“สงสัยคจะเป็นแบบนั้น”
ฉินเฟิงมองหญิงสาวผู้มีเสน่ห์ที่แต่งตัวงามเพริศพริ้งที่อยู่ข้างเขา ปากรูปเชอร์รี่ ก่อนหน้านี้ยังรู้สึกหดหู่เล็กน้อย แต่ตอนนี้เมื่อเก็บเงินได้แล้ว รอยยิ้มอันแสนหวานก็วาดขึ้นที่มุมปาก
มันทำให้ฉินเฟิงนึกอยากเข้าไปจูบ
น่าเสียดายที่ อิ่นซินไม่ได้ให้โอกาสนี้กับเขา เธอเอนตัวพิงอยู่ครู่หนึ่งแล้วผละออกไป ก่อนจะพูดอย่างแอบดีใจ “นี่เป็นเรื่องยุ่งยากเรื่องสุดท้ายที่บริษัทมอบหมายให้ฉัน หลังจากเก็บเงินก้อนนี้ได้ ก็เกือบเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไป กลับบริษัทไปรายงานผลงานกันเถอะ”
ตอนแรกคุณท่านอิ่นได้ขัดขวางเส้นทางนี้อิ่นซินจะได้เป็นประธาน เพราะเรื่องสร้างความขุ่นเคืองให้กับบริษัทฟางซื่อกรุ๊ป จนเกิดเป็นปัญหามากมาย แต่ในตอนนี้เรื่องพวกนี้ได้รับการจัดการเรียบร้อยแล้ว
เธอต้องกลับไปที่บริษัท!
บริษัทซานหยวนกรุ๊ป
หลังจากที่อิ่นซินและฉินเฟิงกลับมาถึงบริษัท อิ่นซินก็ถามเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งว่า “คุณปู่อยู่ที่ไหน?”
“กำลังประชุมอยู่ที่ชั้นบน”
เพื่อนร่วมงานคนนั้นชี้ไปที่ห้องทำงานที่อยู่ชั้นบน
เนื่องจากเป็นธุรกิจของครอบครัว ดังนั้นอิ่นซินจึงเรียกว่าคุณปู่ตรงๆ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เธอเดินตรงขึ้นไป หาห้องทำงานนั้นจนพบแล้วเคาะประตู
ก๊อก ก๊อก
อิ่นซินปัจจุบันเป็นสมาชิกคณะกรรมการ มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมการประชุม
“เข้ามา”
มีเสียงมาจากด้านใน จากนั้นอิ่นซินและฉินเฟิงก็เดินเข้าไป ทันทีที่เดินเข้าไป ห้องประชุมทั้งห้องก็เงียบลง ฉินเฟิงกวาดสายตามอง คุณท่านอิ่นยังคงนั่งอยู่ในตำแหน่งประธานเช่นเคย
อิ่นเสี้ยงสวี่และอิ่นป่ายอยู่เคียงข้างเขา
“ฮ่าฮ่า นางเอกมาแล้ว การประชุมในวันนี้เธอไม่ควรบุกเข้ามา ใครที่เกี่ยวข้องกับเรื่องแบบนี้ก็รู้สึกแย่กันทั้งนั้น”
“ไม่มีทางเลือก คุณท่านให้ความสำคัญผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เขาไม่ชอบลูกสาว แม้แต่อิ่นเสี้ยงสวี่เองก็เป็นที่โปรดปรานของคุณท่านเพราะเธอมีน้องชาย”
“ใครใช้ให้บ้าน อิ่นหยวนมีลูกสาวสองคนล่ะ”
ผู้ชนเริ่มพูดคุยกันเอง
อิ่นซินได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกไม่ชอบมาพากลทันที เธอเงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า “คุณปู่ การประชุมวันนี้เกี่ยวกับอะไร? ฉันในฐานะสมาชิกคณะกรรมการ มีสิทธิ์ที่จะรู้”
“ประชุมเกี่ยวกับผู้เป็นตัวเลือกประธานรักษาการ”
คุณท่านอิ่นกำลังจับไม้เท้าอันหนึ่ง
“คุณปู่อายุมากแล้ว ไม่สะดวกที่จะนั่งเป็นประธานตลอดเวลา ดังนั้นพวกในฐานะคนรุ่นหลังควรกล้าที่จะส่องแสงให้กับวงศ์ตระกูล ลุกขึ้นยืนอย่างกล้าหาญ ช่วยคุณปู่แบ่งเบาภาระ”
อิ่นป่ายกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังอยู่ข้างๆ อย่างสง่าผ่าเผย
“ใช่ ใช่ อิ่นป่ายอายุยังน้อย จบปริญญาโท มีความสามารถ แถมยังหนุ่มแน่น เขาคือพรสวรรค์ในหมู่คนรุ่นใหม่ของตระกูล”
“เรื่องนี้ฉันเห็นด้วย อิ่นป่ายเต็มไปด้วยพลัง ตำแหน่งรักษาการประธานก็เหมาะสมอย่างยิ่ง”
“ฉันก็สนับสนุนเหมือนกัน”
กลุ่มคนพากันยกมือขึ้นเพื่อแสดงว่าพวกเขาสนับสนุนอิ่นป่าย
“พวกคุณ!”
อิ่นซินมองไปรอบๆ ไม่มีใครสนับสนุนเธอเลย ควรจะรู้ว่า เริ่มแรกเธอเป็นคนก่อตั้งบริษัทซานหยวนกรุ๊ปมาด้วยตัวเอง คนเหล่านี้มาหาเธอเพื่อแสวงหาตำแหน่ง
เธอไม่ได้ใจแคบ ถ้ามีความสามารถ เธอก็เลื่อนตำแหน่งให้ทั้งหมด คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากเธอ
แต่คิดไม่ถึงว่า วันนี้ทั้งหมดจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามเธอ
“คุณปู่ ตอนแรกท่านบอกไว้ว่า ใครได้โครงการของบริษัทเฟิงซิ่งกรุ๊ปไปก็จะได้เป็นประธาน ตอนนี้ท่านจะผิดสัญญาอีกแล้วเหรอ? ท่านก็อายุเจ็ดสิบแล้ว เป็นที่นับหน้าถือตาของคนอื่นๆ นะครับคุณท่าน”
ฉินเฟิงก้าวออกมาเผชิญหน้ากับคุณท่านอิ่น
“ฉินเฟิง คุณเป็นแค่คนยากจน คุณมีสิทธิ์มาพูดตรงนี้เหรอ ถ้าไม่ใช่เพราะอิ่นซิน คุณจะไม่สามารถเข้ามาในบริษัทซานหยวนกรุ๊ปของพวกเราด้วยซ้ำ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพศึกมังกรหวนคืน