เทพยุทธ์แห่งบรรพกาล นิยาย บท 8

"รายต่อไปคือเจ้า" ลู่เสวียนหันกลับมามองฉินว่านชุนดุจหมาป่ากระหายเลือด เขาไม่ปิดบังจิตสังหารเหี้ยมเกรียมในดวงตา

ฉินว่านชุนสั่นเทาทั่วสรรพางค์กายราวถูกความตายจ้องมอง ขนทั่วร่างลุกซู่ด้วยความกลัว ถึงเขาจะมีพรสวรรค์สูงส่ง อยู่ในระดับ 9 ของอาณาจักรลมปราณแห่งจิตวิญญาณตั้งแต่อายุยังน้อย และถูกขนานนามเป็นอัจฉริยะก็ตาม

แต่ฉินว่านชุนเขาไม่มีประสบการณ์การต่อสู้จริงมากนัก นับประสาอะไรกับการสังหารคน

เขาเห็นกับตาว่าเด็กหนุ่มที่อายุน้อยกว่าเขาผู้นี้สามารถโค่นล้มผู้ติดตามทั้งสองของเขาได้อย่างโหดเหี้ยม คนหนึ่งร่างทะลุกลวง อีกคนขาขาด ฉินว่านชุนถึงกับผงะไปชั่วครู่ด้วยการต่อสู้อันเลือดเย็นของลู่เสวียน

ผ่านไปไม่นานฉินว่านชุนก็ฟื้นสติ เขาทวีความเคียดแค้น  และตะคอกว่า "ไอ้เด็กเวร เจ้ากล้าฆ่าคนของข้ารึ ถ้าข้าไม่ฟันเจ้าให้เละแล้วโยนให้หมาป่ากิน แซ่ของข้าคงไม่แคล้วกลับหัว ลงนรกเสียเถอะ!"

แม้วิธีการของลู่เสวียนจะโหดเหี้ยม แต่การฝึกฝนของฉินว่านชุนอยู่ระดับที่ 9 ของอาณาจักรลมปราณแห่งจิตวิญญาณ ดังนั้นพลังของเขาจึงเหนือกว่าลู่เสวียนมาก นอกจากนี้แม้แต่ศิษย์ระดับ 10 ในตระกูลฉินยังสู้ฉินว่านชุนไม่ได้ แล้วเขาจะเกรงกลัวลู่เสวียนไปทำไม?

ฉินว่านชุนคำรามกร้าว และทะยานร่างดั่งพญาอินทรีสยายปีก เขาพุ่งร่างโจมตีอย่างรวดเร็ว

“บังอาจเรียกข้าว่าเด็กเวรหรือ เจ้ามันลูกแหง่ติดมารดากำพร้าพ่อ ข้าจะสั่งสอนเจ้าเอง!” ลู่เสวียนโกรธเกรี้ยว เขาออกหมัดด้วยพลังทั้งหมด

ภายในน้ำตาเทพวารี แม่น้ำสีเลือดทอดยาวจากดวงอาทิตย์คล้ายมังกรโลหิตเคลื่อนกาย เสียงคำรามดังแผ่ว จิตวิญญาณฉีทุกทิศทางปั่นป่วนรุนแรง...เริ่มสั่นไหว ก่อนจะถูกดูดกลืนอย่างบ้าคลั่ง

จิตวิญญาณฉีมหาศาลถูกดูดกลืนเปลี่ยนเป็นพลังอย่างรวดเร็ว พลังนั้นไหลจากญาณหยั่งรู้ไปสู่แขนขาและกระดูกข้อต่อของลู่เสวียน และไหลผ่านเส้นลมปราณของเขาราวแม่น้ำเชี่ยวกรากรวมตัวกันที่กำปั้นของเด็กหนุ่ม

ไอสีดำลอยวน แสงสีทองฉายอร่าม แรงลมจากกำปั้นทรงพลังแหวกผ่านอากาศ

กำปั้นทั้งสองพุ่งใส่กัน ตามด้วยเสียงดังตูม พลังงานมหาศาลระเบิดเป็นวงกว้างก่อตัวเป็นพายุ ร่างทั้งสองปลิวกระเด็นเสมือนใบไม้ไหว ทั้งคู่ต่างได้รับบาดเจ็บในระดับที่แตกต่างกัน

ลู่เสวียนกระอักเลือดออกมาจำนวนมาก ใบหน้าของเขาซีดเผือด เขากุมหน้าอกที่เปื้อนเลือดและหายใจไม่ออก

"ลู่เสวียน ระวัง! คาถาผนึกวิญญาณกำลังจะคลาย" วิญญาณปีศาจโบราณตะโกนอย่างหวั่นวิตก

แรงสะท้อนจากการโจมตีของบุรุษทั้งสองรุนแรงเกินไป คาถาผนึกวิญญาณในน้ำตาเทพวารีจึงได้รับผลกระทบ ลมปราณยมโลกเส้นที่สองพร้อมจะตื่นขึ้นทุกเมื่อ

"เข้าใจแล้ว" ลู่เสวียนพยักหน้า แม้เขาจะใช้พลังระดับ 7 ของอาณาจักรลมปราณแห่งจิตวิญญาณได้ แต่สายเลือดยมโลกของเขามีความแข็งแกร่งท้าทายสวรรค์นัก พลังการต่อสู้ของลู่เสวียนจึงนับว่าทรงพลังกว่าผู้ฝึกฝนระดับ 9 ทั่วไป

แต่ฉินว่านชุนก็เป็นอัจฉริยะที่เปิดลมปราณแห่งจิตวิญญาณได้ถึง 6 เส้นแล้ว ฝีมือการต่อสู้ของเขานับว่าล้ำเลิศกว่าผู้ฝึกฝนระดับ 9 เช่นกัน ลู่เสวียนจึงได้รับบาดเจ็บสาหัสกว่า

ถ้าลู่เสวียนใช้พลังระดับ 8 ได้ เขาคงไม่กลัวอะไรทั้งนั้น

ระหว่างการต่อสู้ คาถาผนึกวิญญาณน่าจะได้รับผลกระทบรุนแรง ถ้าลมปราณยมโลกเส้นที่สองตื่นขึ้น ระดับการฝึกฝนปัจจุบันของลู่เสวียนย่อมไม่มีทางรับไหว ลู่เสวียนกัดฟันพูดอย่างคับแค้น "พอเถิด วันนี้ข้าไม่อยากทะเลาะกับเจ้าแล้ว"

"เจ้าไม่อยากทะเลาะกับข้า? ปากดีเหลือเกิน! เจ้าไม่อยากทะเลาะกับข้า แต่ข้าจะทะเลาะวิวาทกับเจ้า เจ้าคิดว่าตัวเองจะหนีพ้นรึ?" เมื่อเห็นลู่เสวียนต้องการถอยหนี ฉินว่านชุนก็คิดว่าลู่เสวียนหวาดกลัวฝีมือแข็งแกร่งของตน ฉินว่านชุนเยาะเย้ยอย่างโอหัง แล้วพุ่งร่างจู่โจมลู่เสวียนอย่างไม่รอช้า

“อย่าให้มันมากนัก ไม่งั้นเจ้าจะเสียใจภายหลัง!”

"ทำไมข้าจะอัดเจ้าจนน่วมไม่ได้? สวะอ่อนหัดอย่างเจ้า ข้าเตะครั้งเดียวก็สังหารได้ทีละหลายคนแล้ว ข้าจะทรมานเจ้าให้ตาย เจ้าจะทำอะไรได้ ฮ่า ๆ ๆ!" ฉินว่านชุนคิดว่าลู่เสวียนยอมรับความพ่ายแพ้ เขายิ่งพึงพอใจ ชายหนุ่มระเบิดหัวเราะบ้าคลั่งแล้วโจมตีบ้าบิ่นกว่าเก่า

ลู่เสวียนพะวงเรื่องคาถาผนึกวิญญาณ เขาไม่ต้องการต่อสู้กับฉินว่านชุนแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับหัวรั้นจนพวกเขาต่อสู้กันหลายกระบวนท่า การต่อสู้ยืดเยื้อทำให้คาถาผนึกวิญญาณในช่องว่างของน้ำตาเทพวารีค่อย ๆ คลายออก ลมปราณยมโลกเส้นที่สองกำลังจะถูกปลุกตื่น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพยุทธ์แห่งบรรพกาล