“เจ้าบาดแผลต้าตาวนั่น เป็นใครกัน?”
ฉินเฟิงยืนพิงกำแพงถามฉีหยุน
ในเมื่อตัดสินใจช่วยเฉินจื่อซวนเซ้งบาร์เหล้าต่อแล้ว ก็ต้องจัดการปัญหาสุดท้ายที่ซ่อนอยู่ นั่นคือเจ้าบาดแผลต้าตาว
“เจ้าหมอนั่นเป็นคนของบอดี้การ์ดมังกร”
ฉีหยุนได้ตรวจสอบกำลังส่วนใหญ่ในเมืองเจียงเฉิง มีความเข้าใจในตัวเจ้าบาดแผลต้าตาวอยู่พอสมควร เขาหยุดนิ่งครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “บอดี้การ์ดมังกร บริษัทบอดี้การ์ด มังกร จำกัด เคยเป็นแก๊งมังกรที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองเจียงเฉิง แต่ต่อมาได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นใสสะอาด และได้ก่อตั้งบริษัทบอดี้การ์ดแห่งนี้ขึ้นมาด้วย”
“แล้วเจ้าบาดแผลต้าตาวมีตำแหน่งอะไรในบอดี้การ์ดมังกร?”
“เขาเทียบเท่ากับผู้นำ เจ้าของบอดี้การ์ดมังกรชื่อเจียงเจิ้น หรือที่รู้จักกันในชื่อยมบาลเจียง ว่ากันว่าเป็นคนโหดร้าย ไม่เลือกวิธีการ ชื่อเสียงของเขาถึงจุดที่หยุดเด็กร้องไห้ได้ มีผู้ใต้บังคับบัญชาสองคน คนหนึ่งชื่อซ่างเปียว รับผิดชอบการดำเนินงานของโลกใต้ดิน อีกคนหนึ่งชื่อท่านสาม รับผิดชอบธุรกิจของบอดี้การ์ดมังกร”
ฉีหยุนหยุดครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “ท่านนายพล ผมพบว่าเจียงเจิ้นคนนั้นไม่ธรรมดา มาจากเมืองอื่นเมื่อสามปีที่แล้ว แต่พยายามสร้างชื่อเสียงในเมืองเจียงเฉิงด้วยสองมือของเขา ผมประเมินว่าศักยภาพของเขาไม่ใช่พื้นๆ อย่างที่เห็น”
“เขายังคงเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าสนใจ”
ฉินเฟิงเอามือไพล่หลัง
“เออใช่ ต้าตาวคนนั้น เป็นคนของบอดี้การ์ดมังกรหรือเปล่า?” ฉินเฟิงถาม
“เขาไม่ใช่ ความจริงเขาเป็นลูกเศรษฐีรุ่นสอง พ่อแม่จากไปเร็ว แล้วทิ้งทรัพย์สมบัติก้อนโตและเส้นทางการค้าเอาไว้ให้เขา ตอนแรกมีคนอยากได้ทรัพย์สินของเขา แต่ต่อมาก็ถูกเขาฆ่าตายหมด หรือไม่ก็พิการ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงมีอิทธพลเช่นในตอนนี้”
“แต่ผมสืบพบว่า ดูเหมือนเขาต้องการเข้าร่วมบอดี้การ์ดมังกร แต่ก็ถูกบอดี้การ์ดมังกรปฏิเสธ บอกว่าเขาไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ”
ฉีหยุนรายงาน
เขาตรวจสอบมาหลายวัน รู้ข้อมูลมากมาย
“โอเค”
ฉินเฟิงโบกมือ
ในเมื่อต้าตาวไม่ใช่คนของบอดี้การ์ดมังกร ถ้าอย่างนั้นก็จะจัดการง่ายขึ้นมาก ในเมื่อบาร์เหล้าแห่งนี้เกรงกลัวว่าพวกอันธพาลจะสร้างปัญหาอีก ทำไมไม่ลองติดต่อกลุ่มอันธพาลดูบ้างล่ะ
เอาเกลือจิ้มเกลือ
ถึงอย่างไร ทันทีที่เขาลงมือฆ่าเจ้าบาดแผลต้าตาวแล้ว มันจะง่ายในการล่อยมบาลเจียงซึ่งเป็นหัวหน้าของบอดี้การ์ดมังกรออกมา พอถึงตอนนั้นก็เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ฉินเฟิงก็เดินกลับไป
เมื่อเธอมาถึงตระกูลอิ่น ก็ได้พบกับจางลี่ซึ่งกลับมาจากเล่นไพ่นกกระจอกข้างนอกพอดี อาจเป็นเพราะเล่นแพ้เสียเงิน สีหน้าเธอจึงดูไม่ดี เมื่อเธอเห็นฉินเฟิง จึงดุด่าทันที “ยังไม่รีบไปทำงานบ้านอีก รีบกวาดพื้น ทำกับข้าวด้วย ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว เร็วเข้า เจ้าคนขี้แพ้”
“แม่ ผมจะทำกับข้าว”
ด้านหลังเขา อิ่นซินบังเอิญกลับมาพอดี เมื่อได้ยินเช่นนี้ จึงจับมือฉินเฟิงทันที
เธอกลัวว่าจะเกิดความขัดแย้งระหว่างแม่ของเธอกับฉินเฟิง
“คุณทำกับข้าวเหรอ? คุณเพิ่งกลับมาจากทำงานทั้งวันและเหนื่อยมาก จะมาทำกับข้าวทำไม อีกอย่างคุณเป็นประธานคณะกรรมการ ให้ฉินเฟิงไปทำ เศษสวะเงินเดือนน้อยนิดยังไม่พอให้ฉันซื้อกระเป๋าเลย ให้เขาทำกับข้าว จะได้มีประโยชน์บ้าง ตระกูลเราไม่เลี้ยงคนเกียจคร้านไว้”
ยิ่งจางลี่เห็นฉินเฟิงก็ยิ่งโกรธ
เหตุใดถึงมีเจ้าเศษสวะนี้อยู่ในบ้านด้วย
“แม่”
อิ่นซินพูดอย่างไม่พอใจแล้วสวมผ้ากันเปื้อน “ฉันบอกแล้วว่าฉันจะทำกับข้าว แม่อย่าพูดอีกเลย วันนี้เล่นไพ่นกกระจอกเสียเงินมาใช่ไหม ฉันจะโอนเงินให้แม่หนึ่งหมื่น”
“ลูกสาวสุดที่รักของฉันดีที่สุด”
จางลี่ยิ้มออกมาทันที แต่เมื่อเห็นฉินเฟิง สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง “ฉันไม่รู้ว่าทำไมลูกสาวของฉันที่ดีเลิศแบบนี้ ถึงได้มาเจอเศษสวะอย่างคุณ”
“แม่”
อิ่นซินไม่พอใจ
“เธอน่ะ เฮ้อ”
จางลี่ถอนหายใจแล้วขึ้นไปชั้นบน เธอไม่รู้ว่าทำไมลูกสาวสุดที่รักของเธอถึงเข้าข้างเจ้าคนขี้แพ้คนนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพศึกมังกรหวนคืน