เทพยุทธ์แห่งบรรพกาล นิยาย บท 6

พอได้ยินเช่นนี้ ลู่เสวียนทั้งดีใจและตื่นเต้นมาก

ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งปลุกเส้นลมปราณยมโลก และก้าวกระโดดจากบุคคลไร้ค่าพิกลพิการสู่การเป็นอัจฉริยะ ความเร็วในการฝึกฝนของเขาเทียบเท่ากับผู้ฝึกฝนอัจฉริยะที่เปิดเส้นลมปราณได้แล้ว 5 เส้น แค่ชั่วระยะเวลาสั้น ๆ เด็กหนุ่มก็สามารถทะลวงขึ้นตั้งหลายระดับ

ใครจะไปจินตนาการได้ว่าการครอบครองสายโลหิตยมโลกนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด

ผลลัพธ์จากการปลุกสายเลือดครั้งนี้ไม่ได้ทำให้ลู่เสวียนพัฒนาขึ้นอีกเท่าตัว แต่กลับมากมายนับสิบเท่า!

ถึงยามนั้นความเร็วในการฝึกฝนของเขาอาจเหนือกว่าศิษย์ที่เปิดเส้นลมปราณได้ 6 เส้นด้วยซ้ำ การเลื่อนสู่อาณาจักรร่างล้ำค่าคงไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป

"ได้!" ลู่เสวียนหาที่ลับตาคนอย่างรวดเร็ว เขาดำดิ่งกระแสจิตสู่พื้นที่ในน้ำตาเทพวารี แล้วหยดเลือดของตัวเองลงบนแท่นหินบูชา

ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!

หลังเลือดหยดลงไป แท่นบูชาก็เริ่มสั่นคลอนรุนแรง โลกภายในทั้งหมดก็สั่นสะเทือนเช่นกัน มวลเมฆปีศาจก่อตัว  ลมหวีดหวิวโหมกระหน่ำ ดั่งภัยธรรมชาติที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน!

หนึ่งในนั้นคือหมู่เมฆดำทะมึนมหึมามีแสงวูบวาบมากมาย แสงดาราอ่อนจางนับไม่ถ้วนสาดแสง ดุจกำลังทะลุผ่านผืนฟ้า ทำให้แดนสวรวงสุกสกาว

"ช่างเป็นพลังงานดวงดาวที่มหาศาลเหลือเกิน ข้ารู้สึกได้ว่าสายเลือดในร่างกายของข้ากำลังเดือดพล่านด้วยแรงดึงดูดของมัน!" ลู่เสวียนเห็นภาพลวงตาว่าตัวเขาได้ครอบครองพลังอันไร้ขอบเขต ประดุจเขาสามารถบดขยี้ภูผาและนทีได้ด้วยการย่ำฝ่าเท้าเพียงครั้งเดียว

พลังของดวงดาวแข็งแกร่งยิ่งกว่าการปลุกสายเลือดครั้งแรกเป็นสิบเท่า อานุภาพของน่ากลัวเสียจนลู่เสวียนรู้สึกเหมือนพลังกำลังไหลทะลักสู่ร่างกายของเขา

“ไม่ดีแล้ว ลมปราณยมโลกเส้นที่สองหนักหนาเกินไป ถ้าถูกปลุกให้ตื่นอย่างแท้จริง แม้แต่ผู้ฝึกฝนอาณาจักรร่างกายล้ำค่าก็ไม่สามารถต้านทานพลังของมันได้ เร็วเข้า! รีบหยุดการปลุกสายเลือดนี้ก่อน มิฉะนั้นร่างกายของเจ้าจะแตกระเบิดเพราะพลังน่าสะพรึงกลัวของมัน และวิญญาณของเจ้าจะถูกป่นละเอียดเป็นผุยผง!"

วิญญาณแห่งโชคชะตาของเผ่าปีศาจโบราณสังเกตถึงความผิดปกติ มันรีบคำรามร้องเตือนลู่เสวียนทันที ถึงมันจะคุ้นชินกับพายุอันตรายต่าง ๆ แต่มันก็หวาดกลัวพลังของลมปราณยมโลกเส้นที่สองอย่างยิ่งยวด

ในสมัยโบราณ มันเคยได้ยินเรื่องพลังของสายเลือดสูงสุดของปีศาจ แต่ไม่เคยเห็นมันกับตาตัวเอง มิฉะนั้นมันคงไม่กล้าปล่อยให้ลู่เสวียนปลุกลมปราณยมโลกเส้นที่สองเร็วขนาดนี้

“แค่ปลุกลมปราณยมโลกเส้นที่สอง เจ้าเด็กนี่ก็ได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์มากเพียงนี้แล้ว ถ้าเป็นเส้นที่สามหรือสี่เล่า?” วิญญาณแห่งโชคชะตาของเผ่าปีศาจโบราณรู้สึกว่าริมฝีปากของมันแห้งผาก หากลู่เสวียนปลุกสายเลือดได้ครบสิบเส้น อิทธิฤทธิ์ของเขาน่ากลัวขนาดไหนกัน? เป็นไปได้ว่าแม้แต่เทพเซียนที่แข็งแกร่งที่สุดในสวรรค์ก็ยังต้องเกรงกลัวเด็กหนุ่มผู้นี้!

“ผู้อาวุโส ข้าจะหยุดยั้งมันได้อย่างไร?” ลู่เสวียนตระหนักถึงอันตรายร้ายแรงแล้ว พลังมหาศาลเริ่มท่วมท้นเข้าสู่ร่างกายของเขา ทำให้ระดับการฝึกฝนของเขาพุ่งสูงอย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้พลังในร่างกายยังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ จนร่างกายของลู่เสวียนแบกรับไม่ไหว กระดูกทั้งหมดในร่างลู่เสวียนเริ่มส่งเสียงแตกร้าว เส้นเลือดบนผิวกายปริแตกออกมา เลือดพุ่งกระฉูดราวน้ำพุ ทันใดนั้นร่างของเด็กหนุ่มก็ชุ่มโชกไปด้วยเลือด

“ข้าจะสอนคาถาผนึกวิญญาณให้ รีบท่องไปพร้อมกับข้า แล้วใช้เจตจำนงของเจ้าผนึกดาวฤกษ์!”

ลู่เสวียนกรีดร้องอย่างทรมาน เขากำลังจะหมดสติ แต่เขารู้ว่าถ้าเขาหมดสติไปตอนนี้ ย่อมหมายถึงความตาย ลู่เสวียนกัดฟันแน่นและอดทนต่อความเจ็บปวดจากการถูกกรีดแทง เด็กหนุ่มเริ่มท่องคาถาโบราณที่ฟังดูโศกสลดระคนลึกซึ้งร่วมกับวิญญาณปีศาจโบราณ

พื้นผิวดาวฤกษ์ที่เต็มไปด้วยละอองฝุ่นปริแตกโดยสมบูรณ์ ลำแสงส่องประกายดุจศาสตราคมกริบกำลังจะผ่าสวรรค์และปฐพี

เวลานี้พลังลึกลับที่ห่อหุ้มอยู่รอบดาวฤกษ์เริ่มทำให้ชั้นหินบนพื้นผิวของดาวฤกา์กำลังจะระเบิด มันหดและสมานตัวอย่างต่อเนื่อง แสงของดวงดาวอ่อนลงเรื่อย ๆ แต่ขณะที่พลังลึกลับกำลังจะห่อหุ้มดาวฤกษ์อีกครั้ง ดวงดาวก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ก่อให้เกิดพลังมหาศาลเกินพรรณนา!

พลังนั้นทะลุผ่านห้วงอวกาศและเวลาซึ่งไม่มีที่สิ้นสุด อัดกระแทกหัวใจของลู่เสวียนอย่างแรงจนเกือบทำให้วิญญาณของเขาแตกสลาย นี่คือแรงสะท้อนกลับ!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพยุทธ์แห่งบรรพกาล