การกระทำเช่นนี้อาจเรียกได้ว่าบ้าบิ่น พึงต้องรู้ว่าสายฟ้าที่รุนแรงขนาดนี้เป็นปรากฏการณ์ที่มีพลังทำลายล้างสูงที่สุดประเภทหนึ่งโดยธรรมชาติ แม้จะเป็นนักยุทธผู้แข็งแกร่งซึ่งมีเขตแดนสัจจะยุทธก็ยังมิกล้าเผชิญหน้าสุ่มสี่สุ่มห้า ทว่าวิชาเทพมังกรมรกตที่เสิ่นเสียงฝึกฝนกลับต้องใช้อสนีบาตเข้าช่วย
ภาพปรากฏการณ์ประหลาดครั้งนี้ดำเนินต่อเนื่องอยู่ครึ่งคืนจึงหยุดลง ใบหน้าที่บิดเบี้ยวจากการแบกรับความเจ็บปวดของเสิ่นเสียงก็ค่อย ๆ ดีขึ้น อาภรณ์บนกายของเขาถูกสายฟ้าฟาดเสียจนขาดวิ่น นอกจากนี้ยังปรากฏรอยแผลเป็นไหม้เกรียมและไอควันมากมาย ทว่าบนรอยแผลเป็นเหล่านั้นต่างส่องแสงสีมรกตเจิดจ้า แสงสีมรกตซึ่งแฝงไอปราณธาตุไม้เข้มข้นนั้นกำลังฟื้นฟูบาดแผลอยู่
"ความเจ็บปวดเล็กน้อยแค่นี้จะสำคัญอย่างไร ข้าต้องการแข็งแกร่งขึ้น" สองมือของเสิ่นเสียงกำแน่น กู่ร้องอยู่ภายในใจ อดทนรับสายฟ้าที่ฟาดลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า เขาขบฟันแบกรับความเจ็บปวด ปล่อยให้สายฟ้าทดสอบร่างกายของเขา
สมกับเป็นวิชาเทพ ไม่เพียงสามารถทำให้เกิดปรากฏการณ์ประหลาด ยังสามารถทำให้ร่างกายอดทนต่อการโจมตีของสายฟ้า ฉีกทึ้งกายเนื้อ และทำให้กายเนื้อแข็งแกร่งขึ้นได้
หลายวันผ่านไป ร่างกายของเสิ่นเสียงราวกับถูกสายฟ้าฟาด ยามนี้เขาสำเร็จการฝึกฝนร่างกายขั้นต้นแล้ว
เมื่อเสิ่นเสียงลืมตาขึ้น สายฟ้าสองสายก็พุ่งออกมาจากดวงตาที่มั่นคงและหนักแน่นคู่นั้นอย่างน่าตกตะลึง
"วิชาเทพก็คือวิชาเทพ วิทยายุทธดาษดื่นเหล่านั้นเทียบไม่ได้เลยจริง ๆ เพียงหนึ่งเดือนก็ทำให้ข้าก้าวสู่การเป็นนักสู้ระดับห้าได้แล้ว"
ยามนี้เขาก้าวสู่การเป็นนักสู้ระดับห้าแล้ว
เสิ่นเสียงมองเข้าไปในกระแสปราณแท้ทั้งห้าภายในตันเถียน มีเพียงต้องแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น จึงจะสามารถควบคุมปราณแท้ได้ตามปรารถนา นี่คือระดับปราณแท้ของนักสู้ระดับห้า
เขาในวัยสิบหก ครอบครองพลังนักสู้ระดับห้าก็นับว่าเป็นอัจฉริยะแล้ว
เสิ่นเสียงมองปราณแท้สีเขียวมรกตและสีชาดที่ลอยอยู่บนมือทั้งสองข้าง ข้างหนึ่งคือปราณแท้ธาตุอัคคี อีกข้างคือปราณแท้ธาตุไม้ นั่นแสดงว่าเขาควบคุมวิชาเทพมังกรมรกตและวิชาเทพวิหกเทพในขั้นต้นได้แล้ว
เวลานี้ เสิ่นเสียงเพียงรู้สึกราวกับตนได้ถอดรกเปลี่ยนกระดูก ไม่ว่าจะเป็นกายเนื้อหรือปราณแท้ ล้วนแข็งแกร่งไร้เทียมทาน ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นปราณแท้ซึ่งหล่อหลอมออกมาด้วยการฝึกฝนวิชาเทพ และร่างกายที่ขัดเกลาออกมาด้วยการฝึกฝนวิชาเทพ
เวลานี้เสิ่นเสียงเพิ่งเข้าใจว่าเหตุใดวิชาเทพจึงเป็นวิชาเทพ นั่นคือวิชายุทธที่สามารถทำให้ผู้ฝึกฝนกลายเป็นเทพได้นั่นเอง
"ที่นี่พลังวิญญาณบกพร่อง หากเจ้าอยากก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว มีเพียงต้องอาศัยโอสถเท่านั้น ตอนนี้สามารถปลดปล่อยเพลิงแห่งปราณแท้ได้แล้ว ก็สามารถเริ่มศึกษาการหลอมยาได้" ซูเม่ยเหยากล่าวกับเขา
ซูเม่ยเหยากับไป๋โยวโยวก็หวังว่าเสิ่นเสียงจะสามารถเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่นนี้พวกนางก็จะฟื้นฟูพลังได้ในเร็ววัน ไม่มีเหตุใดที่จะทำให้พวกนางรู้สึกหวาดกลัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพโอสถผงาดโลกา
บทอ่านน้อยไปครับ...
ยอดดเยี่ยม...
ไม่ลงให้อ่านสักกะทีรอยุ...
รออ่านอยู่นะครับ...