Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี นิยาย บท 272

บทที่ 272 – ถ้าอยากจะติดตามฉันล่ะก็นะ (6)

“เอิลต้า”
[ว่าไงยูอิลฮาน มีอะไรหรอ?]

นำเสียงของเอิลต้าที่ตอบยูอิลฮานกลับมาดูสงบมากๆ ดูเหมือนว่ากลุ่มของเธอจะยังไม่ได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นบนโลก

“เธอบอกให้คังมิเรย์สร้างประตูมิติ ให้เธอกลับมาที่โลกก่อนได้ไหม?”
[ดูจะรีบมากเลยนะ ฉันเข้าใจแล้ว]

เอิลต้ามีข้อดีมากมายในตัวเธอ แต่ข้อดีที่ที่สุดเลยก็คือเธอเป็นคนที่ฉลาดและทำงานได้อย่างรวดเร็ว ยูอิลฮานได้ตัดสายเครื่องสื่อสารไปและมองไปรอบๆโลกก่อนที่จะปรบมือเพื่อรวมความสนใจของทุกคนเข้ามา

“อย่างที่พวกนายได้รู้กันก็คือมนุษยชาติของโลกนี้ได้กระจายไปต่างโลกต่างๆอยู่ พวกเราไม่รู้ว่าพวกเขาจะกลับมาได้เมื่อไหน แต่ว่าฉันก็ไม่อาจจะให้พวกนายไปพักอยู่ในที่พักเดิมของพวกเขาได้ ยังไงก็ตามมีสถานที่มากมายที่ประชาชนได้ถูกกวาดล้างออกไปเพราะดันเจี้ยนหรือการโจมตีของฝู.มอนสเตอร์ เพราะแบบนี้ฉันก็เลยคิดว่าจะให้พวกนายไปเลือกที่พวกนั้นเพื่อใช้ชีวิตอยู่กัน”
“ขอบคุณที่เป็นห่วงพวกเรานะ”
“ฉันมีแผนการที่จะแก้ไขโลกใบนี้ในทันทีเพราะว่ามันมีข้อผิดพลาดที่ไม่น่าจะมีเกิดขึ้น เพราะงั้นฉันหวังว่าสมาชิกของกองกำลังปราบปรามจะช่วยคุณฮานโยรังได้นะ…”
“ได้ตามที่คุณขอเลย”

ในทันทีที่ได้ยินคำพูดของยูอิลฮาน พลตรียุนแดฮานได้หยักหน้าด้วยรอยยิ้มสดใส ยูอิลฮานได้เคลื่อนย้ายป้อมปราการไปในที่เวเนซูเอลาในทันที

“ที่นี่คือ…”
“นี่คือที่เดียวที่ทำให้ฉันรู้สึกไม่พอใจ ฉันไม่อาจจะมาช่วยคนที่อยู่ที่นี่ได้ทันเวลา… นี่คือสิ่งหนึ่งที่ฉันยังคงเสียใจอยู่จนถึงตอนนี้”
“คุณยูอิลฮาน”

ทั้งหมดสามหมื่นคนได้ลงมาอยู่ที่นี่ ประชากรของเวเนซูเอล่าในอดีตนั้นมีถึง 30 ล้านคน แต่ว่าคนทั้งหมดนั้นได้ตายลงไปแล้ว เพราะแบบนีทำให้ที่แห่งนี้มีพื้นที่เหลือเฟือสำหรับคนสามหมื่นคน

“การต่อสู้กับมอนสเตอร์อาจจะยากเล็กน้อย แต่ว่าด้วยกองกำลังปราบปรามในปัจจุบันก็น่าจะรับมือได้นะ โอ้ จริงสิ”

ยูอิลฮานได้เอาอาร์ติแฟคระดับยูนีคที่มีอยู่เต็มคลังของแวนการ์ดออกมาแจกจายให้กับกองกำลังปราบปราม อุปกรณ์เดิมที่พวกเขาใช้อยู่ก็ดีอยู่แล้ว แต่ว่าของพวกนั้นเปนของผลิตจำนวนมากทำให้คุณภาพมันจะด้อยกว่าปกติ เพราะแบบนี้ด้วยการเปลื่ยนอุปกรณ์สวมใส่ทำให้พลังต่อสู้ของพวกเขาน่าจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 3 เท่า

“น่าทึ่งมาก”
“ใช้ของพวกนี้ได้ตามสบายเลยนะ เดี๋ยวฉันจะไปจัดการเก็บกวาดระแวกรอบๆให้ก่อน”

ยูอิลฮานได้ส่งอุปกรณ์สื่อสารให้กับฮานเยรังและยุนแดฮานคนล่ะอัน

“ติดต่อมาหาฉันได้ตลอดเลยนะถ้ามีอันตรายเกิดขึ้น ฉันจะมาหาพวกเธอในทันที”
“…ขอบคุณมาก”
“มันอาจจะไม่ง่ายนักแต่ว่า… เราจะพยายาม”
“ตราบใดที่คุณอยู่ที่นี่เราก็จะไม่เป็นอะไรหรอก คุณยูอิลฮาน”
“นั่นมันไม่ใช่สิ่งที่ฉันอยากจะบอก… เฮ้อ”

ยูอิลฮานได้แต่ถอนหายใจออกมากับทัศนคติของฮานเยรัง

พวกเธอดูจะยังไม่รู้ถึงความหมายจริงๆของโลกระดับสูงสินะ ยูอิลฮานได้มีความคิดขึ้นมาครู่หนึ่งว่าควรจะปล่อยคนพวกนี้ไว้ที่กุนเดียดีหรือป่าวนะ

แต่ว่าในตอนนี้เขาจะทำอะไรได้อีกล่ะ? คนพวกนี้เป็นคนที่ตามเขามาก็เพราะว่าคนพวกนี้ทนกับสถานการณ์ในกุนเดียไม่ได้อีกต่อไปแล้ว บางทีเฮเรียน่าอาจจะพูดถูกก็ได้ มนุษยชาติก็แค่ดิ้นรนหนีให้พ้นจากสภาพเดิมจนไปสู่การทำลายตัวเอง

‘….ถึงยังไงฉันก็ทิ้งคนพวกนี้ไม่ได้’

ระหว่างออกมาจากเวเนซูเอล่า ยูอิลฮานก็ได้ติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยเล็กๆน้อยๆเอาไว้ อย่างแรกเขาได้จัดการกวาดล้างมอนสเตอร์ออกไปและติดตั้งกับดักมากมายและอาวุธอัตโนมัติที่สร้างขึ้นมาจากมอนเตอร์ที่เขาได้ฆ่าไป

ถ้าหากว่ามีมอนสเตอร์ที่เหนือกว่า ‘ปกติ’ อย่างพวกปีศาจประหลาดโผล่ขึ้นมา อุปกรณ์พวกนี้ก็จะทำงานอัตโนมัติและส่งสัญญาณไปถึงตัวยูอิลฮานอีกด้วย

หากโลกเขายังไม่ไปเป็นโลกระดับสูง นี่ก็น่าจะมากพอแล้วสำหรับป้องกันคนพวกนี้

[ใจดีจังเลยนะ]
“ถ้าฉันใจดีจริงๆ ฉันก็คงไม่มาพวกเขามาที่นี่หรอก”

ยูอิลฮานได้ส่งเสียงฮึกับคำแซวของเฮเรียน่าและมุ่งหน้าสู่เกาหลี สถานที่ที่ประตูมิติไปไคโรถูกเปิดขึ้น แต่แน่นอนว่าประตูมิตินี้หายไป แต่ยังไงที่นี่ก็ยังคงเป็นที่ดินของยูอิลฮานมาก่อน แถมยังเป็นที่ที่เขาได้ใช้มาสร้างเป็นป้อมปราการลอยฟ้าด้วย

[…สวยมาก]
“น่าประทับใจมาก”

ทะเลสาบได้เกิดขึ้นมาในที่ที่พื้นดินถูกยกตัวออกไป นอกไปจากนี้บนผิวน้ำก็มีแสงจางๆเรืองออกมา และก็มีน้ำพุพุ่งขึ้นมาเป็นรูปร่างที่พิเศษโผล่ขึ้นมาเป็นเวลา – ทั้งหมดนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าทะเลสาบนี่คือทะเลสาบที่เกิดขึ้นมาจากเวทมนต์

“ยูอิลฮาน ฉันมาถึงแล้ว… โอ้”

เมื่อเอิลต้าผ่านประตูมิติมาเธอก็ได้เห็นฉากๆนี้ หลังจากที่เธอได้เห็นสภาพปัจจุบันของโลก ได้เห็นพื้นดิน ท้องฟ้า และทะเลกำลังบิดเบี้ยวอยู่เธอก็สรุปขึ้นมาได้ทันที

โลกใบนี้กำลังเข้าสู่กระบวนการเปลื่ยนแปลงไปเป็นโลกระดับสูง และมันกำลังเกิดขึ้นด้วยความรวดเร็วอย่างมากอีกด้วย

“ไม่ใช่นายบอกว่ามันจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยสักสองสามปีหรอกหรอ?”
“ใช่ ฉันเคยคิดว่ามันจะเป็นแบบนั้น”
“อืมม มันก็ไม่มีทางที่มนุษย์แบบนายจะคำนวนการแปลงสภาพได้อยู่แล้ว แต่ก็ยังดีนะที่เรารู้ตัวก่อนที่จะสายเกินไป แล้วตอนนี้นายได้เตรียมอะไรเอาไว้แล้วใช่ไหม? เหตุผลที่นายเรียกฉันมาก็น่าจะเกี่ยวกับแผนนั้นด้วยสินะ”
“แน่นอนสิ”

“ฉันคิดที่จะชะลอเวลาของมิติเวลาบนโลกด้วยการยืมพลังจากแม่ ส่วนมานาแน่นอนจะต้องได้รับมาจากมานาที่เกิดมาจากตัวโลกเอง”
“อ่า…”

“จากที่เขาพูดมันดูเป็นไปไม่ได้เลยสักนิด…แล้วคุณคิดยังไงล่ะ คิมเยซอล? คุณคิดว่ามันเป็นไปได้ไหม?”
“ไม่ใช่ว่าลูกฉันบอกว่าทำได้หรอกหรอ ฉันเชื่อในลูกของฉัน”
[น่าสนใจจริงๆเลย ฉันอยากจะฟังให้ละเอียดกว่านี้อีกที่รัก]
“เยี่ยม ฉันจะอธิบายให้ฟังทีละขั้นตอนนะ”

“ฉันจะสร้างวงเวทย์ตรงนี้”
“บนทะเลสาบเนี้ยนะ? แค่นี้จะพอหรอ?”
“ไม่หรอก ไม่พอแน่นอน ฉันจะใช้อาร์ติแฟคที่ฉันสร้างขึ้นมาเพื่อวาดวงเวทย์ขึ้นทั่วโลก”
[สร้างวงเวทย์ขึ้นด้วยอาร์ติแฟคเนี้ยนะ?]
“ทั้งโลกด้วย!?”

“พระเจ้า วงเวทย์เอลฟ์โบราณในดาเรย์”
“ใช่แล้ว นี่คือเวอร์ชั่นอัพเกรดของวงเวทย์นั่น เพราะแบบนี้… คำพูดของคุณฮานเยรังพูดก็ไม่ได้ไกลไปจากความจริงนัก”

[ฟุฟุ ต่อให้ฉันไม่บอกที่รัก ที่รักก็ทำได้ดีเลยนี่ บางทีจิตใจเราอาจจะเชื่อมต่อกันแล้วก็ได้นะ น่ายินดีจังเลย]
“เธอนี่มัน…”
“แม่เข้าใจแล้ว แต่ว่านี่ไม่ใช่เวลามาทะเลาะกันนะ ตั้งสมาธิหน่อย”

“สภาพแวดล้อมที่นี่ไม่เลวเลย ในทะเลสาบมีมานาอยู่จำนวนมาก”
[โอ้]

“นี่ลูกเปลื่ยนเกราะเมื่อไหร่กันน่ะ?”
“นี่เป็นเกราะกระดูกทรราชเยือกแข็ง มันเป็นเพราะที่จะทำให้ผมใช้น้ำและทำให้น้ำกลายมาเป็นน้ำแข็งได้ ผมจะสร้างอาร์ติแฟคขึ้นจากการสกัดออฟชั่นของเกราะนี้นี่แหละ”
[นี่มันประณีตมาก แล้วที่รักทำรูปปั้นให้ฉันด้วยไม่ได้หรอ?]

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี