เทพยุทธ์แห่งบรรพกาล นิยาย บท 10

"วิชาฝีเท้านี้ไม่นับว่ากระไรในบรรดาศาสตร์แห่งปีศาจ แต่ในทวีปเทียนหยวน มีไม่กี่กระบวนท่าเท่านั้นที่เทียบเทียมวิชาฝีเท้านี้ มันมีชื่อว่าฝีเท้ารุกไล่วาโย เมื่อเจ้าชำนาญแล้ว  ความเร็วของเจ้าจะประดุจสายลมและสายฟ้าฟาด เจ้าจะรวดเร็วเหนือกว่าปีศาจ และไม่มีใครไล่ตามเจ้าได้ทัน” วิญญาณปีศาจโบราณอธิบาย น้ำเสียงของมันแน่นหนักเต็มไปด้วยความมั่นใจ

"ที่จริงฝีเท้ารุกไล่วาโยมีแค่ 18 กระบวนเท่านั้น จำได้ง่าย เจ้าขยับเท้าตามที่ข้าบอกก็พอ ข้าจะสอนวิธีฝึกฝนบำเพ็ญจิตให้เจ้าหลังเจ้าเริ่มคุ้นชินแล้ว" จากนั้นวิญญาณแห่งโชคชะตาของเผ่าปีศาจโบราณจึงค่อย ๆ สอนการขยับเคลื่อนไหวให้ลู่เสวียนทีละกระบวน

ภายใต้การสอนสั่งอย่างใจเย็นของวิญญาณปีศาจโบราณ  ลู่เสวียนเดินวนไปมาด้วยย่างก้าวแปลกประหลาด เด็กหนุ่มไม่รู้สึกเบื่อหน่าย วิชาฝีเท้านี้ไม่ได้มีอะไรพิเศษหวือหวา เพียงแค่แปลกไปหน่อยเท่านั้น

ทว่าหลังก้าวขยับครบ 10 ครั้ง ลู่เสวียนก็เร่งความเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว เท้าของเขาคล้ายจมในดินลึกราง 1 นิ้ว ร่างของเขาค่อย ๆ ทิ้งเงาไว้เบื้องหลัง ถ้ามองจากข้างหลัง จะไม่เห็นร่างกายของลู่เสวียนอย่างชัดเจน เห็นเพียงเงาทอดยาวเป็นแถวกำลังเคลื่อนไหวปราดเปรียว ยากจะจับร่องรอยทัน

หลังจากฝึกฝนนานหลายชั่วโมง ในที่สุดลู่เสวียนก็ชำนาญวิชาฝีเท้ารุกไล่วาโย

“ดีมาก เจ้าฝึกฝนได้เร็วกว่าข้าสมัยหนุ่ม ๆ อีก ดูเหมือนการสายเลือดยมโลกที่ตื่นขึ้นจะทำให้ความสามารถในการฝึกฝนเจ้าดีขึ้นมาก ไม่เลว!” วิญญาณปีศาจโบราณชื่นชมอย่างพึงพอใจ

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของท่าน ผู้อาวุโส” ลู่เสวียมก้มศีรษะคำนับอย่างนบน้อม แต่ก่อนเขาถูกหัวเราะเยาะอยู่เสมอ นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กหนุ่มได้รับคำชม ลู่เสวียนรู้สึกอายเล็กน้อย แต่ความตื่นเต้นยินดีนั้นมีมากกว่า

ราว 10 วันต่อมา ลู่เสวียนก็เดินทางผ่านแนวทิวเขาพงไพร และเดินสำรวจลึกเข้าไปในอาณาเขตถ้ำสัตว์อสูร เขาพยายามมองหาสัตว์อสูรอายุน้อยที่มีตบะแก่กล้าและความสามารถสูงส่ง

หลังตระเวนหาสัตว์อสูรร่วมครึ่งเดือน ลู่เสวียนก็ยังไม่พบเจอลูกสัตว์อสูรแม้แต่ตัวเดียว

"ลู่เสวียน เจ้าเสียเวลาไปมากแล้วกับการตามหาสัตว์อสูรวิญญาณโลหิต หากเราพบสัตว์อสูรทรงพลังย่อมเป็นเรื่องดี แต่เรื่องสำคัญที่สุดคือการตามหาวิญญาณแห่งโชคชะตาของเผ่าปีศาจโบราณที่เหมาะสมกับเจ้า แล้วหลอมรวมวิญญาณเพื่อกลายเป็นผู้ฝึกฝนที่แท้จริง นี่ต่างหากคือสิ่งที่เจ้าควรทำ"

เมื่อวิญญาณปีศาจโบราณเห็นลู่เสวียนเอาแต่สนใจตามหา สัตว์อสูรวิญญาณ เวลาก็เลยผ่านไปในพริบตา มันจึงเตือนลู่เสวียนอย่างเป็นกังวลเล็กน้อย

แม้จะเหลือเวลาอีก 11 เดือน ก่อนที่อาณาจักรลับจะเปิดขึ้นอีกครั้ง แต่การค้นหาวิญญาณแห่งโชคชะตาของเผ่าปีศาจโบราณหาได้ง่ายดาย ผู้ฝึกฝนส่วนใหญ่ไม่สามารถผสานวิญญาณได้ทันภายใน 1 ปี จนพลาดโอกาสหนึ่งเดียวในการเป็นผู้ฝึกฝนที่แท้จริง

ลู่เสวียนพยักหน้า เขาตอบว่า "ข้าทราบ แต่ข้าไม่พบอะไรเลยหลังดั้นด้นเสาะหาเป็นสิบวันแล้ว ข้ายังไม่อยากยอมแพ้ ข้าจะลองตามหาต่ออีกสัก 2-3 วัน ถ้าข้าหาสัตว์อสูรที่ถูกใจไม่ได้ ข้าจะลืมเรื่องนี้ไปซะ"

จริง ๆ แล้วความดื้อรั้นของลู่เสวียนมีที่มา

ถึงจะมีสัตว์อสูรอาศัยมากมายอยู่นอกอาณาจักรลับ และสามารถจับมาเป็นสัตว์อสูรวิญญาณโลหิตได้ แต่เผ่าปีศาจโบราณทั้งหลายล้วนถูกผนึกไว้ใต้อาณาจักรลับ เหล่าสัตว์อสูรที่อาศัย ณ ชายแดนอาณาจักรลับก็เป็นลูกหลานของเผ่าพันธุ์ปีศาจโบราณ สายเลือดของพวกมันบริสุทธิ์ ทั้งความสามารถยังสูงส่งด้วย เหนือกว่าเหล่าสัตว์อสูรที่อยู่นอกอาณาจักรลับมากโข

วิญญาณปีศาจโบราณเองก็หวังให้ลู่เสวียนพบเจอสัตว์อสูรวิญญาณโลหิตที่มีศักยภาพไร้ขีดจำกัดในอาณาจักรลับเช่นกัน มันจึงนิ่งเงียบ

เพื่อตามหาลูกสัตว์อสูรที่ดีที่สุด ลู่เสวียงยอมเสี่ยงอันตรายเข้าไปในรังสัตว์ร้ายที่ผู้ฝึกฝนอาณาจักรร่างล้ำค่าล้วนหวาดหวั่น หลายครั้งที่ลู่เสวียนถูกสัตว์อสูรไล่ล่าทำร้ายอย่างป่าเถื่อนจนแทบเอาชีวิตไม่รอด

ระหว่างการหลบหนีจากการไล่ล่าของสัตว์อสูร ลู่เสวียนไม่พบเจอสิ่งใดเลย อย่างน้อยเขาก็ชำนาญวิชารุกไล่วาโยขึ้นเรื่อย ๆ  ความเร็วของเขาว่องไวดุจสายฟ้าฟาด ด้วยวิชาฝีเท้านี้ เด็กหนุ่มจึงโชคดีรอดพ้นจากกรงเล็บสัตว์อสูรดุร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า

"ลู่เสวียน ข้ารับรู้ถึงพลังปีศาจรุนแรงอยู่ที่ด้านหน้า ระวังตัวด้วย!"

ลู่เสวียนเดินฝ่าพงป่ารกร้าง เมื่อเขามาถึงทางเข้าหุบเขาแห่งหนึ่ง วิญญาณปีศาจโบราณก็ร้องเตือนเด็กหนุ่มทันที แม้ฝ่ายนั้นจะสูญเสียกายเนื้อไปนานแล้ว แต่จิตวิญญาณกลับดำรงอยู่ มันตื่นตัวต่อสถานการณ์รอบด้านอย่างน่าประหลาดใจ ในไม่ช้ามันก็พบไอพลังปีศาจจากในหุบเขา

"พลังปีศาจนี้ทรงพลังยิ่งนัก น่ากลัวกว่าสัตว์อสูรทุกตัวที่เจ้าเคยเจอ รีบหนีก่อนที่มันจะเจอตัวเจ้าเถอะ"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพยุทธ์แห่งบรรพกาล