เทพยุทธ์แห่งบรรพกาล นิยาย บท 9

ลู่เสวียนดีใจมาก เขาไม่คาดคิดว่าสายเลือดยมโลกจะลึกลับน่ากลัวถึงขนาดที่สามารถขโมยจิตวิญญาณฉีและกลืนกินเส้นลมปราณของคนอื่นได้

"อา ฮ่า ๆ ๆ เยี่ยมไปเลย ไม่คิดว่าสายเลือดยมโลกจะสุดยอดขนาดนี้ นอกจากลมปราณแห่งจิตวิญญาณจะปรากฏทางกายภาพ มันยังกลืนกินจิตวิญญาณฉีและเส้นลมปราณของผู้อื่นได้ด้วย!"

"ต่อไปนี้ขอแค่ข้าดูดซับจิตวิญญาณฉีและเส้นลมปราณแห่งจิตวิญญาณของคนอื่น การฝึกฝนของข้าต้องพัฒนาเร็วกว่าการตั้งหน้าฝึกฝนอย่างเดียวเป็นร้อยเท่าแน่ และไม่นานข้าก็จะกลายเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของเมืองเฉียนหลง ข้าจะรวบรวมตระกูลลู่เป็นปึกแผ่นเพื่อพิชิตเมืองเฉียนหลง ด้วยสายเลือดทรงพลังนี้ ในอนาคตข้าย่อมสามารถเหยียบโลกแห่งผู้ฝึกฝนไว้ใต้ฝ่าเท้า และเป็นผู้ปกครองใต้หล้าเพียงหนึ่งเดียว!"

"แน่นอน ด้วยสายเลือดแห่งจักรพรรดิปีศาจ ฟ้าได้ลิขิตให้เจ้าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกในภายภาคหน้า แต่ลมปราณแห่งจิตวิญญาณของเจ้ายังมิได้ปรากฏทางกาย เมื่อครู่เป็นแค่ภาพลวงตาเท่านั้น เจ้าต้องเลื่อนสู่อาณาจักรลมปราณสวรรค์เสียก่อน จึงจะแสดงลมปราณแห่งจิตวิญญาณได้อย่างแท้จริง"

วิญญาณแห่งโชคชะตาของเผ่าปีศาจโบราณคล้ายรู้มาก่อนว่าสายเลือดยมโลกมีความสามารถในการดูดซับจิตวิญญาณฉีและเส้นลมปราณแห่งจิตวิญญาณของผู้อื่น มันจึงไม่แปลกใจ

"ผู้อาวุโส ดูเหมือนท่านจะรู้เรื่องความสามารถในการกลืนกินของสายเลือดนี้อยู่ก่อน? เช่นนั้นท่านน่าจะรู้เรื่องราวอื่นๆ ด้วยเป็นอย่างดี ท่านช่วยเล่าเรื่องสายเลือดนี้ให้ข้าฟังเพิ่มเติมได้หรือไม่?" ลู่เสวียนถามด้วยความสงสัย

เด็กหนุ่มรู้จักสายเลือดยมโลกเพียงผิวเผินเท่านั้น ยิ่งเขารู้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งพัฒนาศักยภาพของสายเลือดและเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองได้ไวขึ้น

“ข้าไม่รู้อะไรกี่ยวกับสายเลือดยมโลกนัก มันเป็นตำนานเล่าขานต่อกันมา ข้ารู้จักแค่ 2 คนที่ครอบครองเส้นเลือดจักรพรรดิปีศาจ คนหนึ่งคือเจ้า และอีกคนคือจักรพรรดิปีศาจโบราณ กล่าวว่าจักรพรรดิผู้นั้นยิ่งใหญ่ไร้เทียมทานเหนือ 3 ดินแดน 6 ภพภูมิ แม้แต่เง็กเซียนฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่ก็ถูกเขากลืนกิน จักรพรรดิปีศาจผู้นั้นเป็นที่รู้จักในฐานะศัตรูตัวฉกาจของเหล่าเง็กเซียนฮ่องเต้!”

เมื่อวิญญาณปีศาจโบราณเอ่ยถึงจักรพรรดปีศาจ น้ำเสียงของมันทั้งเต็มไปด้วยความยำเกรงระคนอาลัย

"หา? แม้แต่เง็กเซียนฮ่องเต้ยังถูกจักรพรรดปีศาจกลืนกิน? น่ากลัวเกินไปแล้ว เหล่าเทพเซียนคือผู้อมตะตามตำนาน และพลังของเง็กเซียนฮ่องเต้นั้นสามารถทำลายล้างแดนสวรรค์และปฐพีได้ พวกเขาเปรียบดั่งผู้ปกครองเหนือสรรพสิ่งทั่วใต้หล้า การเอาชนะเง็กเซียนฮ่องเต้ได้เป็นเรื่องยากเกินจินตนาการ แต่เง็กเซียนฮ่องเต้กลับถูกจักรพรรดิปีศาจกิน จักรพรรดิปีศาจแข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่นะ?” ลู่เสวียนตกตะลึง เขาดูหวาดหวั่นอย่างเห็นได้ชัด

ขณะเดียวกันเรื่องนี้ก็กระตุ้นความหวังและความมุ่งมั่นไร้ที่สิ้นสุดของเด็กหนุ่มด้วย ลู่เสวียนกำหมัดแน่น เขาสาบานในใจว่าเขาจะกลายเป็นผู้ฝึกฝนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกเหมือนจักรพรรดิปีศาจให้ได้ เขาจะทำให้ทุกคนยกย่องเชิดชูเขา และทำให้สวรรค์และปฐพีสะเทือนเพราะการคงอยู่ของเขา

“ตอนนี้ข้ายังไม่ได้ก้าวสู่หนทางการฝึกฝนที่แท้จริงด้วยซ้ำ และหนทางยังอีกยาวไกลนัก แต่ข้าเชื่อว่าตราบใดที่ข้ามุมานะบากบั่น สักวันหนึ่งข้าย่อมบรรลุเป้าหมาย ตอนนี้การหาสถานที่ฝึกฝนมีความสำคัญกว่าเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้คาถาผนึกวิญญาณ”

เพื่อรับมือฉินว่านชุนก่อนหน้านี้ ลู่เสวียนเพิกเฉยต่ออันตราย และใช้พลังระดับ 8 ของอาณาจักรลมปราณแห่งจิตวิญญาณเพื่อสังหารฉินว่านชุน แต่การกระทำนี้เกือบทำลายคาถาผนึกวิญญาณ

หลังดูดซับจิตวิญญาณฉีและเส้นลมปราณแห่งจิตวิญญาณของฝ่ายตรงข้าม 5 เส้น แม้ลู่เสวียนจะไม่ได้เลื่อนระดับอีกครั้ง แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็สูงขึ้นมาก จิตวิญญาณฉีของเขาก็เพิ่มพูนเช่นกัน ผ่านไป 2-3 วัน คาถาผนึกวิญญาณก็แข็งแกร่งกว่าเดิม

"เวลานี้คาถาผนึกวิญญาณเสถียรขึ้นแล้ว หากต้องเผชิญหน้ากับศัตรู ข้าน่าจะสามารถใช้ระดับ 8 ของอาณาจักรลมปราณแห่งจิตวิญญาณได้เป็นบางครั้ง" ลู่เสวียนมีความสุขมาก ด้วยพลังเก่งกาจของสายเลือดยมโลก ถ้าเขาใช้พลังระดับ 8 จริง ๆ แม้แต่ผู้ฝึกฝนระดับ 9 ก็ถูกเขาสังหารได้ภายในกระบวนท่าเดียว ในบรรดาผู้ฝึกฝนรุ่นเดียวกัน ลู่เสวียนไม่เกรงกลัวผู้ใดทั้งสิ้น

“ผู้อาวุโส แล้วเรื่องสัตว์อสูรวิญญาณโลหิตนั้นเป็นเช่นไร? ท่านช่วยเล่าให้ข้าฟังที เราจะเลี้ยงสัตว์อสูรวิญญาณโลหิตได้อย่างไรหรือ?”

ครั้นลู่เสวียนมีเวลาว่าง เขาก็หันไปสนใจสัตว์อสูรวิญญาณโลหิตแทนทันที ขณะที่นึกถึงการเลี้ยงสัตว์อสูรร้ายกาจดุดัน แม้เด็กหนุ่มจะเคยสังหารมันมาก่อน เขาก็ยังรู้สึกตื่นใจ ไม่ต้องกล่าวถึงการมีสัตว์อสูรอยู่ข้างกายคอยช่วยเขารับมือกับศัตรู ลู่เสวียนอยากฟังเพิ่มเติมยิ่งนัก

“สัตว์อสูรวิญญาณโลหิตต้องถูกป้อนโลหิตเป็นเวลานาน ด้วยการใช้เคล็ดวิชาลับ สัตว์อสูรวิญญาณโลหิตจะค่อยๆ แปรสภาพไปทุกวัน ในที่สุดมันจะผูกพันธ์เชื่อมโยงทางสายเลือดและจิตสำนึกกับผู้เป็นนาย เพื่อสร้างสัตว์อสูรวิญญาณโลหิตเปี่ยมพลัง นอกเหนือจากการค้นหาสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งแล้ว การดื่มโลหิตของผู้เป็นนายยังสำคัญมากด้วย”

อิงจากคำอธิบายของวิญญาณแห่งโชคชะตาของเผ่าปีศาจโบราณ ลู่เสวียนเรียนรู้ว่าสัตว์อสูรวิญญาณโลหิตต้องดื่มเลือดทุกวันเพื่อ "ผูกพันธะเลือด" กับเจ้านาย สัตว์อสูรถึงจะมีความประสงค์และจิตสำนึกไปสอดคล้องกับสายเลือดและลมปราณของผู้เป็นนาย

ความแข็งแกร่งของผู้ฝึกฝนขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ ความพยายามในการทะลวงสู่อาณาจักรที่สูงขึ้น วิธีการฝึกฝน ทรัพยากร และอาวุธ

พรสวรรค์คือหัวใจหลัก รวมถึงการขัดเกลาฝีมือตนเองให้โดดเด่น สรีระร่างกาย และอื่น ๆ อีกมากมาย ในบรรดาปัจจัยทั้งหมด สายเลือดเกี่ยวเนื่องกับปัจจัยเหล่านี้อย่างยิ่ง กล่าวได้ว่าหากปราศจากสายเลือดที่ทรงพลัง การพัฒนาฝีมือและความแข็งแกร่งทางกายภาพก็ไม่มีทางโดดเด่น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพยุทธ์แห่งบรรพกาล