เทพยุทธ์แห่งบรรพกาล นิยาย บท 4

"อะ...อะไรกัน? เป็นไปไม่ได้!"

เสียงโหยหวนดังขึ้นเป็นระลอก ผู้ฝึกฝนรุ่นเยาว์ที่วิ่งกรูโจมตีลู่เสวียนกลายเป็นเศษหญ้าปลิวว่อนไปทุกที่ ทุกคนสลบคาที่จากความเจ็บปวดหลังโหยหวนได้แค่ไม่กี่ครั้ง

ดวงตาเฉียนฟางชางเบิกกว้างเสมือนระฆังทองแดง เขาจ้องมองลู่เสวียนราวกำลังมองดูสัตว์ประหลาด เหล่าผู้ติดตามของเขาล้วนเป็นศิษย์ระดับสูงจากตระกูลเล็กต่าง ๆ ในเมืองมังกรลี้ลับ ระดับการฝึกฝนของคนเหล่านี้นับว่าไม่ธรรมดา พวกเขาจะถูกลู่เสวียนซัดจนสลบเหมือดทันทีที่ต่อสู้กันได้อย่างไร?

"นี่ใช่สวะไร้ประโยชน์ลู่เสวียนจริง ๆ รึเปล่า?" เฉียนฟางชางพึมพำอย่างไม่เชื่อสายตาหลังเหม่ออยู่เนิ่นนาน ใบหน้าของเขาเขียวคล้ำ

ยามพิจารณาหมัดของลู่เสวียน ฝีมือของลู่เสวียนไม่น่าต่ำกว่าระดับ 6 ของอาณาจักรลมปราณแห่งจิตวิญญาณ

“ดูเหมือนเจ้าจะโชคดีนะ แต่เจ้ายังอ่อนหัด กล้าวางท่าหยิ่งยโสต่อหน้าข้าหรือ? ข้าจะสั่งสอนให้เจ้ารู้ซึ้งว่าความเสียใจหน้าตาเป็นอย่างไร!”

นี่คือดินแดนลับแห่งพื้นที่รกร้าง สถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยโชคลาภและโอกาสมากมาย ไม่แปลกที่ลู่เสวียนจะโชคดีและได้พัฒนาฝีมือในสถานที่แห่งนี้

แม้ระดับที่ 6 ของลมปราณแห่งจิตวิญญาณจะแข็งแกร่งพอดู แต่เฉียนฟางชางก็หาได้ครั่นคร้ามไม่ เขาไม่มีวันยอมให้สวะไร้ค่าจองหองดูถูกเขาได้!

"เฉียนฟางชาง เห็นแก่ท่านย่า ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย ไสหัวไปจากที่นี่ซะ มิฉะนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!"

ตั้งแต่ถูกตระกูลลู่บีบบังคับให้กระโดดเข้าไปในทางเข้าอาณาจักร ลู่เสวียนก็รู้สึกท้อแท้หมดหวังกับตระกูลลู่ แต่ย่าของเฉียนฟางชางนั้นคือน้องสาวเพียงคนเดียวของปู่ของเขา และย่าก็ดีกับพ่อของเขามาก ลู่เสวียนจึงนึกลังเลยามต้องทำให้บุตรหลานของท่านย่าต้องลำบาก

“หึ คนไร้ค่าก็ยังไร้ค่าอยู่วันยันค่ำ เจ้าคิดว่าแค่ได้รับโอกาสเล็ก ๆ แล้วจะสามารถทะยานสูงได้รึ? วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าห็นความจริงอย่างถ่องแท้เอง สวะอย่างเจ้าไม่มีวันพลิกชะตาได้หรอก เจ้าสมควรถูกข้าผู้นี้เหยียบย่ำต่างหาก!" เฉียนฟางชางวิ่งเข้าไปอย่างว่องไว ใบหน้าฉายแววอำมาหิต

“ข้าไม่เคยมีเรื่องกับเจ้ามาก่อน ทำไมเจ้าต้องหาเรื่องข้า?” ลู่เสวียนเริ่มโมโหแล้ว เขาอดทนซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่อีกฝ่ายกลับดื้อด้านไม่จบสิ้น

“ทีแรกข้าก็ไม่อยากมีเรื่องกับไอ้สวะไร้ค่าหรอก แต่เจ้าทำให้พี่ชายของข้าไม่อาจเข้าสู่อาณาจักรลับได้ ข้าจึงต้องล้างแค้น! ถึงจะฆ่าเจ้าไม่ได้ แต่ข้าจะมอบบทเรียนที่ทำให้เจ้าไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต”

“ข้าทำให้พี่ชายเจ้าเข้าอาณาจักรลับไม่ได้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?” ลู่เสวียนเกรี้ยวกราด ลู่เสวียนไม่ยินยอมให้ผู้อื่นใส่ไคล้เขาโดยไร้เหตุผลเด็ดขาด

ลู่เสวียนถูกประณามว่าเป็นคนไร้ค่า ไม่มีใครยินดีคบหาสมาคมกับเขา ถึงจะอาศัยอยู่ใต้ชายคาดียวกัน แต่ลู่เสวียนก็ไม่เคยข้องแวะกับใครทั้งสิ้น แล้วเขาจะเล่นงานน้องชายของเฉียนฟางชางได้ตอนไหน?

“น้องชายของข้าคือศิษย์อันดับ 8 ในรุ่นปัจจุบันของตระกูล ถ้าเจ้าไม่เก็บเครื่องรางปกป้องวิญญาณไว้กับตัว น้องชายของข้าก็คงไม่พลาดโอกาสเข้าสู่อาณาจักรลับและได้กลายเป็นศิษย์ที่แท้จริง เจ้าทำให้เขาเป็นแค่ผู้ฝึกฝนธรรมดา ๆ ไปชั่วชีวิต ข้าจะล้างแค้นให้ท่านพี่!”

“อย่างนี้นี่เอง!” เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลู่เสวียนก็โกรธเกรี้ยวจนอกรวดร้าว ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน!

เช่นเดียวกับผู้อื่น เฉียนฟางชางก็ต้องการเครื่องรางที่พ่อของลู่เสวียนทิ้งเอาไว้ให้เขาเหมือนกัน

น้องชายของเฉียนฟางชางเป็นศิษย์อันดับ 8 ในหมู่ทายาทรุ่นเยาว์ แต่ตระกูลลู่มีเครื่องรางปกป้องวิญญาณเพียง 7 ชิ้นเท่านั้น หมายความว่าเขาจะไม่สามารถเข้าสู่อาณาจักรลับได้ และสูญเสียโอกาสเดียวในการเป็นผู้ฝึกฝนที่แท้จริง

เมื่อเฉียนฟางชางรู้ว่าลู่เสวียนมีเครื่องรางปกป้องวิญญาณ ชายหนุ่มคิดว่าสวะไร้ค่าอย่างลู่เสวียนควรต้องส่งมอบเครื่องรางให้พี่ชาย พี่ชายของเขาควรได้รับโอกาสล้ำค่านี้ในการเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเอง

การที่ลู่เสวียนกระโดดเข้าไปในทางเข้าอาณาจักรลับพร้อมกับเครื่องรางปกป้องวิญญาณติดตัว ทำให้ตัวตนของพี่ชายเขาถูกทำลาย ทั้งยังท่วมท้นไปด้วยความเกลียดชังและผิดหวัง ทันทีที่เฉียนฟางชางเห็นลู่เสวียน เขาก็จดจำแววตาสิ้นหวังของพี่ชายตอนตระหนักว่าตัวเองไม่สามารถเข้าไปในอาณาจักรลับได้ทันที เฉียนฟางชางโกรธแค้นจึงตัดสินใจโจมตีลู่เสวียน

"เครื่องรางปกป้องวิญญาณชิ้นที่แปดเป็นสมบัติต่างหน้าของพ่อข้า หากไม่ใช่เพราะพ่อข้า ตระกูลลู่จะขึ้นเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลยิ่งใหญ่ของเมืองเฉียนหลงได้เรอะ?" ลู่เสวียนคำรามเกรี้ยวกราด

ย้อนกลับไปในกาลก่อน ตระกูลลู่เป็นเพียงตระกูลเล็ก ๆ ในเมืองเฉียนหลง แต่พอลู่หยวนเฟิงยอดอัจฉริยะถือกำเนิดขึ้นมา เขาก็ก้าวกระโดดกลายเป็นศิษย์อันดับ 1 ของเมืองเฉียนหลง สิ่งนี้ทำให้ตระกูลลู่ที่เกือบถูกกวาดล้างหมดตระกูลสามารถรอดพ้นจากหายนะ และเล่นงานตระกูลฝ่ายตรงข้ามจนล่มสลายได้อีกด้วย หลังยึดครองทรัพย์สินและทรัพยากรจำนวนมหาศาล ตระกูลลู่ก็ถูกยกฐานะเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ และเสวยสุขบนความรุ่งโรจน์เฟื่องฟูของตระกูล

กล่าวได้ว่าหากไม่มีพ่อของลู่เสวียน ก็จะไม่มีตระกูลลู่ในทุกวันนี้

อย่างไรก็ตาม เมื่อลู่หยวนเฟิงเสียชีวิต ศพของเขายังไม่ทันเย็นชืด เหล่าสมาชิกตระกูลลู่ที่เสพสุขมานานปีกลับบีบบังคับสายเลือดหนึ่งเดียวของลู่หยวนเฟิงเพื่อแย่งชิงเครื่องรางปกป้องวิญญาณ พวกเขากดดันให้ลู่เสวียนต้องกระโดดเข้าไปในทางเข้าอาณาจักรลับที่ยังไม่เสถียร ลู่เสวียนนั้นรอดตายมาอย่างหวุดหวิด

"ในสายตาเจ้า ข้าลู่เสวียนไม่มีค่าเท่าเครื่องรางชิ้นนี้สินะ! เช่นนี้ข้าก็ไม่จำเป็นต้องเห็นแก่มิตรภาพของตระกูลแล้ว ไปลงนรกซะ!"

ลู่เสวียนไม่ปิดบังจิตสังหารรุนแรงบนใบหน้า เด็กหนุ่มเหวี่ยงหมัดใส่คู่ต่อสู้ทันควัน เงากำปั้นเคลื่อนไหวดุจอัสนีบาต ลมหวีดหวิวดุจคลื่นหนักหน่วง ประหนึ่งภูเขาสูงถล่ม

กำปั้นทั้งสองพุ่งปะทะกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพยุทธ์แห่งบรรพกาล