บทที่ 269 – ถ้าอยากจะติดตามฉันล่ะก็นะ (3)
“ตอนนี้ฉันจะขอพูดถึงแผนการในอนาคตนะ”
ยูอิลฮานได้พูดขึ้นมาด้วยเสียงที่ไม่ดังและไม่เบาเพื่อให้ทุกๆคนหันมาหาเขาไม่เว้นแม้แต่แม่และลูกของเขา
“จากที่ฉันรู้สึกในตอนนี้ โลกของเราพัฒนาขึ้นไปเร็วมากๆจนน่ากลัว…”
ทุกคนต่างก็หงกหัว นับจากที่โลกได้เจอกับมหาภัยพิบัติขั้นที่ 3 ก็ยังผ่านมาไม่นานนักเลย แต่ยังไงก็ตามความเข้นข้มมานาของโลกพวกเขากลับมากยิ่งกว่าโลกส่วนใหญ่ที่อยู่ในมหาภัยพิบัติขั้นที่ 4 ซะอีก
แล้วก็นับตั้งแต่ที่ดันเจี้ยนนรกหายไปก็ได้มีมอนสเตอร์ปีศาจทุกชนิดเดินเพ่นพล่านไปมาซึ่งทำให้ความเร็วในการพัฒนาของโลกยิ่งถูกเร่งขึ้นไปอีก แค่ไปเดินเล่นอยู่บนโลกใบนี้ก็จะเจอมอนสเตอร์คลาส 4 ที่นับเป็นหายนะได้ง่ายเป็นอย่างมาก
“เดิมทีฉันก็พยายามจะเร่งความเร็วในการพัฒนาของโลกขึ้น ฉันอยากจะให้คนอื่นๆที่ถูกส่งไปโลกอื่นได้กลับมาที่โลกเดิม ยังไงก็ตามมันกลับได้ผลดีเกินไปนิด แล้วก็จากสภาพในตอนนี้…”
หากเป็นแบบนี้ต่อไปในไม่อีกกี่ปีโลกของเขาก็จะกลายมาเป็นโลกระดับสูงแน่นอน และการผนึกบนโลกก็จะหายไปทำให้คนอื่นๆกลับมาที่ลกได้ตามที่ยูอิลฮานต้องการ แต่ว่าคนที่กลับมาก็คงจะโดนมอนสเตอร์ที่น่ากลัวบนโลกกวาดล้างทิ้งจนหมดแน่นอน นี่มันคือสถานการณ์ไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน
เพราะแบบนี้ทำให้เขาจำเป็นต้องปรับเปลื่ยนแผน
“มีสองเรื่องหลักๆที่เราต้องทำ อย่างแรกเลยก็คือทำให้การพัฒนาของโลกช้าลง และฉันก็คิดว่าฉันน่าจะแก้ปัญหาในส่วนนี้ได้ด้วยอาร์ติแฟคที่ฉันสร้างบวกเขากันกับการช่วยเหลือจากจอมเวทย์ที่นี่ แล้วก็ฉันจะใช้นาฬิกาทรายแห่งกาลเวลาในทันทีที่มันใช้งานได้”ก่อนหน้านี้ยูอิลฮานไม่ได้คุ้นเคยกับเวทมนต์ แต่ว่าในตอนนี้เขาได้มีจอมเวทย์ผู้เชี่ยวชาญมากมายมาอยู่ข้างตัวแล้ว มีทั้งคิมเยซอล คังมิเรย์ แล้วก็เอิลต้า
แถมยังมีเฮเรียน่าที่เป็นสุดยอดในด้านนี้อีกด้วย ถึงแม้ว่าการไปคุยกับเธอมันจะน่ารำคาญกตาม แต่ไม่ว่ายังไงหากพึ่งจอมเวทย์ทั้งสี่คนนี้เขาคิดว่าเขาทำได้สำเร็จแน่นอน
“เรื่องที่สองก็คือกองกำลังและยกระดับพลังต่อสู้ให้สูงให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ก่อนที่โลกจะกลายเป็นโลกระดับสูง หากไม่เช่นนั้นเราจะต่อสู้กับผู้บุกรุกที่จะเข้ามาไม่ไแน่ ตอนนี้เรามีกองกำลังอยู่คือกองทัพมังกรเท่านั้น…. นับจากนี้ไปฉันคิดที่จะเดินทางไปในโลกต่างๆที่คนบนโลกเราเชื่อมต่ออยู่เพื่อไปค้นหาพันธมิตร”หนึ่งคนที่สามารถจัดการกับยูอิลฮานได้เลยก็คือคิมเยซอลคนนี้นี่แหละ ยูอิลฮานได้พยายามโต้กลับไปเท่าที่ทำได้และพูดต่อออกไป
“แต่ปกติแล้วมันจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไปในทุกๆโลกที่คนบนโลกเขากระจายอยู่ อย่างแรกฉันก็เลยวางแผนที่จะไปหาคนที่อยู่ในกองกำลังพันธมิตรแนวหน้าก่อน โชคดีที่ตอนนี้มิเรย์ก็ได้รับความสามารถในการไปโลกอื่นมาแล้วอีกด้วยทำให้เรื่องนี้ง่ายขึ้นมา”เมื่อคาดเดาถึงคำตอบได้สีหน้าคังมิเรย์ได้มืดมนลงไปทันที ยังไงก็ตามยูอิลฮานที่ไร้ปราณีก็ได้พูดต่อไปอย่างไร้ความลังเล
“ฉันกำลังคิดที่จะแบ่งคนออกไป ฉันจะอยู่ในป้อมปราการผู้พิทักษ์ และคังมิเรย์จะอยู่บนป้อมปราการลอยฟ้า เพื่อที่จะซ่อนตัวนั้นมิลก็จะต้องไปอยู่บนป้อมปราการลอยฟ้าด้วย แล้วก็สำหรับคนที่เหลือจะถูกแบ่งออกไปสองฝั่งอย่างเหมาะสม…”
เมื่อยูอิลฮานได้พูดแบบนี้ก็ได้ทำให้เกิดการต่อสู้ที่รุนแรงเกิดขึ้น นี่มันเหมือนกับสงครามจิตวิทยา! แต่ก่อนหน้านั้นเองยูอิลฮานก็ได้หยิบเอากระดาษออกมาราวกับจะสาดน้ำเย็นใส่หัวทุกคน
“…ฉันได้แบ่งรายชื่อตามเลเวลแล้วก็คลาสเอาไว้ในกระดาษใบนี้แล้ว”ทุกๆคนได้มองมาที่ยูอิลฮานราวกับพวกเขาถูกทรยศ แต่ว่ายูอิลฮานก็ไม่ได้อนุญาติให้ใครได้มีข้อโต้แย้งสักนิดเดียว
ยูอิลฮานได้ให้สมาชิกทุกๆคนที่อยู่ตั้งแต่คลาส 4 ขึ้นไปให้อยู่กับคังมิเรย์ แต่ก็มีข้อยกเว้นเช่นกันนั้นคือเฮเรียน่ากับคิมเยซอลจะอยู่กับเขา และเขาก็จะบังคับใช้รายชื่อนี้ต่อให้เลียร่าจะประท้วงอย่างเต็มกำลังก็ตาม
“ระวังตัวด้วยนะเลียร่า”เฮเรียน่าได้แสยะยิ้มให้กับเลียร่าเมื่อเห็นเธอประท้วงออกมา รอยยิ้มนี้ของเฮเรียน่าได้ทำให้สเปียร่าโกรธมากยิ่งขึ้นอีก
“ใช่ ฉันกังวลมาก! ทำไมนายถึงให้ฉันไปกับคังมิเรย์แต่พาซัคคิวนี่ไปล่ะ!”ยูอิลฮานได้บอกไปอย่างเย็นชาและหนักแน่นจากการที่เฮเรียน่าล้อเล่นออกมา เฮเรียน่าได้ส่งเสียงไม่พอใจออกมาเนื่องจากเขาเรียกเธอว่าระเบิดเวลา
[ฉันก็แค่บอกว่าฉันอยากปกป้องที่รักเอง ที่รักนี่ขี้อายจริงๆ]ยูอิลฮานได้แจกอุปกรณ์สื่อสารอันใหม่ไป ถึงแม้ว่ามันจะไม่ต่างจากอันเก่าเลย แต่ว่าออร่าที่อยู่ภายในของมันได้กระตุ้นกับอดีตทูตสวรรค์อย่างมาก
“อิลฮาน นี่มัน…”ก่อนที่เลียร่าจะได้พูดจบ เอิลต้าก็ตะโกนขึ้นมาแทน ยูอิลฮานทำเพียงแค่ยิ้มอย่างสดใสกับความตกตะลึงของพวกเธอเท่านั้นเอง
“ฉันหาวิธีที่ดีกว่าการส่งความคิดผ่านมิติไม่ได้ แต่ว่ามันก็ยังสามารถที่จะทำให้เราติดต่อกันได้ต่อให้อยู่ในมิติต่างกันได้อยู่ดี!”แต่ว่าเอิลต้ากลับไม่ยอมรับในเรื่องนี้ทำให้ยูอิลฮานเลียริมฝีปากของเขาและยื่นมือออกไป
“งั้นก็ส่งมันคือมา…”เอิลต้าได้คิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ในท้ายที่สุดเธอก็เก็บเครื่องมือสื่อสารนี่ลงไป เพราะแบบนี้ทำให้ยูอิลฮานหัวเราะออกมาและสรุปทุกอย่างอีกครั้งหนึ่ง
“ถ้างั้นเราจะเดินทางกันเดี๋ยวนี้เลย ฉันคิดว่าถ้ามิเรย์กับคนอื่นๆไปดูครอบครัวตัวเองเป็นอย่างแรกก็น่าจะดีนะ”ทั้งสองกลุ่มได้ถูกแย่งกันแล้ว เหตุผลที่เขาออกมาจากป้อมปราการลอยฟ้าก็เพราะว่าอุปกรณ์ของป้อมปราการลอยฟ้านั้นดีกว่าป้อมปราการผู้พิทักษ์และยังเพราะว่าป้อมปราการลอยฟ้ามีมิสทิคคอยควบคุมแทนเขาได้ด้วย ส่วนป้อมปราการผู้พิทักษ์เดิมทีแล้วถูกออกแบบมาให้ถูกป้อมปราการลอยฟ้าควบคุม แต่ว่าฟังก์ชั่นนั้นก็ถูกออกแบบมาจากยูอิลฮาน ทำให้เขาสามารถจะปรับแก้มันได้ตามต้องการ ดังนั้นนี่จึงไม่เป็นปัญหาเลย
“ถ้างั้นแผนแรกของลูกคืออะไรล่ะ?”
เมื่อคังมิเรย์กับพรรคพวกได้จากไปแล้ว คิมเยซอลก็ได้หันมาถามลูกของเธอ ยูอิลฮานได้หยักไหล่ออกมาและตอบกลับไป
“ผมจะไปรวบรวมคนที่มีความรับผิดชอบที่สุดที่ผมรู้จัก แล้วพวกนั้นก็ยังเป็นคนที่แข็งแกร่งพอๆกับกิลด์ระดับสูงด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี