Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี นิยาย บท 270

บทที่ 270 – ถ้าอยากจะติดตามฉันล่ะก็นะ (4)

การรวบรวมสมาชิกส่วนที่เหลือของกองกำลังปราบปรามก็เป็นไปอย่างราบรื่นเช่นกัน เนื่องจากว่ามหาภัยพิบัติตามปกติแล้วจะเกิดขึ้นครั้งหนึ่่งในเวลาร้อยปีหรือกระทั่งพันปี ทำให้มีโลกไม่มากนักที่จะเจอกับการเปลื่ยนแปลงใหญ่ๆขึ้น

แล้วก็คนที่อยู่ในโลกเดิมทีก็มีพันธสัญญากับกองทัพสวรรค์อยู่ทำให้ไม่มีใครมาทำร้ายคนบนโลกของยูอิลฮานได้เลย เพราะแบบนี้ทำให้มีคนที่ตายไปในต่างโลกน้อยมา

“นี่มันน่าทึ่งมาก คุณยูอิลฮาน ดูเหมือนคุณจะ… ก้าวข้ามขีดจำกัดของมนุษย์ไปแล้วสินะ”

หลังจากเห็นยูอิลฮานบัญชาการป้อมปราการผู้พิทักษ์ข้ามมิติไปโลกต่างๆและได้เห็นซัคคิวบัสที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ยุนแดฮานก็ได้แต่พูดออกมาอย่างไร้พลัง ยังไงก็ตามคำตอบของยูอิลฮานยิ่งทำให้เขาหมดแรงยิ่งกว่าเดิม

“ฉันก้าวข้ามขีดจำกัดมนุษย์มาตั้งแต่แรกแล้ว”
“ตะ ตั้งแต่แรก?”
“ใช่ อาจจะนับตั้งแต่ที่ฉันเกิดแล้วก็ได้”
“นะ น่าทึ่ง…”
“จริงไหมล่ะ?”
[พรืดดดดดดด]

หากมีคนอื่นมาได้ยิน พวกเขาก็คงจะคิดว่ายูอิลฮานกำลังโม้แน่ แต่ว่าเฮเรียน่าที่รู้ถึงความสามารถในการซ่อนตัวของเขาที่มีมาตั้งแต่แรก และนอกไปจากนี้ยังรู้ถึงสิ่งที่เขาอย่างจะบอกด้วยทำให้เธอได้แต่หัวเราะออกมา ยูอิลฮานได้ถามยุนแดฮานอีกครั้งหนึ่งโดยไม่สนใจเฮเรียน่าเลย

“เหลืออีกแค่ทีเดียวงั้นหรอ? ร้อยเอกฮานเยรังกับคนอื่นๆสินะ”
“ตอนนี้เป็นพันเอกฮานแล้ว เธอได้เลื่อนขั้นอย่างรวดเร็วเลยล่ะ”
“ใช่แล้ว เป็นที่กุนเดีย พันเอกฮานๆกับคนอื่นอยู่ที่นั่น”
“ใช่แล้ว นี่มันเป็นปาฏิหาริย์มากๆเลยที่กองกำลังปราบปรามได้มารวมตัวกันอีกครั้ง แล้วก็ภายในเวลาน้อยกว่าหนึ่งวันอีกด้วย…”
“ในอนาคตจะต้องมีคนมาเข้าร่วมกับเราเพิ่มขึ้นแน่”

ตราบใดที่ยูอิลฮานมีบันทึกเกี่ยวกับโลกนั้น เขาก็จะไม่มีปัญหาใดๆในการใช้สกิลข้ามมิติ สิ่งที่สำคัญทีสุดคือชักชวนคนกลับมาต่างหาก

ในแง่นี้กองกำลังปราบปรามเป็นองค์กรที่น่าทึ่ง สมาชิกทุกคนของกองกำลังปราบปรามทุกๆคนต่างมีสนใจที่จะมาเข้าร่วมกับยูอิลฮานในทันทีที่พวกเขาได้ฟังยูอิลฮานอธิบายถึงสถานการณ์บนโลกที่เหมือนนรก

เพราะแบบนี้ทำให้ยูอิลฮานคิดว่าเขาเลือกพันธมิตรได้ถูกมาก ถ้าหากทหารอีกสิบสองคนที่อยู่กับพันเอกฮานได้เข้าร่วมกับเข้าในโลกสุดท้ายนี้ด้วย พวกเขาก็จะได้คลาส 3 อย่างน้อย 200 คนมาแล้ว

[แล้วที่รักจะทำให้คนพวกนี้เป็นกองกำลังที่มีศักยภาพจริงๆงั้นหรอที่รัก?]
“ไม่ต้องห่วงหรอก เธอยังมีเวลาได้กลับไปคิดใหม่อีกเยอะ”
“ฟุฟุ”

คิมเยซอลดูจะชอบการตอบกลับแบบไม่สนใจของยูอิลฮานที่ตอบเฮเรียน่ากลับไปจะน่ารักมากทำให้เธอยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ ยูอิลฮานได้เปิดใช้งานสกิลข้ามมิติโดยไม่สนใจสายตานี้ ในตอนนี้เองเขาก็มาที่โลกกุนเดียที่ฮานเยรังกับคนอื่นๆอยู่ แต่แล้วเขาก็ต้องตกใจ

มันมีปัญหาเกิดขึ้นที่นี่

“เวรล่ะ”
“อะไรงั้นหรอ?”

ยุนแดฮานที่เฝ้าดูยูอิลฮานเชื่อมต่อบันทึกกับโลกใบนี้ได้มีปฏิกิริยาออกมาเป็นคนแรก ฮานเยรังตายงั้นหรอ? ยิ่งหลังจากเขาได้ยินคำตอบของยูอิลฮานเขาก็ได้เงียบไป

“มนุษยชาติเกือบจะสูญพันธ์แล้ว”
“…อะไรนะ”
“แต่ว่าพันเอกฮานเยรังยังมีชีวิตอยู่ แล้วก็ทหารคนอื่นๆส่วนใหญ่ก็รอดอยู่เหมือนกัน…”

ยูอิลฮานได้เกาหัวและหยุดอธิบายลง โอกาสที่ข้อมูลที่เขาได้รับมาจากบันทึกมีโอกาสผิดน้อยมากๆ

“นับตั้งแต่มหาภัยพิบัติขั้นที่ 3 ก็ผ่านมาถึง 4 ปีแล้ว ผู้คนที่นี่ปรับตัวเข้ากับมันไม่ได้”
“นี่มัน… โชคร้ายมาก”

ช่วงต้นของมหาภัยพิบิติเป็นช่วงเวลาที่มีความวุ่นวายากที่สุดแล้ว เนื่องจากความเข้มข้นของมานาเพิ่มขึ้นทำให้จำนวนของมอนสเตอร์ได้เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน และได้มีภัยพิบัติธรรมทุกชนิดเข้ามาโจมตีทุกชีวิตบนโลกนี้ หลังจากเกิดมหาภัยพิบัติพวกเขาจะต้องรอให้ผ่านไปซัก 30 ปีเท่านั้นถึงจะเข้าสู่ช่วงสเถียรภาพได้ และหากว่าพวกเขาทนได้ถึงตอนนั้นประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติถึงจะได้ถูกสานต่อไป

ยังไงก็ตามมนุษยชาติในโลกใบนี้ทนไม่ได้ถึงตอนนั้น

“และในทางกลับกันนี่ได้กลายมาเป็นโอกาสใหญ่สำหรับมอนสเตอร์ นี่มันส่งผลให้มนุษยชาติ 99.9% ได้ตายไปในเวลาแค่ 2 ปีเท่านั้นเอง”
“…”

ต่อให้เขาจะมองลงไปที่กุนเดียจากด้านบนของป้อมปราการผู้พิทักษ์ แต่ยุนแดฮานไม่อยากจะเชื่อคำๆนี้เลย

โศกนาฏกรรมมานาเกิดขึ้นในโลกที่ดูจะสงบสุขแบบนี้ได้ยังไงกัน? เฮเรียน่าได้พูดขึ้นอย่างเย็นชาราวกับมองความคิดนี้ของพวกเขาออก

[สาเหตุหลักของความโกลาหลนะมักมาจากมนุษยชาติเสมอนั่นแหละ มานาของที่โลกนี้สงบเกินไป]
“ยังไงก็ตาม ความโกลาหลก็ได้ทำให้เกิดการพัฒนาน้อยลงเช่นกัน โลกจะไม่พัฒนาขึ้นหากมนุษยชาติสูญพันธ์”
[ที่รัก ความคิดของที่รักก็น่ารักเหมือนกัน]
“แต่นี่มันก็น่าขำ ที่มนุษยชาติได้สูญพันธ์ไปเพราะไม่อาจจะทนต่อการพัฒนาของโลกได้…”
[ดูเหมือนว่ากองทัพสวรรค์ก็เคยยอมแพ้ในเรื่องนี้มานานแล้วเหมือนกัน ฉันไม่ได้รู้สึกถึงความไม่พอใจของพวกนั้นในเรื่องแบบนี้เลย]
“เธอพูดถูก พวกนั้นไม่ได้อยู่ที่นี่เลย”

ยูอิลฮานได้ยิ้มแห้งๆออกมา เมื่อดูจากวันสิ้นโลกแบบนี้ทำให้เขารู้สึกแปลกมากๆ เขารู้สึกว่าโลกของเขาอาจจะกลายมาเป็นแบบนี้ในสักวันหนึ่ง และเขาก็ยังรู้สึกไม่คุ้นเคยกับตัวเขาเองมากๆที่กำลังเฝ้าดูการตายของคนนับไม่ถ้วนนี้โดยไม่รู้สึกอะไรสักนิด มันเหมือนกับในตอนที่เขากำลังดูหนังหรืออะไรทำนองนี้

[…]

เฮเรียน่าได้หยุดเล่นและถอยไปเงียบๆเมื่อได้รู้ถึงสิ่งที่เขารู้สึกอยู่ เมื่อคำนึงถึงการที่เธอปฏิบัติกับมนุษยชาติ อารยธรรม และโลกตามปกติแล้ว ทำให้การกระทำต่างๆนี้ของเธอได้พิสูจน์แล้วถึงความรักที่เธอมีต่อยูอิลฮาน

“ถ้างั้นเราจะทำอะไรกันต่ะล่ะ?”
“น่าเสียดายที่ไม่มีอะไรที่เราทำได้มากนัก การกวาดล้างมอนสเตอร์ที่มีอยู่ทั้งหมดออกไปก็เป็นไปได้อยู่ แต่ว่านั่นก็ไม่ได้ทำให้มอนสเตอร์ไม่เกิดขึ้นมาอีกซะหน่อย”

ยูอิลฮานได้คิดครู่หนึ่งก่อนจะเสริมออกมา

“แล้วก็นะ… บางทีพันเอกฮานก็อาจจะไม่กลับมาที่กองกำลังปราบปราม”

เลเวลของฮานเยรังคือ 190 เธอเป็นคนที่มีเลเวลสูงสุดในหมู่มนุษยชาติที่รอดชีวิตอยู่ในกุนเดีย และเธอยังเป็นคนที่มีเลเวลสูงกว่าทหารทุกๆคนที่อยู่กับเขาที่นี่ นอกไปจากเธอแล้วพลตรียุนแดฮานที่มีเลเวล 173 คืออันดับที่สอง เพราะแบบนี้นี่คือสิ่งที่บ่งบอกได้ดีถึงความลำบากที่เธอต้องเจอมา

“พูดอีกอย่างก็คือพันอกฮาน…?”
“เธออาจจะกลายมาเป็นศูนย์กลางของมนุษยชาติในโลกใบนี้ไปแล้ว ก่อนหน้านั้นเราก็ได้ดูเธอกันก่อนเถอะนะ”

ยูอิลฮานได้เปิดใช้สกิลข้ามมิติไปในทันที

เขาได้ใช้เวลาไม่นานนักก็ได้มาถึงที่ที่มนุษยชาติของโลกนี้อยู่ ซึ่งนั่นคือสนามรบที่ไร้ปราณีกำลังเกิดขึ้นอยู่

[ก๊าซซซซซซซซซซ!]
“ทางด้านขวา! มันเข้ามาแล้ว!”
“ย๊ากกกกก!”
“ใจเย็นๆ! ถ้ากำลังใจเรายังแข็งแกร่งอยู่ ศัตรูจะถอยไปเอง!”

การคาดเดาของยูอิลฮานถูกต้อง ฮานเยรังคือผู้หญิงที่อยู่หน้าสุดของสนามรบและเป็นเสียงสั่งการทุกๆคน เธอในตอนนี้กำลังใส่เกราะพังๆที่ยูอิลฮานสร้าง เหวี่ยงดาบยักษ์ทำให้ศัตรูต้องถอยไป

“พันเอกเท่มาก”
“เธอแกร่งเป็นบ้าเลย… แต่ว่าภาพรวมแล้วพวกเธอกำลังเสียเปรียบอยู่”

“พลตรี เราจำเป็นต้องไปช่วย!”
“พลตรีครับ!”
“…คุณยูอิลฮาน?”
“ทุกๆคนอยู่เฉยๆนั่นแหละ พวกนายไม่ต้องเคลื่อนไหวหรอก”

[ก๊าซซซซซซซซซซซ!]
[ก๊าซซซซซซ!]

[ติดคริติคอล!]
[ติดคริติคอล!]
[ติดคริติ…]

“นี่มันอะไรกัน…?”
“ดะ ดาวหาง? ไม่สิ!”“คุณควรจะบอกเราก่อนนะ”
“ไม่เป็นไรเลยนี่ ในเมื่อดูแล้วพวกนายก็เตรียมตัวกันอยู่นี่นา”
“มันไม่ใช่ไม่เป็นไรนะครับ!”
“เอาล่ะถ้างั้นก็”

[ก๊าซซซ]
[ก๊าซซซซซ]
[ก๊าซซซซ]

“คุณยูอิลฮาน?”
“นั่นใครกัน?”
“…ไม่”

“พวกมัน…”
“หายไปแล้ว ฝูงมอนสเตอร์น่ากลัวนั่นหายไปหมด…”

“เรากวาดล้างพื้นที่นี้แล้ว ฉันจะไปเก็บกวาดส่วนที่เหลืออีกให้ เพราะงั้นฝากคุณพลตรีไปอธิบายกับคุณฮานทีนะ”
“ดะ ได้”

“พลตรี!?”
“เป็นไปได้ยังไงกัน เป็นพลตรีล่ะ!?”

“พลตรี นี่คุณ…?”
“อย่างที่คุณคิดนั่นแหละ นี่ไม่ใช่ความสามารถของผมหรอก ผมได้มาที่นี่กับคุณยูอิลฮาน”
“อ่า…”

“แต่ว่าพลตรี… ทำไมคุณยูอิลฮานไม่ออกมาล่ะ?”
“เขา…”

“เขาบอกว่าเขาจะไปเก็บกวาดโลกนี้ซะนิด”
“โลกนี้…?”
“ใช่แล้ว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี