(ขอแก้ในเนื้อหาก่อนหน้านี้เรื่องพระเจ้ากับเทพเจ้านะครับ คือว่าต่อจากนี้เหล่าผู้นำกองกำลังจะเปลื่ยนเป็นเรียกว่าเทพ ส่วนผู้นำของกองทัพสวรรค์จะถูกเรียกเป็นพระเจ้านะครับ)
“เป็นโลกที่น่าทึ่งแหะ”ตัวแทนของกองทัพปีศาจวิบัติได้หัวเราะออกมาอย่างเต็มที่เมื่อได้ยินคำพูดแรกที่ยูอิลฮานได้เข้ามาในเอลโลคาทร่า แน่นอนว่าก็มีสมาชิกของกองทัพปีศาจวิบัติที่ไม่อาจจะห้ามสัญชาตญาณตัวเองได้และเข้ามาโจมตียูอิลฮาน แต่ว่าพวกนั้นก็ถูกยูอิลฮานจัดการไปในทันทีก่อนที่จะถูกเก็บไปอยู่ในช่องเก็บของของเขา
“ฉันคิดว่าอีกเดี๋ยวช่องเก็บของฉันก็จะเต็มแล้วเพราะงั้นห้ามตัวเองไว้หน่อยนะ”ดูเหมือนว่าผู้ปกครองกองทัพปีศาจวิบัติมีอิทธิพลค่อนข้างจะมาก แค่การที่ยูอิลฮานได้ถูกเชิญมาที่นี่ได้พูดออกมาแบบนี้ก็ทำให้เหล่าผู้ล่าที่อยู่ในชั้นบนๆได้คุ้มกันไม่ให้มีใครมาโจมตีอีก คนอื่นๆทั้งหมดทำได้แค่ส่งเสียงบ่นวุ่นวายออกมา
[นายมันล่อลวงท่านหญิงเฮเรียน่าไป บอกฉันมาสิว่านายทำได้ยังไงกัน!]ยูอิลฮานเคยคิดว่าคนที่จะเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงได้จะต้องมีความฉลาด แต่หลังจากได้เห็นแบบนี้ดูเหมือนว่าความจริงจะไม่ใช่แบบนั้น
บางทีความแกร่งอาจจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดก็ได้สินะ! ยิ่งเขาคิดก็ยิ่งทำให้ยูอิลฮานเชื่อแบบนี้มาขึ้นทำให้เขาหยุดที่จะคิดถึงมัน
[กว่าจะไปถึงปราสาทยังจะต้องใช้เวลาอีกซักพัก]ยูอิลฮานได้มองไปรอบๆเอลโลคาทราโดยไม่สนใจเสียงตะโกนข้างๆ ทั้งท้องฟ้าและผืนดินต่างก็มีสีดำสนิท ในระยะห่างที่ไกลออกเป็นก็มีแม็กม่าเดือดละอุอยู่เต็มไปหมดและภายในอากาศก็เต็มไปด้วยพิษร้าย มันไม่มีทางเลยที่สิ่งมีชีวิตปกติจะมาใช้ชีวิตอยู่ที่แห่งนี้ได้
“บางทีโลกของฉันอาจจะกลายมาเป็นแบบนี้ในสักวัน”ยูมิลดูจะไม่ชอบที่นี้มาก ยูอิลฮานก็เห็นด้วยกับยูมิล
“ใช่แล้ว พ่อก็ไม่อยากจะให้โลกเราเป็นแบบนี้มเหนือนกัน สภาพแวดล้อมแบบนี้มันไม่เหมาะกับคนอื่นๆเลย”ปราสาทขนาดยักษ์ที่ไม่มีใครมองเห็นมาตลอดได้เผยตัวออกมา ถึงแม้ว่ายูอิลฮานจะมองผ่านการซ่อนตัวของมันออกนานแล้วก็ตาม ออร่าพลังทำลายได้กระจายออกมาจากศูนย์กลางที่แห่งนี้จนทุกๆคนสัมผัสได้ แม้กระทั่งยูอิลฮานที่ได้ปลุกพลังกลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงก็ยังรู้สึกกลัวอยู่ครู่หนึ่ง
“หืมม หัวหน้าของพวกนี้อยู่ในระดับที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง ฉันคิดว่าเขาแกร่งกว่ามิคาเอลซะอีก”ยิ่งยูอิลฮานเข้าไปใกล้ปราสาท เขาก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่หนักหน่วง แต่แทนที่ยูอิลฮานจะป้องกันแรงกดดันพวกนี้ เขากลับตั้งสมาธิไปกับการใช้สกิลสวนกลับแทน เมื่อเขาได้ทำแบบนี้ทำให้เขาได้รับบางอย่างที่คาดไม่ถึงออกมา
[สกิลสวนกลับได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 42]อิชจาร์รู้แล้วว่าทำไมยูอิลฮานถึงได้แข็งแกร่งแบบนี้ ไม่เคยมีใครบอกว่าอยากจะให้มีแรงกดดันของหัวหน้ากองทัพปีศาจวิบัติอยู่ในบ้านตัวเองมาก่อน
[สกิลสวนกลับได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 45]
“หืม? ฉันคิดว่าที่นี่มีอะไรวักอย่างปะปนอยู่ด้วยแหะ… โอ้”ในที่สุดยูอิลฮานก็รู้สึกตัวว่ามีใครบางคนยืนอยู่ตรงหน้าทางเข้าปราสาทอยู่ ยูอิลฮานได้นึกย้อนไปว่าเขาเคยเจอคนๆนี้ที่ไหนมาก่อนและนึกออกว่านี่คือหนึ่งในสองของผู้บัญชาการกองพันที่ได้ไปหายูอิลฮานเพื่อต้องการแก้นค้นให้เฮเรียน่า
[แก… กล้าที่จะมาที่นี่ทั้งๆที่ทำเรื่องทั้งหมดนั่นไป]ยูอิลฮานได้ถามออกไปด้วยความสงสัยจริงๆ แต่ว่านี่มันมากพอที่จะทำให้คนฟังต้องโมโหขึ้นมา
[ฉันฮิวลูทูน ผู้บัญชาการกองพันที่ 2 แห่งกองทัพปีศาจวิบัติ! แกได้ขโมยเฮเรียน่าของฉันไป!]เขาไม่อาจจะตอบอะไรกลับไปได้ ตัวเขาก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับเฮเรียน่าเลยสักนิด
[แก! ฉันจะฆ่าแกให้ได้เลย! กรอดดดดด!]เพราะแบบนี้เองฮิวลูทูนได้คลั่งออกมาเพราะนี่จะเป็นวิธีเปลื่ยนเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว เขาได้เลือกพุ่งเข้าใส่ยูอิลฮาน! ยูอิลฮานก็รู้ดีว่าเรื่องนี้จะต้องเกิดขึ้นแน่นอน
เขาคนนี้คือชายที่น่าสงสาร เขาเป็นคนที่อยู่ในความรักที่ไม่มีวันสมหวังตั้งแตกแรกเลย
“ฉันจะทำอะไรได้ล่ะในเมื่อเธอบอกว่าเธอชอบฉัน ทำไมนายไม่ยอมแพ้แค่นี้ซะล่ะ?”
ยูอิลฮานได้ยั่วฮิวลูทูนด้วยใบหน้าที่น่าสงสาร เขาคือหมายเลขหนึ่งในเรื่องการแสดงสีหน้าขัดแย้งกับสิ่งที่กำลังพูดออกมา
[ก๊าซซซซซซ!]
บางทีหากยูอิลฮานได้เจอเข้ากับฮิวลูทูนข้างนอกอาจจะต่างออกไป แต่ว่าที่นี่คือเอลโลคาทร่า ฐานทัพหลักของกองทัพปีศาจวิบัติและตอนนี้ก็อยู่หน้าปราสาทที่หัวหน้าของกองกำลังอาศัยอยู่ เพราะแบบนี้ทำให้พลังของฮิวลูทูนถูกเพิ่มมากขึ้นในที่แห่งนี้ นี่คือข้อได้เปรียบของอาณาเขต
“ฟู่”
แต่ถึงแบบนั้นยูอิลฮานก็ไม่ได้คิดซักนิดเดียวว่าเขาจะแพ้
ผู้นำของกองกำลังสิ่งมีชีวิตชั้นสูง เป็นคนที่ได้เดินไปในเส้นทางของตัวเองที่ต่างไปจากผู้อื่น พวกเขาอยู่ในเส้นทางที่ต่างไปจากเหล่าคนที่เลือกจะเดินตามเส้นทางของคนอื่น
“ฉันฆ่าหมอนี่ได้ใช่ไหม?”พลังเวทย์มืดได้ล้อมรอบตัวของฮิวลูทูนแล้ว นี่มันต่างไปจากมานาเพลิงของมิคาเอล นี่คือพลังเวทย์คำสาปที่สร้างขึ้นมาจากความต้องการฆ่าและความเกลียดชัง มานานี่ได้พุ่งออกมาอย่างรวดเร็วโดยที่เล็งมาที่คอของยูอิลฮานกับยูมิล
ยูมิลได้พยายามจะคำรามแผ่มานาออกไปป้องกัน แต่ว่าแค่การโจมตีของยูมิลไม่อาจจะหยุดมานานี้ได้เนื่องจากยูมิลยังอยู่ที่คลาส 6 อยู่เลย แต่แน่นอนว่านั่นคือการที่ยูอิลฮานไม่ได้เข้าร่วมด้วย
“มิลตอนนี้แหละ”ในอดีตตอนที่ยูอิลฮานเป็นคนขี่มังกรยูมิลอยู่ เมื่อพวกเขาสู้ร่วมกันความสามารถของพวกเขาจะเพิ่มขึ้น 30% แน่นอนว่านั่นมันก็น่าทึ่งมากแล้ว แต่ว่าหากเป็นการ ‘ประสาน’ ที่แท้จริงแล้วมันจะยิ่งกว่านั้น
ในตอนนี้มันต่างออกไปแล้ว กองกำลังสิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่มีชื่อว่าดราก้อนเนสได้กำเนิดขึ้นมาแล้ว และในระหว่างการกลายเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง ทั้งสองคนได้เชื่อมต่อเข้าด้วยกันลึกซึ้งยิ่งกว่าแต่ก่อนทำให้ตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนสามารถจะแบ่งมานาของกันและกันรวมไปถึงใช้สกิลของกันและกันได้ เพราะแบบนั้น
[กรรรรรรรรรรร!]
การคำรามของยูมิลจึงได้รับการสนับสนุนจากพลังเวทย์จำนวนมหาศาลของยูอิลฮานที่มีค่าสเตตัสพลังเวทย์อยู่ที่ 1,500 กว่าๆ!
[ติดคริติคอล!]แค่เพียงเสียงคำรามเดียวนี้ก็ทำให้สภาพแวดล้อมรอบๆทั้งหมดหายไปราวกับถูกกวาดล้างออกไป และฮิวลูทูนก็เลือดพุ่งออกมาจากทั่วทั้งร่าง
แม้กระทั่งมังกรแห่งความสิ้นหวังอิชจาร์ตอนที่มีชีวิตอยู่ก็ยังไม่อาจจะดึงพลังทำลายล้างแบบนี้ออกมาได้เลย
[อะ อั๊ก แก….]น้ำเสียงของคนวัยกลางคนได้ดังออกมา บางทีนี่อาจจะเป็นเสียงของนายแห่งปราสาทที่มีหมาตัวน้อยมาเฝ้าอยู่! การที่มีอะไรมาขัดขวางการได้เจอกันของทั้งสองคนนี่มันไม่ดีเลย
[ถึงยังไงฉันก็แค่…!]
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี