เทพยุทธ์แห่งบรรพกาล นิยาย บท 5

“ฮึ่ม แม้แต่สาวน้อยตระกูลเสี้ยวยังไม่กล้าหยิ่งผยองต่อหน้าข้าเลย เจ้าวอนหาที่ตายหรือ? ข้าจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าเจ้าไม่หันกลับมา สารภาพว่าเจ้าทำร้ายลูกพี่ลูกน้องของข้า และคุกเข่าขอขมาข้าซะ ข้าจะทำให้เจ้าเสียใจที่เกิดมาบนโลกนี้!”

เฉียนว่านตงข่มขู่ด้วยใบหน้ามืดมน

เมืองชิงเฟิงตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองเฉียนหลง และอยู่ภายใต้การปกครองของ 3 ตระกูลใหญ่ เฉียนว่านตงผู้นี้เป็นทายาทสายตรงของตระกูลเฉียนซึ่งเป็นหนึ่งในสามตระกูลหลักแห่งเมืองชิงเฟิง

ตระกูลเฉียนมีอำนาจยิ่งใหญ่ และมีความแค้นกับตระกูลเสี้ยวของเสี้ยวปิงหยู ด้วยเรื่องเสี้ยวปิงหยูทำให้เฉียนว่านตงชิงชังลู่เสวียนมานาน

ในอดีตลู่เสวียนถูกคุ้มครองภายใต้ตระกูลลู่มาตลอด เฉียนว่านตงจึงทำอะไรเขาไม่ได้ เวลานี้พวกเขาอยู่ในอาณาจักรลับ เฉียนว่านตงไม่ต้องพะวงเรื่องใดทั้งสิ้น

เฉียนฟางชางอาศัยอยู่กับย่าของเขาในตระกูลลู่ แต่เขายังคงเป็นบุตรหลานของตระกูลเฉียนเช่นกัน เฉียนฟางชางและเฉียนว่านตงมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็สนิทสนมมาก

ถ้าไม่ใช่เพราะเฉียนว่านตงถามลู่เสวียนว่าผู้ที่ทำร้ายเฉียนฟางชางคือใคร เฉียนว่านตงคงทุบตีลู่เสวียนจนตายไปแล้ว เขาจะปล่อยให้อีกฝ่ายลอยหน้าลอยตาเย่อหยิ่งได้อย่างไร?

“ในเมื่อเจ้ายืนกรานให้ข้าหันหน้ากลับมา ข้าก็จะทำตามที่เจ้าต้องการ แต่ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อน ถ้าข้าหันกลับมา  มันคือเวลาตายของเจ้า!” เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพาดพิงถึงเสี้ยวปิงหยู รังสีฆ่าฟันของลู่เสวียนพลันพุ่งสูง นัยน์ตาของเขาฉายเจตจำนงสังหารเย็นเยียบ ขณะหัวเราะอย่างชั่วร้าย

ตระกูลเฉียนและตระกูลเสี้ยวเป็นศัตรูคู่อาฆาตกัน

ท่านพี่ที่เสี้ยวปิงหยูนับหน้าถือตาคนหนึ่ง เคยถูกรุมทำร้ายจนบาดเจ็บหนักด้วยฝีมือกลุ่มผู้ฝึกฝนนำโดยน้องชายของเฉียนว่านตง เสี้ยวปิงหยูทั้งโศกเศร้าและแค้นใจเกินทนรับไหว นางลอบประลองท้าต่อสู้กับน้องชายของเฉียนว่านตง แต่กลับถูกลอบโจมตีโดยเฉียนว่านตงจากด้านข้าง

หากไม่ใช่เพราะตระกูลเสี้ยวมาถึงทันเวลา เสี้ยวปิงหยูคงเสื่อมเสียเกียรติไปแล้ว

ลู่เสวียนเกลียดชังพี่น้องเฉียนเข้ากระดูกดำ วันนี้เขาสามารถแก้แค้นเสี้ยวปิงหยูได้สักที

“น้ำเสียงเย่อหยิ่งซะไม่มี! ข้าตัดสินใจแล้วว่าต่อให้เจ้าสารภาพผิดและคุกเข่าร้องขอความเมตตา ข้าก็จะสับเจ้าเป็นชิ้นๆ และโยนศพเจ้าให้หมาป่ากินซะ!”

ในฐานะศิษย์อัจฉริยะ ระดับการฝึกฝนของเฉียนว่านตงนั้นเยี่ยมยอดลึกซึ้ง เขายังได้รับการสนับสนุนจากตระกูลเฉียนเป็นอย่างดีและมีสถานะสูงส่ง โดยปกติมีแต่ผู้คนก้มศีรษะให้เขา ใครจะกล้าขัดคำสั่งเขากัน?

นอกจากนั้นเฉียนว่านตงยังถูกยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยลู่เสวียน สวะไร้ประโยชน์ต่อหน้าผู้อื่น เขาจะเอาหน้าตาไปไว้ที่ใด?

“เร็วสิ รีบฟันร่างมันเป็นชิ้นๆ!” เฉียนว่านตงรีบร้อน เขาไม่เสียเวลาเค้นลู่เสวียนให้สารภาพว่าทำร้ายเฉียนฟางชาง  เพียงโบกมือสั่ง ศิษย์ระดับสูงหลายคนของตระกูลเฉียนที่อยู่หลังเฉียนว่านตงก็รีบจู่โจมลู่เสวียนเสมือนหมาป่าวิ่งตะครุบแกะ

"ข้าบอกแล้วว่าเมื่อข้าหันกลับไป มันจะเป็นเวลาตายของเจ้า เอาเถิด เฉียนว่านตง เจ้าทำให้ข้าหันกลับมาได้สำเร็จแล้ว!" ริมฝีปากลู่เสวียนยกโค้งเล็กน้อย เขาระเบิดหัวเราะด้วยแรงโทสะ ทันใดนั้นร่างของลู่เสวียนก็หายไปในชั่วพริบตา

“ไม่นะ หนีไป!”

เหล่าศิษย์วัยฉกรรจ์ที่บุกโจมตีลู่เสวียนกรีดร้องในใจ พลางตะโกนเสียงดังลั่น พวกเขารู้สึกราวกับภูเขากำลังถล่มต่อหน้าและกดทับพวกเขาเอาไว้ แรงกดดันอันน่าสยดสยองบีบคั้นหัวใจพวกเขาจนแทบหมดลมหายใจ

ทุกคนตื่นตระหนกและพยายามวิ่งหนี แต่สายเกินไปแล้ว!

ม่านแสงสีดำปรากฏขึ้นต่อหน้าและปกคลุมพวกเขาทั้งหมด

วินาทีต่อมา ม่านแสงสีดำก็ถูกแสงสีทองฉีกเป็นริ้วๆ  ดั่งกำปั้นเหล็กขนาดใหญ่ซัดลงมาบนร่างพวกเขา เหมือนค้อนทุบหุ่นไล่กา แรงระเบิดมหาศาลทำให้ร่างของพวกเขาปลิวว่อนทันที

"ข้ากำลังฝันไปแน่ ๆ!" เฉียนว่านตงสูดลมหายใจลึก พลางเหม่อมองไปที่ลู่เสวียนด้วยความมึนงง ร่างกายของเขาสั่นสะท้านรุนแรง เฉียนว่านตงรู้สึกราวตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายกระหายเลือด

สมองของเขาว่างเปล่า เขาไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็น มันน่าตกใจเกินไป!

ในบรรดาศิษย์ชั้นยอดของตระกูลเฉียน การฝึกฝนขั้นต่ำที่สุดอยู่ที่ระดับ 5 ของอาณาจักรลมปราณแห่งจิตวิญญาณ และมีหนึ่งในศิษย์ที่อยู่ในช่วงต้นของระดับ 7 ติดตามเฉียนว่านตงมาด้วย อย่างไรก็ตามศิษย์คนนั้นกลับบาดเจ็บสาหัสจากหมัดของลู่เสวียน และไร้เรี่ยวแรงต่อสู้กลับ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพยุทธ์แห่งบรรพกาล