีพลังค่อนข้างมาก

เธอจับแขนของจ๋ายหวินเชิงไว้แน่น ราวกับเป็นกังวลว่าจ๋ายหวินเชิงจะวิ่งหนีไปจากเธอ

หลังจากนั้นไม่นาน สุดท้ายจ๋ายหวินเชิงก็ตอบสนอง เขาเริ่มหัวเราะ

เขาพยายามใช้มือปิดรอยยิ้ม แต่ทว่า นั่นทําให้รอยยิ้มชัดเจนยิ่งขึ้น

รอยยิ้มเขาเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ

เจี่ยนอีหลิงค่อนข้างสับสน เธอเงยหน้าขึ้นมองจ๋ายหวินเชิง

ฉินหยูฝานและฉันชวนก็จ้องมองไปที่จ๋ายหวินเชิง

หลังจากหัวเราะอยู่พักหนึ่ง จ๋ายหวินเชิงก็พูดกับเจี่ยนอีหลิงว่า “ไปกันเถอะ”

จ๋ายหวินเชิงทําท่าทางให้เจี่ยนอีหลิงไปกับเขา

แต่ทว่าเจี่ยนอีหลิงไม่เข้าใจคําพูดของจ๋ายหวินเชิง

อา… แน่นอนว่าสมองเธอทํางานได้ไม่ดีนักเมื่อพูดถึงเรื่องพวกนี้

จ๋ายหวินเชิงมองดูใบหน้าที่สับสนของเธอก่อนจะพูดว่า “คือ เธอไม่ใช่เพื่อนหญิงของฉันเหรอ? เธอไม่มากับฉันเหรอ”

เจี่ยนอีหลิงชะงักอยู่ชั่วขณะ ดูเหมือนว่านั่นจะสมเหตุผล

แต่ยังไงก็ตาม เธอก็ยังคงสงสัยว่าทําไมตัวเธอถึงมีปฏิกิริยาแบบนั้นเมื่อกี้นี้

แต่ถึงกระนั้น เธอก็ยังคงออกจากห้องนั่งเล่นกับจ๋ายหวินเชิง

ทว่า เมื่อพวกเขาออกจากห้องนั่งเล่น เจี๋ยนอีหลิงก็เริ่มรู้สึกเขินอาย มีคนมากมายอยู่ข้างนอก

ขณะที่เธอพยายามปล่อยจ๋ายหวินเชิง เขาก็ดึงมือเธอ

รอยยิ้มยังคงอยู่บนใบหน้าของจ๋ายหวินเชิง

เขาก้มหน้าลงและกระซิบข้างหูของเจี่ยนอีหลิง “เธอไปไม่ได้ มิสหยุฝานบอกว่าเธอจะเป็นเพื่อนหญิงของฉันในคืนนี้ ในเมื่อเธอไล่เพื่อนหญิงของฉันไปแล้ว ไม่ใช่ว่าเธอควรชดใช้ความสูญเสียของฉันงั้นเหรอ”

“ฉันเดาว่าคงเป็นเช่นนั้น” เจี่ยนอีหลิงตอบด้วยน้ําเสียงแผ่วเบา เธอไม่มีความมั่นใจเท่าไหร่ ในขณะที่เธอพูดแบบนี้

อาา ความหุนหันพลันแล่นช่างร้ายกาจนัก

เมื่อได้ยินดังนั้น จ๋ายหวินเชิงก็ยิ้มกว้างขึ้น

จากนั้นเขาก็เหลือบมองไปที่คอของเจี่ยนอีหลิง “อย่าซ่อนจี้หยกสิ”

เจี่ยนอีหลิงสวมจี้หยกที่จ๋ายหวินเซิ่งมอบให้

โดยปกติ เจี่ยนอีหลิงจะซ่อนไว้ในเสื้อผ้าของเธอ วันนี้เธอซ่อนจี้หยกใต้ชุดราตรี

เจี่ยนอีหลิงมีเหตุผลที่จะซ่อนจี้เมื่อเธอสวมเสื้อผ้าลําลอง

แต่ทว่าเธอต้องแสดงจี้ในวันนี้

จากนั้นจ๋ายหวินเซิ่งก็ได้ปรับจี้ให้กับเจี่ยนอีหลิง เขาทําให้แน่ใจว่าสามารถเห็นจี้ที่ห้อยคอเธอ

เชือกสีดําและจี้หยกที่เกือบใสช่วยเสริมเครื่องแต่งกายของเจี่ยนอีหลิงในวันนี้

นอกจากนี้ มันดูดีเข้ากับชุดสูทของจ๋ายหวินเชิงเช่นเดียวกัน

ฉินหยุฝานยังคงอยู่ในห้องนั่งเล่น ท่าทางเธอไม่มีความสุขมาก เนื่องจากไม่มีบุคคลภายนอกอยู่ในห้อง ความเจ็บปวดจึงปรากฏขึ้นบนใบหน้าเธอ

เธอรู้ว่าเธอแพ้ เธอแพ้อย่างสมบูรณ์

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นจ๋ายหวินเชิงยิ้มแบบนั้น

รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความรักและความสุข รอยยิ้มนั้นมาจากก้นบึงของหัวใจ

มันเป็นสิ่งที่เธอต้องการในอดีต

แต่ทว่า เขามอบทั้งหมดให้กับเจี่ยนอีหลิง

และด้วยเหตุนี้เธอถึงแพ้ แต่เหตุผลที่ทําให้เธอแพ้นั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจี่ยนอีหลิง เธอรู้จักเขาดีก่อนที่เขาจะรู้จักกับเจี่ยนอีหลิง แต่ยังไงก็ตาม เธอก็ยังไม่สามารถทําให้เขาชอบเธอได้

ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น เธอก็ยังอิจฉาเจี่ยนอีหลิง เจี่ยนอีหลิงเท่านั้นที่ได้รับความสนใจและความรักอย่างเต็มที่จากเขา

ถึงกระนั้น มันก็เป็นเพียงความอิจฉาเท่านั้น

ฉินหยุฝานเหลือบมองฉันชวน เธอสังเกตว่าเขากําลังมองไปทางประตู ฉินชวนมีสีหน้ากระวนกระวาย “หืม? นายอารมณ์เสีย? แล้วทําไมไม่ทําอะไร”

“แล้วทําไมเธอถึงไม่ทําอะไร” ฉินชวนย้อนถามด้วยถ้อยคําเดียวกัน

“ฉันได้ลองทุกอย่างแล้ว”

“อืม ฉันไม่ได้ชอบเธอแบบนั้น ฉันแค่เป็นห่วงเธอ” ฉันชวนอธิบาย

“หยุดโกหกตัวเอง จริงใจกับตัวเอง ใครๆก็เห็นว่านายปฏิบัติต่อเธอแตกต่างออกไป” ฉินหยูฝานกล่าว ราวกับว่าเธอสามารถอ่านหัวใจเขาได้

จากนั้นฉันหยุฝานก็ออกไปจากห้องนั่งเล่นเช่นเดียวกัน

หลังจากที่ฉินหยุฝานออกไปแล้ว ฉันชวนก็อยู่ในห้องต่อไปอีกเป็นเวลานาน เขาไม่ได้เคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย

คําพูดของฉินหยูฝานยังคงก้องอยู่ในหูเขา

แต่ทว่าจ๋ายหวินเชิงเพียงแค่ยิ้มเมื่อได้ยินคําถาม เขาไม่ได้ปฏิเสธคําถาม

แต่ยังไงก็ตาม เขาก็ไม่ได้บอกว่าใช่เช่นเดียวกัน แม้ว่าเธอจะเป็นกระต่าย แต่เมื่อตอนที่เธอดุ เธอก็น่ากลัวกว่าสิงโต

เมื่อเห็นเป็นเช่นนี้ ทั้งสองก็แข็งที่ออยู่กับที่

จากนั้นพวกเขาก็มองหน้ากัน

นี่มันอะไรกันเนี่ย?

นายท่านเชิงยิ้ม เขากําลังยิ้มอยู่จริงๆ

เขาหมายความว่ายังไงแบบนั้น?

“ไม่” เจี่ยนอีหลิงตอบ เสียงเธอสุภาพและนุ่มนวล

น่ารักจัง

แม้จะได้ยินอย่างนั้น จ๋ายหวินเชิงก็ไม่ได้พูดอะไร

แต่ทว่าสําหรับผู้ชายสองคน ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าพวกเขาตอนนี้ช่างดูสับสนเกินไป พวกเขาทั้งสองล้วนหลงทางไปโดยสิ้นเชิง

หลังจากมองหน้ากันแล้ว ชายทั้งสองก็ตัดสินใจแนะนําตัวเองกับเจี่ยนอีหลิง

“สวัสดีครับ คุณหนูอีหลิง ผมชื่อซิงเหว่ย ยินดีที่ได้พบ ส่วนเด็กสาวข้างตัวผมชื่อหานหมิงอี้”

หานหมิงอวี้ดูเหมือนเด็กจริงๆ ชุดสูทเขาเป็นตาหมากรุกสี

เจี่ยนอีหลิงพยักหน้า

ปฏิกิริยาตอบสนองของเธอค่อนข้างไว้ตัว

ดูเหมือนเธอจะเป็นคนขี้อายและเก็บตัว

จากนั้นซิงเหว่ยก็พูดกับจ๋ายหวินเซิ่งว่า “นายท่านเชิง นายไม่ได้ออกไปไหนกับเราเลยในช่วงนี้ หรือว่าเป็นเพราะ…”

จากนั้นซิงเหว่ยก็เลิกคิ้วขึ้น เขารู้ว่าจ๋ายหวินเชิงเข้าใจสิ่งที่เขาต้องการสื่อ

ในตอนแรกซ่งเหว่ยคิดว่าจ๋ายหวินเชิงจะต้องปฏิเสธอย่างแน่นอน

“อือ” จ๋ายหวินเชิงตอบ

มันเกี่ยวข้องกับเจี่ยนอีหลิงอย่างแน่นอน

เจี่ยนอีหลิงเงยหน้าขึ้นมองจ๋ายหวินเชิง

ออกไปข้างนอกงั้นเหรอ?

ออกไปทําอะไรกัน?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส