บทที่ 271 – ถ้าอยากจะติดตามฉันล่ะก็นะ (5)
พอเขากลับมาก็เป็นเวลาตี 4 แล้ว หากเป็นโลกตามปกติทุกๆคนก็น่าจะกำลังหลับกันอยู่ แต่ว่าเหล่าคนที่อยู่ในกุนเดียวนี้ต่างก็ต้องปะทะกับมอนสเตอร์ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้เป็นปกติที่พวกเขาจะยังไม่นอนกัน
ยังคงมีแสงไฟตามที่ต่างๆของป้อมปราการและเหล่าคนเฝ้ายามต่างก็ไม่อาจจะลดการระวังยูอิลฮานกับป้อมปราการที่อยู่ๆก็โผล่มาจากการที่ยูอิลฮานยกเลิกการซ่อนตัวได้ ถึงแม้พวกเขาจะรู้ว่าไม่มีทางเอาชนะได้ แต่ว่าพวกเขาก็ต้องระวังตัวอยู่ดี
[บรรยากาศที่นี่ดีนะ]ตอนแรกยูอิลฮานคิดว่าคนพวกนี้จะไม่ให้เขาเข้าประตูไปด้วยซ้ำ แต่ก็น่าจะเพราะมีคำสั่งมาจากฮานเยรังทำให้ยูอิลฮานเดินเข้ามาได้โดยไร้ซึ่งการขัดขวาง แต่แน่นอนว่ายังคงมีเสียงกระซิบกันอยู่ดี
“ชายคนนี้คือ…”คิมเยซอลได้ยิ้มออกมาหลังจากได้ยินคำว่า ‘งดงาม’ ยูอิลฮานก็ไม่ได้สนใจในเรื่องนี้ แต่สิ่งที่เขากังวลเลยคือเฮเรียน่าอาจจะปลดพลังของเธอออกมาทำให้วุ่นวายได้ แต่ดูเหมือนว่าเธอก็ได้ซ่อนเอาพลังเวทย์ของเธอเอาไว้อยู่
“คุณมาแล้ว”เขาได้ทหารพามาในที่ที่พลตรียุนกับฮานเยรังอยู่ ฮานเยรังมีออร่าที่น่าประทับใจอยู่แม้ว่าเธอจะใส่เกราะพังๆอยู่ก็ตาม และเขายังได้เห็นความเป็นผู้นำจากตัวเธออีกด้วย แม้กระทั่งหลังจากได้เจอคิมเยซอลกับเฮเรียน่า เธอก็ยังไม่ถอยกลับและทักทายกับยูอิลฮานมา
“พันเอกฮานเยรัก”ฮานเยรังได้พูดออกมาอย่างมั่นใจกับยูอิลฮานอย่างเป็นธรรมชาติ หากในด้านความสัมพันธ์ส่วนตัวพวกเขาแทบไม่คุยกันเลย แต่หากเป็นในด้านการค้านับว่าพวกเขาสนิทกันมาก
“ฉันก็ดีใจเหมือนกันที่เธอสบายดี ตอนนี้ฉันได้จัดการมอนสเตอร์ทั้งหมดไปแล้ว… แต่ว่าโลกใบนี้ยังไม่ได้สเถียรนักทำให้ ฉันไม่มั่นใจว่ามันจะโผล่มาอีกเมื่อไหร่”ฮานเยรังควรจะทำสีหน้ายังไงดีกับการที่ยูอิลฮานพูดออกมาว่าเขาได้สังหารมอนสเตอร์ทั้งหมดไปเหมือนกับการที่เขาไปถอนหญ้าหลังบ้านมา? แม้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะได้ยินเรื่องต่างๆจากยุนแดฮานแล้ว แต่ว่านี่ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เธอได้เจอกับช่องว่างความห่างฉันอย่างมหาศาลในโลกที่พวกเธอมีชีวิตอยู่ ยูอิลฮานได้พูดออกมาโดยไม่รู้เลยว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
“เดิมทีฉันคิดจะมาพาตัวเธอกับสมาชิกทั้งหมดของกองกำลังปราบปรามกลับไปที่โลกเรา แต่ว่าในตอนนี้โลกเรา…”ยูอิลฮานได้ยักไหล่และพูดต่อไป การที่ไม่ต้องอธิบายเพิ่มอีกเป็นเรื่องที่ดรมาก
“แต่ว่าฉันรู้สึกว่าพันเอกฮานมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำที่นี่อยู่ แต่แน่นอนว่าถ้าเธออยากจะตามมา ฉันก็จะพาเธอกลับไปที่โลกด้วย…”เธอได้ส่ายหัวออกมาอย่างไม่ลังเล นี่มันก็เป็นไปอย่างที่ยูอิลฮานคิดเอาไว้
“ตราบใดที่ผู้คนที่นี่ยังเชื่อในตัวฉัน ฉันจะไม่มีวันหนีพวกเขาไปแน่”การประเมินของเธอมันทำให้เขาตัวสั่นขึ้นมา ยังไงก็ตามต่อจากนั้นฮานเยรังก็ได้ทิ้งระเบิดลูกใหญ่กว่าเดิมออกมา
“งั้น… ทำไมคุณไม่รับเราทุกคนไปด้วยล่ะ?”ยูอิลฮานได้ถามออกมามีครั้งราวกับได้ยินผิดไป แต่คำตอบกลับก็ยังคงเหมือนเดิม
“ผู้รอดชีวีตในป้อมปราการนี้มีแค่สามหมื่นคนเท่านั้น ในตอนนี้พวกเราแค่มีชีวิตอยู่ไปวันๆเท่านั้น… แถมเรายังไม่มีความหวังที่จะมีชีวิตมากนักด้วย”
เขาไม่ได้ปฏิเสธเรื่องนี้ การต่อสู้กับมอนสเตอร์และเตรียมตัวรบตลอดเวลา เรื่องแบบนี้มันไม่นับว่าเป็นการ ‘ใช้ชีวิต’ แล้ว
“แต่ว่าทั้งสามหมื่นคนนี่…”เขาไม่อาจจะเข้าใจได้เลยว่าคนพวกนี้คิดอะไรกันอยู่ ยังไงก็ตามคิดเยซอลก็ได้ยิ้มพอใจอยู่ตลอดเวลา และเฮเรียน่าก็หัวเราะขึ้น
[นี่มันน่าสนใจจริงๆ ที่รักคือคนที่ทำให้มนุษยชาติเอาตัวเองเข้าไปสู่การทำลาย จากเดิมที่พวกเราดิ้นรนในสถานการณ์ปัจจุบัน พวกเขาได้วิ่งเข้าไปสู่สถานการณ์ที่แย่กว่าเดิมด้วยความคิดที่ว่าสิ่งใหม่ๆจะดีกว่า!]รอยยิ้มที่ยั่วยวนของเฮเรียน่าได้เข้ามาถึงหัวใจของยูอิลฮานแล้ว
[ที่รักไม่ได้คิดที่จะทำให้โลกของที่รักไปเจอกับหายนะใช่ไหมล่ะ?]เพราะแบบนี้คนบนโลกนี้ก็เลยเชื่อว่าตราบใดที่พวกเขาตามยูอิลฮานไป พวกเขาก็จะไม่ได้เลือกทางผิด เธออยากจะบอกแบบนี้งั้นหรอ ซับซ้อนจริงๆเลย
[ฟุฟุ หน้าตาตอนครุ่นคิดของที่รักนี่นารักเหมือนกันนะ…]
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี