วิลล่าหยุนติ่ง
“บอสคะ จัดการเสร็จแล้วค่ะ”
โหวเมิ่งหยาวมาที่ห้องรับแขก รายงานให้ฉินเฟิงที่กำลังนั่งอยู่บนระเบียงทราบ
เธอเป็นตัวแทนที่มีคุณสมบัติเหมาะสม รู้ว่าอะไรควรถาม อะไรไม่ควรถาม มันคืองาน ควรปฏิบัติต่อเขาด้วยท่าทีเข้มงวดในการทำงาน
และในเวลานี้ฉีหยุนก็มาถึงวิลล่าแห่งนี้พร้อมกับเอกสารในมือฉบับหนึ่ง เขาเดินเข้ามาที่ข้างกายฉินเฟิง แล้วรายงานว่า “คุณผู้ชายครับ ผมตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว ตระกูลโจว ตระกูลหยวน และตระกูลหลินมีการคบค้าสมาคมใกล้ชิดที่สุดกับตระกูลหลี่ ในอดีตพวกเขาค่อยๆ ตอดกินบริษัทซานหยวนกรุ๊ปที่มีมูลค่าตลาดกว่าหมื่นล้านทีละนิดจนประสบความสำเร็จอย่างมากมาย ปัจจุบันกลายเป็นสามตระกูลที่ร่ำรวยและทรงอิทธิพลสูงสุดในเมืองเจียงเฉิง”
“นอกจากนี้ผมยังพบว่า ทั้งสามตระกูลนี้ดูเหมือนจะได้รับความช่วยเหลือจากองค์กรแห่งหนึ่ง ซึ่งต่างจากตระกูลทั่วไป ภายในมีคนจำนวนหนึ่งที่ไม่ธรรมดา”
ฉีหยุนทยอยรายงานอย่างต่อเนื่อง
โหวเมิ่งหยาวที่อยู่ข้างๆ ตกใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอในฐานะคนที่เรียนด้านธุรกิจ ย่อมรู้จักฉีหยุนที่อยู่ข้างกายคนนั้น
เธอได้เห็นรูปถ่ายของประธานบริษัทเฟิงซิ่งกรุ๊ปตั้งแต่แรกแล้ว
แต่ตอนนี้ชายคนนี้กลับเรียกฉินเฟิงว่าคุณผู้ชาย ถ้าเช่นนั้นฉินเฟิงผู้นี้น่าจะมีสถานะที่น่าทึ่งแค่ไหน นอกจากนี้ในการสนทนายังมีการพูดถึงสามตระกูลที่ร่ำรวยและทรงอิทธิพลสูงสุดด้วย
เนื้อหาของการสนทนาเกินไปจากจินตนาการของเธอแล้ว
แต่เธอก็เป็นมืออาชีพ ไม่ว่าเนื้อหาจะน่าตกใจขนาดไหน เธอก็ยังยืนอยู่ข้างหลังฉินเฟิงด้วยสีหน้าเคร่งขรึมไม่เปลี่ยนเลย
“สามตระกูลที่ร่ำรวยและทรงอิทธิพลสูงสุด?”
ฉินเฟิงเกิดความสนใจขึ้นมา
ขณะนั้นเองโทรศัพท์ของโหวเมิ่งหยาวก็ดังขึ้น เธอรับสายและพูดว่า “บอสคะ สายจากตระกูลโจวค่ะ ผู้นำตระกูลโจวเชิญท่านไปพูดคุยด้วยที่บ้าน”
“ดีเลย ไปพบตระกูลโจวหนึ่งในตระกูลที่ร่ำรวยและทรงอิทธิพลสูงสุดในเมืองเจียงเฉิงเสียหน่อย”
ฉินเฟิงตอบตกลง
จากนั้นจึงหยิบหน้ากากและออกไปพร้อมกับโหวเมิ่งหยาว โหวเมิ่งหยาวเป็นคนขับรถ ฉินเฟิงนั่งอยู่ที่เบาะหลัง ในมือมีเอกสารฉบับนั้นซึ่งเป็นข้อมูลที่ได้มาจากตระกูลโจว
“ผู้นำตระกูลโจวคนนี้ก็เป็นผู้หญิงที่ใจดำอำมหิตเช่นกัน”
เมื่อฉินเฟิงเห็นเอกสารฉบับนี้ เขาก็อดหัวเราะไม่ได้
ที่แท้ตระกูลโจวไม่ใช่ตระกูลที่ร่ำรวยตั้งแต่ในอดีต แต่เป็นเพียงตระกูลเล็กๆ เท่านั้น แต่โจวจือเชียนในฐานะลูกสาวคนโตของตระกูลโจว สมัยเรียนมหาวิทยาลัยได้มีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลฉินซึ่งเป็นตระกูลใหญ่ในสมัยนั้น ต่อมาเธอก็แต่งงานเข้าตระกูลฉิน
แต่อีกสามปีต่อมา ตระกูลฉินได้ล้มละลาย บ้านแตกสาแหรกขาด ส่วนตระกูลโจวได้เหยียบซากศพของตระกูลฉินไต่เต้าขึ้นมา ต่อมายังคอยกัดกินบริษัทซานหยวนกรุ๊ปทีละน้อยจนเติบโตอย่างรวดเร็ว
มาถึงตอนนี้ ตระกูลโจวได้กลายเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในเมืองเจียงเฉิงแล้ว
ด้วยการควบคุมโจวจือเชียนเพียงผู้เดียว
เรียนจบมาแล้วเก้าปี ตอนนี้ได้กลายเป็นนักธุรกิจอันดับหนึ่งในเมืองเจียงเฉิง แค่คิดก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาเลย
“ไม่ว่าจะใจดำอำมหิตแค่ไหน หรือเป็นอัจฉริยะทางธุรกิจอย่างแท้จริง มีวิธีการเหนือคนอื่น คุณก็ไม่ควรจะหมายปองภรรยาและลูกสาวของผม ยิ่งไปกว่านั้น ผมอยากรู้ความลับเกี่ยวกับผมที่หลี่เจิ้งหยางพูดถึง”
ฉินเฟิงดูข้อมูลฉบับนั้น แล้วพึมพำกับตัวเอง
ผ่านไปครู่หนึ่งรถก็จอดลง
“บอส ถึงแล้วค่ะ”
โหวเมิ่งหยาวเปิดประตูรถให้ฉินเฟิง เธอสวมสูทแบบสุภาพบุรุษ ใส่ถุงมือสีขาว ไม่เหมือนนักศึกษามหาวิทยาลัยที่เพิ่งจบออกมาใหม่ แต่เป็นตัวแทนที่มากไปด้วยประสบการณ์
ฉินเฟิงลงจากรถ แหงนหน้าขึ้นมอง เห็นว่ามันคือพื้นที่วิลล่าอีกแห่งที่มีตัวอักษรโจวขนาดใหญ่อยู่บนนั้น
“ไปกันเถอะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพศึกมังกรหวนคืน