เทพยุทธ์แห่งบรรพกาล นิยาย บท 7

“สัตว์อสูรระดับ 3!” ลู่เสวียนอ้าปากค้าง

ความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรน่ากลัวเกินประมาณ สัตว์อสูรระดับ 3 มีพลังเทียบเท่าผู้ฝึกฝนลมปราณแห่งจิตวิญญาณระดับที่ 8-9 นอกจากนี้ร่างกายของพวกมันยังแข็งแกร่งกว่ามนุษย์อย่างหาเปรียบมิได้ พวกมันถูกสังหารและกำราบได้ยากยิ่ง

ยามผู้ฝึกฝนทั่วไปเผชิญหน้าสัตว์อสูรในระดับเดียวกัน พวกเขามักไม่กล้ายั่วยุสัตว์อสูรและเลือกล่าถอย

สุนัขจิ้งจอกสามหางตัวนี้สูงเท่าไหล่มนุษย์ ขนของมันมีสีแดงฉานดั่งเปลวไฟ บนร่างกายมีบาดแผลฉกรรจ์หลายแห่ง มีคราบเลือดเกรอะกรังอยู่บนขน และเลือดไหลทะลักไม่หยุด ดูเหมือนว่ามันกำลังบาดเจ็บสาหัส

ลู่เสวียนไม่สามารถใช้พลังลมปราณแห่งจิตวิญญาณระดับ 8 ได้ จึงยากที่เขาจะจัดการมัน

“อย่านะ เจ้าสัตว์บ้า!” ลู่เสวียนกำลังครุ่นคิดว่าจะจัดการมันอย่างไรดี ทว่าจิ้งจอกไฟที่กำลังโมโหร้ายกลับเปิดฉากการโจมตีแล้ว!

มันเคลื่อนไหวรวดเร็วจนมองตาเปล่าไม่ชัด เงาสีแดงเพลิงเคลื่อนไหววูบเดียว แขนของลู่เสวียนก็ชาหนึบ รอยกรงเล็บคว้านลึกปรากฏบนแขน เนื้อบางส่วนถูกฉีกกระชาก ความเจ็บปวดแสบร้อนวิ่งพล่านถึงหัวใจ

ก่อนที่ลู่เสวียนจะทันโต้กลับ จิ้งจอกไฟก็คำรามแล้วกระโจนใส่เขาอีกครั้ง

"อา!"

ลู่เสวียนถอยหลังโดยไม่รู้ตัว จิ้งจอกไฟกระโดดจากด้านบน ดวงตาของมันเย็นชา มันซัดกรงเล็บใส่ท้องศัตรูทันที

ความเร็วของจิ้งจอกไฟตัวนี้ว่องไวดุจอัสนีบาต คนธรรมดาไม่มีทางมองตามมันทัน แต่ลู่เสวียนนั้นแตกต่างออกไป นับตั้งแต่มีน้ำตาเทพวารี เขาก็สามารถเปิดทะเลแห่งจิตสำนึกได้รวดเร็วกว่าคนอื่น ญาณหยั่งรู้ของเขาเทียบได้กับผู้ฝึกฝนระดับสูงสุดของอาณาจักรร่างล้ำค่า

ความเร็วของจิ้งจอกไฟไม่อาจรอดพ้นสายตาเฉียบคมของเขาได้

เสียงกรีดร้องบาดแหลมดังก้อง จิ้งจอกไฟถูกซัดกระแทกที่ท้องอย่างแรง มันกลิ้งล้มลงบนพื้น หลังกรีดร้องอยู่ไม่กี่ครั้ง ร่างของมันก็แข็งทื่อ

จิ้งจอกไฟได้รับบาดเจ็บสาหัสตั้งแต่ก่อนหน้านี้ และมันประเมินความแข็งแกร่งของลู่เสวียนต่ำเกินไป มันจึงถูกชกด้วยหมัดของลู่เสวียนอย่างจัง นอกจากนี้กระบวนท่าที่ลู่เสวียนฝึกฝนคือวิชาต่อสู้ของปีศาจโบราณ หมัดทลายภูเขาอสูรทมิฬ! พลังโจมตีมหาศาลซัดร่างจิ้งจอกกลายเป็นรูโหว่เปื้อนโลหิต

ถ้าป็นผู้อื่นคงอาจไม่สามารถรักษาชีวิตของตัวเองไว้ได้แล้ว

“โชคดีที่ข้าเปิดทะเลแห่งจิตสำนึก พลังของข้าจึงแข็งแกร่งจนมองเห็นร่างของศัตรูได้รวดเร็วประดุจสายฟ้าฟาด มิฉะนั้นต่อให้จิ้งจอกได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้าก็สู้มันไม่ได้อยู่ดี และต้องเป็นคนที่ตายเสียเอง"

“จิ้งจอกไฟตัวนี้มีประโยชน์มากมาย โยนทิ้งคงเสียดายแย่” ลู่เสวียนเดินเข้าไป แล้วหยิบมีดพยายามถลกหนังของมัน

“เจ้าโผล่มาจากที่ใดกัน? เจ้าเด็กเหลือขอ กล้าดีอย่างไรถึงสังหารจิ้งจอกสามหางของข้า!” จู่ ๆ บุรุษ 3 คนก็รีบวิ่งเข้ามา ชายหนุ่มที่อยู่นำหน้าตะโกนด้วยความโมโห เมื่อเห็นว่าจิ้งจอกไฟถูกลู่เสวียนสังหารจนตาย

“หือ จิ้งจอกสามหางของเจ้าหรือ?”ลู่เสวียนหันกลับมามองคนทั้งสาม

บุรุษทั้งสามแต่งกายด้วยอาภรณ์หรูหรา ชายข้อมือปักรูปพระจันทร์เสี้ยว ระดับการฝึกฝนของพวกเขาไม่ต่ำต้อย แต่ละคนอยู่อย่างน้อยระดับ 6 ของอาณาจักรลมปราณแห่งจิตวิญญาณ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในระดับ 9 ของอาณาจักรลมปราณแห่งจิตวิญญาณ ถือว่าแข็งแกร่งมากในบรรดาศิษย์รุ่นใหม่

ดูเหมือนบุคคลกลุ่มนี้จะเป็นศิษย์สูงศักดิ์จากตระกูลสักแห่ง

"เจ้าหนู เจ้ากล้าดีอย่างไร! พวกเราสามคนพยายามแทบตายเพื่อล้มจิ้งจอกวิญญาณไฟตัวนี้ แต่เจ้ากลับขโมยเหยื่อของเราไป! วอนหาที่ตายเรอะ!"

เมื่อเห็นศพจิ้งจอกไฟ ศิษย์ที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดก็โกรธเกรี้ยวจนใบหน้าแดงเถือก เขากัดฟันกรอด สายตาจับจ้องลู่เสวียนอย่างอาฆาคแค้น ราวต้องการฉีกขย้ำเลือดเนื้อของลู่เสวียน

“ในเมื่อมันคือเหยื่อของเจ้า ข้าก็คืนมันให้เจ้าแล้วกัน” ลู่เสวียนพ่นลมหายใจเย็นชา แล้วโยนศพจิ้งจอกไฟเข้าไปใกล้เท้าของคนทั้งสาม ก่อนจะหันหลังเดินจากไป

ลู่เสวียนไม่กลัวอะไรทั้งนั้น

เป็นความจริงที่จิ้งจอกไฟตัวนี้ได้รับบาดเจ็บมาก่อน ลู่เสวียนจึงสังหารมันได้ เขาไม่อยากพัวพันกับคนเหล่านี้ด้วยเรื่องศพจิ้งจอกไฟ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหาสถานที่เพื่อฝึกฝนวิชา

แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมปล่อยเขาไปง่าย ๆ!

“หยุดอยู่ตรงนั้นก่อน ใครอนุญาตให้เจ้าไป!” ประกาศิตของชายหนุ่มคนเดิมเต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหาร เขาโกรธจนคลุ้มคลั่ง ขณะเอ่ยอย่างชั่วร้าย "จิ้งจอกไฟตัวนี้เป็นสัตว์อสูรระดับ 3 และยังเติบโตได้อีกหลายปี พอมันโตเต็มวัย พลังของมันจะเทียบเท่ากับอาณาจักรร่างล้ำค่า เดิมทีข้าวางแผนจับมันทั้งเป็น แล้วจะให้มันดื่มเลือดเพื่อเลี้ยงมันเป็นสัตว์อสูรวิญญาณโลหิต แต่ตอนนี้เจ้ากลับฆ่ามันตายแล้ว ความพยายามทั้งหมดของข้าล้วนสูญเปล่า ถ้าข้าไม่ดับชีวิตน้อย ๆ ของเจ้า ก็อยากเรียกข้าว่าบุรุษแซ่ฉินเลย!”

“สัตว์อสูรวิญญาณโลหิตรึ?” นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่เสวียนได้ยินเรื่องนี้ เขาจึงสนใจมาก

“เจ้าหนู เจ้าไม่รู้จักสัตว์อสูรวิญญาณโลหิตหรือ นี่เจ้าเป็นคน จาก 'ทวีปเทียนหยวน' จริง ๆ รึเปล่า?” วิญญาณปีศาจโบราณตบหน้าผากตัวเอง พลางพูดอะไรไม่ออก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพยุทธ์แห่งบรรพกาล