สรุปตอน ตอนที่ 273 – จากเรื่อง Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี โดย Internet
ตอน ตอนที่ 273 ของนิยายInternetเรื่องดัง Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
บทที่ 273 – ถ้าอยากจะติดตามฉันล่ะก็นะ (7)
เมื่อเจตจำนงแห่งความโกลาหลได้กลายมาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของยูอิลฮานแล้ว ยูอิลฮานก็ได้ปล่อยมันลงไปในทะเลสาบในทันที ไม่สิ ถ้าพูดให้ถูกก็คือเขาได้เชื่อมต่อทั้งทะเลสาบไว้กับหินพลังเวทย์คลาส 5 และกระจายจิตวิญญาณเข้าไปในนั้น
หัตถกรรมมานาที่อยู่ในระดับเชี่ยวชาญและเอนชานท์วิญญาณได้ทำงานพร้อมๆกันและเปลื่ยนทะเลสาบให้กลายมาเป็นโกเลม เจตจำนงแห่งความโกลาหลได้กระจายจิตสำนึกของมันเข้าไปทั้งทะเลสาบและกลายมาเป็นผู้ควบคุมทะเลสาบ มันได้พิสูจน์ว่ามันได้ควบคุมร่างใหม่นี้ได้แล้วด้วยการทำให้ผิวน้ำบิดเบี้ยวกลายมาเป็นหน้าของยูอิลฮาน
“นี่มันแย่มากเลยนะ”สิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยมีนาม ‘ความโกลาหล’ ได้กลายมามีชื่อใหม่เป็น ‘ผู้พิทักษ์ไปแล้ว’ เมื่อคิมเยซอลได้เห็นยูอิลฮานหัวเราะออกมา เธอก็ได้ถามเขาขึ้น
“ลูกแม่ ลูกเพิ่งทำอะไรไปน่ะ?”ด้วยความฉลาดของเอิลต้าทำให้เธอรู้ได้ทันทีว่าเขากำลังจะทำอะไร คิมเยซอลกับเฮเรียน่าก็รู้แล้วเหมือนกัน
[โอ้ ที่รักคิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ยังไงกัน? โกเลมนี่จะต้องทำมันได้แน่ แต่ยังเคลื่อนไหวได้ตามที่ต้องการอีกด้วย…]ยูอิลฮานได้ตรวจดูสภาพของโกเลมทะเลสาบ เจตจำนงผู้พิทักษ์ ที่เพิ่งจะออกมาและบอกกับพรรคพวกของเขา
“พวกเราจำเป็นต้องทำวงเวทย์ที่จะชะลอการไหลของเวลาบนโลกให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”ยังไงก็ตามมันไม่ได้ง่ายอย่างที่พูดเลย เรื่องนี้ต่อให้รีบยังไงก็ไม่อาจจะแก้ได้ เพราะแบบนี้ทำให้ยูอิลฮานตัดสินใจที่จะไปสร้างอาร์ติแฟคที่จะสนับสนุนในวงเวทย์ระหว่างที่รอให้วงเวทย์เสร็จสิ้น
แม้กระทั่งเขาก็ยังไม่อาจจะเอาความเชื่อทั้งหมดไปไว้กับวงเวทย์ที่จะชะลอเวลาไว้ได้ เพราะแบบนั้นเขาจะต้องทำให้ทุกอย่างที่ทำได้ เพราะแบบนี้ทำให้เขาเริ่มดึงขนของทูตสวรรค์และเทวดาตกสวรรค์ออกมา
[นี่มันเป็นอุปกรณ์คล้ายๆร้อยนัยน์ตางั้นหรอ?]ขนปีกที่เป็นของทูตสวรรค์และเทวดาตกสวรรค์มีพลังที่จะเปลื่ยนแปลงพลังงานไปเป็นธาตุที่พิเศษ บีบอัดธาตุนั้นและยิงมันออกไป สิ่งที่ยูอิลฮานจะตั้งใจทำนั่นก็คือส่วนของการดูดซับและบีบอัด
ในท้ายที่สุดเหตุผลที่โลกกำลังวิวัฒนาการขึ้นนั่นมันก็เพราะว่าความเข้นขนของมานาบนโลกสูงมากยิ่งขึ้น เพราะแบบนี้ถ้าเขาป้องกันไม่ให้ความเข้มข้นของมานาเพิ่มขึ้นได้ ถ้าแบบนั้นมันไม่ใช่ว่าเขาก็ชะลอเวลาการวิวัฒนาการโลกได้เหมือนกันหรอกหรอ? บีบอัดมานาพวกนั้นด้วยขกปีกพวกนี้และทำให้มานาที่บีบอัดมาหายไป!
[แล้วถ้างั้นจะให้มานาพวกนั้นหายไปอยู่ที่ไหนล่ะ?]ยูอิลฮานได้เมินเสียงเสียดสีจากโอโรจิและเริ่มสร้างอาร์ติแฟคที่จะเอาไปไว้ที่ดาเรย์ เนื่องจากว่าเขาจะต้องบีบอัดและเก็บมานาจำนวนมากไว้ทำให้วัตถุดิบที่เขาได้เลือกใช้ก็ต้องเป็นปีกที่ 8 แห่งกองทัพจรัสแสง นาเทีย อย่างแน่นอน!
เขาได้จัดการชำแหละปีกทั้งหกของนาเทียและดึงกระดูกของเธอออกมาวาง
วัตถุดิบต่อมาที่เขาเลือกก็คือมังกรคลาส 6 เทราก้า เขาได้หยิบเอากระดูกที่แข็งแกร่งสุดที่มีอยู่และผสมเข้ากับผงกระดูกของนาเทีย จากนั้นก็ขึ้นรูปด้วยเพลิงนิรันดร์เพื่อที่จะสร้างท่อทรงกระบอกขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 เมตร และมีความยาวถึง 50 เมตร ท่อสีดำวาววับนี้ดูน่ากลัวมา
[ทำไมถึงเป็นทรงกระบอกล่ะ?]เขาได้ใช้ผงขนปีกของนาเทียกับผงจากหินพลังเวทย์โรยลงไปบนท่อ เพื่อที่จะทำให้มันเสร็จออกมาเขาก็ได้ใช้หินพลังเวทย์ของเทราก้ามาทำหัตถกรรมมานา และผลลัพธ์ที่ได้ก็น่าพอใจมาก
“เยี่ยม นี่มันน่าจะเป็นรากฐานที่ดีแล้ว…”และยิ่งยูอิลฮานสนุกไปกับงานมากแค่ไหน ผลลัพธ์ที่ออกมาก็จะยิ่งน่ากลัวยิ่งกว่า! ยูอิลฮานได้ตรวจดูผลงานที่เขาทำขึ้นมารวมไปถึงความทนทานและการทนความร้อนของมัน ก่อนที่จะบอกกับคนที่กำลังยุ่งับวงเวทย์เบาๆ
“ฉันจะไปดาเรย์ซักเดี๋ยวนะ!”ยูอิลฮานได้หัวเราะกับคำตอบกลับของเอิลต้าและเปิดใช้สกิลข้ามมิติไปก่อนที่เธอจะพูดจบซะอีก ในตอนนี้การมาที่ดาเรย์ของเขาใช้เวลาแค่นาทีเดียวเท่านั้นเอง มันก็เหมือนกับที่เขาเคยบอกกับมิลฟาร์ว่าการไปกลับทั้งสองโลกสำหรับเขาแล้วมันแทบไม่ต่างจากการไปร้านค้าเลย
‘แน่นอนว่า ในคราวนี้ฉันคงไปเจอเธอไม่ได้…’
แม้ว่าเขาจะรู้สึกผิดเมื่อนึกไปถึงสายตาเศร้าๆของมิลฟาร์ที่มองมาที่เขา แต่ว่าน่าเสียดายที่ในตอนนี้สถานการณ์ของโลกเขาเร่งด่วนมาก แล้วก็ในตอนนี้เขาก็กำลังรู้สึกกดดันจากผู้หญิงหลายคนที่มามีความรู้สึกโรแมนติกกับเขาด้วย
[นี่เป็นสิ่งที่ผู้ปกครองต้องได้เจอ จากสิ่งที่ข้าเห็น นี่มันเป็นเรื่องดีที่นายท่านได้ยอมรับและรับรู้เพราะว่าท่านมีพลังที่แข็งแกร่ง]เขาได้มองหาที่ที่มีมานาปะทุมากที่สุดเพื่อที่จะไปติดตั้งท่อทรงกระบอกของเขา แน่นอนว่าเขาไม่ลืมที่จะซ่อนมันเอาไว้จากสายตาทุกคน การใช้ความสามารถซ่อนตัวของเขากับอาร์ติแฟคมันง่ายเหมือนกับปอกกล้วย! จะไม่มีใครได้เห็นมันยกเว้นแต่ว่าเขาจะตั้งใจเผยมันออกมา
[ตอนนี้ข้ารู้สึกถึงสิ่งที่นายท่านทำแล้ว นี่มันคืออาวุธที่จะมีประโยชน์มากหลังจากโลกได้กลายเป็นโลกระดับสูง]ยูอิลฮานได้ส่งต่อความรู้ที่เขาได้มาจากสกิลบันทึกไปสู่เจตจำนงผู้พิทักษ์ที่รออยู่ในรูปแบบทะเลสาบ
[…งั้นฉันก็จะต้องใช้วงเวทย์นี่กับโลกสินะ?]แม้ว่าเจตจำนงผู้พิทักษ์จะไม่พอใจ แต่ว่าก็ไม่ได้ปฏิเสธออกมา ยูอิลฮานได้หัวเราะขึ้นและจับมือของคิมเยซอลไปวางไว้บนผิวน้ำ
“ตอนนี้แม่แค่ต้องปล่อยมานาออกมาให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้”คิมเยซอลได้ปล่อยมานาของเธอลงไปในทะเลสาบ เจตจำนงผู้พิทักษ์ได้รับเอามานานี้เอาไว้ราวกับคอยอยู่แล้วและเริ่มการเปลื่ยนแปลงร่างของมันทีละนิด ตอนนี้เองทั้งทะเลสาบก็ได้เรืองแสงจากๆออกมาทำให้เอิลต้าและเฮเรียน่าที่มองดูอยู่ต้องอุทานขึ้นมา
“… ฉันดีใจจริงๆเลยที่ฉันอยู่ฝั่งเดียวกับยูอิลฮาน การที่ฉันมาได้เห็นปรากฏการณ์นี้มัน… การที่ได้เห็นโกเลมที่สร้างขึ้นมาจากทะเลสาบกลายมาเป็นเวทมนต์ด้วยตัวเอง…”ยูอิลฮานไม่ได้สนใจคำพูดพวกนี้เลย เขากำลังช่วยเจตจำนงผู้พิทักษ์ปรับตัวกับเวทย์อยู่
“นายทำได้ใช่ไหม?”ยิ่งเมื่อเวลาผ่านไปแสงที่เปล่งออกมาจากทะเลสาบก็สว่างยิ่งขึ้น และในที่สุดระดับผิวน้ำก็ได้ลดลงไป ส่วนหนึ่งของเจตจำนงผู้พิทักษ์ได้มุดลงไปใต้ดินเพื่อดูดเอาความชื้นมาเพื่อทำให้ตัวเองใหญ่ยิ่งขึ้นและกระจายตัวออกไปตามส่วนต่างๆของโลกอย่างช้าๆ แต่มั่นคง
[ฉัน]
มันได้ส่งเจตจำนงของมันออกมาผ่านเสียงอีกครั้งหนึ่ง นี่มันเหมือนกับในตอนที่มันมาโจมตียูอิลฮานครั้งแรก ไม่สิ บางทีนี่ก็คือการประกาศต่อสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลกก็ได้
[จะปกป้องโลกใบนี้]
เพราะแบบนี้เองทำให้การพัฒนาขึ้นของโลกได้ถูกชะลอลงไปเป็นเวลานาน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี