ตอนที่ 272 – ตอนที่ต้องอ่านของ Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี
ตอนนี้ของ Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 272 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
บทที่ 272 – ถ้าอยากจะติดตามฉันล่ะก็นะ (6)
“เอิลต้า”นำเสียงของเอิลต้าที่ตอบยูอิลฮานกลับมาดูสงบมากๆ ดูเหมือนว่ากลุ่มของเธอจะยังไม่ได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นบนโลก
“เธอบอกให้คังมิเรย์สร้างประตูมิติ ให้เธอกลับมาที่โลกก่อนได้ไหม?”เอิลต้ามีข้อดีมากมายในตัวเธอ แต่ข้อดีที่ที่สุดเลยก็คือเธอเป็นคนที่ฉลาดและทำงานได้อย่างรวดเร็ว ยูอิลฮานได้ตัดสายเครื่องสื่อสารไปและมองไปรอบๆโลกก่อนที่จะปรบมือเพื่อรวมความสนใจของทุกคนเข้ามา
“อย่างที่พวกนายได้รู้กันก็คือมนุษยชาติของโลกนี้ได้กระจายไปต่างโลกต่างๆอยู่ พวกเราไม่รู้ว่าพวกเขาจะกลับมาได้เมื่อไหน แต่ว่าฉันก็ไม่อาจจะให้พวกนายไปพักอยู่ในที่พักเดิมของพวกเขาได้ ยังไงก็ตามมีสถานที่มากมายที่ประชาชนได้ถูกกวาดล้างออกไปเพราะดันเจี้ยนหรือการโจมตีของฝู.มอนสเตอร์ เพราะแบบนี้ฉันก็เลยคิดว่าจะให้พวกนายไปเลือกที่พวกนั้นเพื่อใช้ชีวิตอยู่กัน”ในทันทีที่ได้ยินคำพูดของยูอิลฮาน พลตรียุนแดฮานได้หยักหน้าด้วยรอยยิ้มสดใส ยูอิลฮานได้เคลื่อนย้ายป้อมปราการไปในที่เวเนซูเอลาในทันที
“ที่นี่คือ…”ทั้งหมดสามหมื่นคนได้ลงมาอยู่ที่นี่ ประชากรของเวเนซูเอล่าในอดีตนั้นมีถึง 30 ล้านคน แต่ว่าคนทั้งหมดนั้นได้ตายลงไปแล้ว เพราะแบบนีทำให้ที่แห่งนี้มีพื้นที่เหลือเฟือสำหรับคนสามหมื่นคน
“การต่อสู้กับมอนสเตอร์อาจจะยากเล็กน้อย แต่ว่าด้วยกองกำลังปราบปรามในปัจจุบันก็น่าจะรับมือได้นะ โอ้ จริงสิ”
ยูอิลฮานได้เอาอาร์ติแฟคระดับยูนีคที่มีอยู่เต็มคลังของแวนการ์ดออกมาแจกจายให้กับกองกำลังปราบปราม อุปกรณ์เดิมที่พวกเขาใช้อยู่ก็ดีอยู่แล้ว แต่ว่าของพวกนั้นเปนของผลิตจำนวนมากทำให้คุณภาพมันจะด้อยกว่าปกติ เพราะแบบนี้ด้วยการเปลื่ยนอุปกรณ์สวมใส่ทำให้พลังต่อสู้ของพวกเขาน่าจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 3 เท่า
“น่าทึ่งมาก”ยูอิลฮานได้ส่งอุปกรณ์สื่อสารให้กับฮานเยรังและยุนแดฮานคนล่ะอัน
“ติดต่อมาหาฉันได้ตลอดเลยนะถ้ามีอันตรายเกิดขึ้น ฉันจะมาหาพวกเธอในทันที”ยูอิลฮานได้แต่ถอนหายใจออกมากับทัศนคติของฮานเยรัง
พวกเธอดูจะยังไม่รู้ถึงความหมายจริงๆของโลกระดับสูงสินะ ยูอิลฮานได้มีความคิดขึ้นมาครู่หนึ่งว่าควรจะปล่อยคนพวกนี้ไว้ที่กุนเดียดีหรือป่าวนะ
แต่ว่าในตอนนี้เขาจะทำอะไรได้อีกล่ะ? คนพวกนี้เป็นคนที่ตามเขามาก็เพราะว่าคนพวกนี้ทนกับสถานการณ์ในกุนเดียไม่ได้อีกต่อไปแล้ว บางทีเฮเรียน่าอาจจะพูดถูกก็ได้ มนุษยชาติก็แค่ดิ้นรนหนีให้พ้นจากสภาพเดิมจนไปสู่การทำลายตัวเอง
‘….ถึงยังไงฉันก็ทิ้งคนพวกนี้ไม่ได้’
ระหว่างออกมาจากเวเนซูเอล่า ยูอิลฮานก็ได้ติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยเล็กๆน้อยๆเอาไว้ อย่างแรกเขาได้จัดการกวาดล้างมอนสเตอร์ออกไปและติดตั้งกับดักมากมายและอาวุธอัตโนมัติที่สร้างขึ้นมาจากมอนเตอร์ที่เขาได้ฆ่าไป
ถ้าหากว่ามีมอนสเตอร์ที่เหนือกว่า ‘ปกติ’ อย่างพวกปีศาจประหลาดโผล่ขึ้นมา อุปกรณ์พวกนี้ก็จะทำงานอัตโนมัติและส่งสัญญาณไปถึงตัวยูอิลฮานอีกด้วย
หากโลกเขายังไม่ไปเป็นโลกระดับสูง นี่ก็น่าจะมากพอแล้วสำหรับป้องกันคนพวกนี้
[ใจดีจังเลยนะ]ยูอิลฮานได้ส่งเสียงฮึกับคำแซวของเฮเรียน่าและมุ่งหน้าสู่เกาหลี สถานที่ที่ประตูมิติไปไคโรถูกเปิดขึ้น แต่แน่นอนว่าประตูมิตินี้หายไป แต่ยังไงที่นี่ก็ยังคงเป็นที่ดินของยูอิลฮานมาก่อน แถมยังเป็นที่ที่เขาได้ใช้มาสร้างเป็นป้อมปราการลอยฟ้าด้วย
[…สวยมาก]ทะเลสาบได้เกิดขึ้นมาในที่ที่พื้นดินถูกยกตัวออกไป นอกไปจากนี้บนผิวน้ำก็มีแสงจางๆเรืองออกมา และก็มีน้ำพุพุ่งขึ้นมาเป็นรูปร่างที่พิเศษโผล่ขึ้นมาเป็นเวลา – ทั้งหมดนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าทะเลสาบนี่คือทะเลสาบที่เกิดขึ้นมาจากเวทมนต์
“ยูอิลฮาน ฉันมาถึงแล้ว… โอ้”
เมื่อเอิลต้าผ่านประตูมิติมาเธอก็ได้เห็นฉากๆนี้ หลังจากที่เธอได้เห็นสภาพปัจจุบันของโลก ได้เห็นพื้นดิน ท้องฟ้า และทะเลกำลังบิดเบี้ยวอยู่เธอก็สรุปขึ้นมาได้ทันที
โลกใบนี้กำลังเข้าสู่กระบวนการเปลื่ยนแปลงไปเป็นโลกระดับสูง และมันกำลังเกิดขึ้นด้วยความรวดเร็วอย่างมากอีกด้วย
“ไม่ใช่นายบอกว่ามันจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยสักสองสามปีหรอกหรอ?”ยูอิลฮานได้ถอดเกราะของเขาออกมา และหยิบเอาหินพลังเวทย์คลาส 5 ออกมาเพื่อสกัดออฟชั่นที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมน้ำจากชุดเกราะกระดูกนี้ ชุดเกราะตัวนี้ได้กลายมาเป็นฝุ่นสลายไปตามสายลมในทันทีที่ถูกดึงออฟชั่นออกไป
“ฉันจะทำให้ทะเลสาบนี่กลายมาเป็นอาร์ติแฟค”พอมาถึงจุดนี้ยูอิลฮานก็ได้ทำในสิ่งที่ไม่น่าเชื่อขึ้น เขาได้โยนหินพลังเวทย์ของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงลงไปในน้ำอย่างไม่ลังเลใดๆ แม้แต่เฮเรียน่าเองกยังอดไม่ได้ที่จะสงสัยกับสิ่งที่เขาทำ
[ที่รัก… คุณไม่ได้เป็นอะไรนะ?]ยูอิลฮานได้หลับตาลงไปและวางมือลงไปบนผิวน้พอย่างช้าๆ สิ่งที่เขากำลังพยายามทำอยู่ในตอนนี้นั้นง่ายดายมากๆ
เขากำลังใช้หินพลังเวทย์เป็นพื้นฐานควบคุมทั้งทะเลสาบนี้ รวมน้ำในทะเลสาบทั้งหมดให้มาเป็นหนึ่งเดียวกันและเอนชานท์วิญญาณเข้าไปในน้ำนั้น!
พูดง่ายๆเลยก็คือเขากำลังจะสร้างโกเลมน้ำ แน่นอนว่ามันจะเป็นไปไม่ได้เลยหากไม่มีความรู้ด้านวิศวกรรมเวทย์ ความสามารถหัตถกรรมมานาและเอนชานท์วิญญาณที่ได้ไปถึงจุดสูงสุด
‘เปิดใช้งานหัตถกรรมมานากับเอนชานท์วิญญาณพร้อมๆกัน แล้วก็หาจิตวิญญาณที่เหมาะสม… ใช่แล้ว นายเหมาะที่สุดแล้ว’เสียงที่ตอนกลับมานั้นทุ้มต่ำและเต็มไปด้วยคำสาป แต่ยังไงก็ตามยูอิลฮานที่มีประสบการณ์กับการต่อสู้มานับไม่ถ้วนแล้วมองว่านี่มันน่ารักมาก
‘ใช่แล้ว ฉันเอาจริง ถ้าเป็นเรื่องการปกป้องโลก นายน่าจะดีที่สุดแล้ว’ยูอิลฮานได้พูดต่อไปอย่างไม่สนใจเสียงตะโกนหรือเสียงคำรามของจิตวิญญาณเลย มันราวกับว่าเสียงพวกนี้ไม่มีวันส่งมาถึงเขา
‘ตราบใดที่ฉันไม่อนุญาติ นายก็จะทำอะไรไม่ได้ แล้วก็ถ้านายไม่ยอมรับ ฉันก็แค่ไปหาคนอื่น แล้วก็นะถ้านั่นมันเป็นผลทำให้พลังป้องกันของโลกอ่อนแอลงมา นายก็จะได้เจอแต่กับความสิ้นหวังแล้วก็คำสาปอย่างที่นายชอบทำมาเสมอไงล่ะ ไม่สิ จริงๆแล้วฉันก็คงแค่เอานายไปเป็นอาหารให้กับจิตวิญญาณดวงอื่นนั่นแหละนะ’จิตวิญญาณได้ยื้อยูอิลฮานเอาไว้
[ถ้าฉันสามารถจะมีชีวิตอยู่ได้ในร่างใหม่ ถ้าฉันสามารถจะหลุดพ้นสภาพแบบนี้ไปได้… ฉันก็จะยอมทำตามคำพูดของนายไปซักระยะหนึ่ง]ยูอิลฮานได้เปิดใช้สกิลปกครองที่อยู่ในระดับสูงสุดของเขาและฉีกยิ้มออกมา เขาได้ประกาศชื่อที่อยู่ในหัวเขาออกมา
“เจตจำนงแห่งความโกลาหลกลายมาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของฉันซะ”ผู้โดดเดี่ยวที่สุดและผู้โหดร้ายที่สุดได้จับมือกันแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี