เนื่องจากโลกส่วนใหญ่ที่ยูอิลฮานได้ไปมาได้ถูกรวมเข้ากับดาเรย์ สิ่งแรกที่ยูอิลฮานทำคือการติดตั้งเอากับดักแห่งการฟื้นฟูติดตั้งไปในดาเรย์สองสามชิ้น
เนื่องจากว่ามหาภัยพิบัติขั้นที 6 เป็นเรื่องที่รุนแรงมากๆทำให้กับดักแห่งการทำลายส่วนใหญ่ต่างก็เสียพลังไปและหยุดนิ่ง มีอยู่ภูมิภาคหนึ่งที่มีกับดักแห่งทำลายที่อยู่ติดๆกันทำงานขึ้นมาพร้อมๆกันในคราวเดียวทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นจากการล้นของมานา
“โอ้ มีมานาล้นออกมาตั้งหลายอัน ไปบอกคนอื่นด้วยนะถ้าใครได้รับเศษโลหะระดับสูงมาก็เอามาให้ฉัน”เมื่อก่อนตอนที่มีการล้นของมานาเกิดขึ้นบนโลกและมีโอโรจิโผล่ขึ้นมาในภูมิภาคญี่ปุ่นด้วย นี่คือหนึ่งในอันตรายที่มากที่สุดที่เขาเจอในเวลานั้น แต่ว่าพอมาในตอนนี้ยูอิลฮานกับพรรคพวกได้กลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตแล้ว การล้นของมานานั้นไม่มีค่าอะไรในสายตาพวกเขาเลย
จะมีก็แค่ฮาคาเนี่ยมที่ถูกดูบซับไปกับมอนสเตอร์กลายพันธ์ภายใต้การล้นของมานาเท่านั้นที่น่ารำคาญนิดๆ!
“ดาเรย์นี่ใหญ่ขึ้นมากจริงๆ อ๊าา ฉันหวังว่าฉันจะได้ไปเก็บกวาดดูรายระเอียดทั้งหมดได้นะ…”ยูอิลฮานได้ตอบกลับไปพร้อมๆกับโยนกับดักแห่งการฟื้นคืนออกไปบนท้องฟ้า ด้วยสกิลประกาศิตของเขาได้ทำให้กับดักแห่งการฟื้นคืนทั้งห้าอันกระจายออกไปตามสถานที่ต่างๆภายในดาเรย์ หลังจากเขาได้เปิดใช้งาน ‘พรม’ เพื่อตรวจสอบสภาพกับดักแห่งการทำลายที่กระจายอยู่ทั่วทั้งดาเรย์อยู่แล้วและจากนั้นก็จัดการย้ายตำแหน่งบางอัน
นี่แหละ
“ดีล่ะ มันกำลังเริ่มแล้ว”
กับดักแห่งการฟื้นคืนที่ได้กระจายไปทั่วทั้งดาเรย์ทั้งหมดได้เริ่มเชื่อมต่อพลังเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเพื่อที่จะยับยั้งพลังของกับดักแห่งการทำลาย แม้กระทั่งกับดักแห่งการทำลายที่สร้างดันเจี้ยนขึ้นมาแล้วก็ยังพังลงไปและกลับคืนสู่สภาพเดิม มอนสเตอร์จากภายในได้กลายมาเป็นอิสระด้วยความรู้สึกที่สับสนแต่หลังจากนั้นพวกมันที่สัมผัสได้ถึงออร่าสงครามที่มีอยู่ในดาเรย์ก็เริ่มออกวิ่งกัน เพราะแบบนี้เองทำให้กับดักแห่งการทำลายทั้งหมดในได้หยุดการทำงานลงและรอคอยการเปิดใช้งานอีกครั้ง
“ฟู่… ดีล่ะ มาต่อกันเลย”
มิสทิคที่รู้สึกได้แบบนี้ได้หันหน้าไปมองและตั้งสมาธิขึ้นมาหลังจากจับหมวกฟางขึ้นมาใส่ ในตอนนี้เองมานาที่ถูกกับดักแห่งการฟื้นคืนที่กระจายอยู่ตามมุมต่างๆทั่วโลกได้เริ่มเปลื่ยนมาเป็นกับดักแห่งการทำลาย
กับดักแห่งการทำลายที่กำลังดูดกลืนมานาและสสารรอบๆตัวได้ถูกมานาจากกับดักแห่งการฟื้นคืนกลืนกินทำให้เกิดการเปลื่ยนแปลงพื้นฐานไป โอโรจิได้แต่ตกใจกับการควบคุมมานาที่น่าทึ่งนี่ของมิสทิค
“โฮ่… ควบคุมมานาได้ยอดมาก”กระบวนการต่างๆได้เป็นไปอย่างราบรื่นต่างจากคำพูดของเธอ กับดักแห่งการทำลายทั้งหมดที่กระจายอยู่ทั่วดาเรย์กำลังวิวัฒนาการขึ้น! วิวัฒนาการจากกับดักแห่งการทำลายไปเป็นกับดักแห่งการฟื้นคน – มีคำสั่งใหม่ถูกสร้างขึ้นมาหลังจากที่ทำการปฏิเสธในบันทึกดั้งเดิมที่เคยมีมาตลอดและพัฒนาขึ้นไปตามความต้องการของยูอิลฮาน!
แน่นอนกระบวนการนี้ได้ดูดกลืนมานาภายในดาเรย์ไปเป็นจำนวนมหาศาล แต่ว่านี่ก็แค่ทำให้การเกิดของมอนสเตอร์ลดช้าลงเพราะงั้นนี่ไม่ใช่เรื่องแย่เลย
[สกิลประกาศิตได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 56]เพราะการกระทำที่ยิ่งใหญ่ของมิสทิคนี้ได้ทำให้แม้กระทั่งสกิลของยูอิลฮานก็ยังพัฒนาขึ้นมาเองอย่างาก ในตอนนี้เองได้มีความคิดหนึ่งโผล่ขึ้นมาในหัวเขา
‘งั้นถ้าเป็นสมาชิกดราก้อนเนสฆ่าศัตรูล่ะ…’
เขาได้ปิดตาลงทำการวิเคราะห์บันทึกของตัวเอง จากนั้นก็พบกับคำตอบอย่างรวดเร็ว ที่เขาได้รับมามันไม่ใช่แค่บันทึกจากศัตรูแต่ยังรวมไปถึงค่าประสบการณ์จำนวนเล็กน้อยอีกด้วย ในตอนนี้เนื่องจากว่ามังกรในสังกัดดราก้อนเนสได้ทำการต่อสู้กับมอนสเตอร์จำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ทำให้บันทึกของเขาถูกเก็บสะสมมากขึ้นโดยไม่ต้องทำอะไรเลย
‘เพราะแบบนี้สินะถึงได้ทำให้หัวหน้าของแต่ล่ะกองกำลังอยู่ในระดับที่ต่างไปจากสมาชิกอย่างสิ้นเชิง’
เขาได้เผลอพึมพัมออกมา หัวหน้าของแต่ล่ะกองกำลังต่างก็เป็นตัวตนที่น่ากลัวกันทั้งนั้น เขารู้ถึงมันได้ตั้งแต่ที่ได้เห็นความโลภแล้ว
พัฒนาขึ้นอย่างไม่สิ้นสุดจากการกระทำของสมาชิก… นี่มันหมายความว่าหัวหน้ากองกำลังใหม่ล่าสุดคนที่ 5 ของยูอิลฮาน เป็นคนที่เสียเปรียบมากที่สุด
เดี๋ยวสิ
ถ้างั้นทำไมมิคาเอลถึงมีพลังได้เทียบเท่ากับซาตานที่เป็นหัวหน้ากองทัพจรัสแสงได้ล่ะ?
‘หรือว่านั่นเป็นเรื่องโกหกกันนะ?’
ไม่สิ จากที่ได้เห็นถึงความหยิ่งยโสของมิคาเอลแล้วเขาไม่น่าจะเป็นคนที่โกหกในเรื่องแบบนี้
‘มันจะเป็นไปได้ไหมนะที่พระเจ้าได้ทิ้งบันทึกและสิทธิทั้งหมดไว้ให้มิคาเอลจัดการดูแล’
แต่ว่ามิคาเอลก็อ่อนแอจนเกินไปที่จะเป็นแบบนั้น ไม่ว่ามิคาเอลจะเสียเปรียบในด้านธาตุกับยูอิลฮานยังไง เขาก็ไม่น่าจะแพ้ยูอิลฮานง่ายๆแบบนี้ ถ้างั้นก็เหลืออยู่อีกแค่คำตอบเดียวแล้ว
การแบ่งแยก
‘พอมาคิดดูแล้วถึงราฟาเอลจะถูกฉันฆ่าไป แต่เขาก็ทรงพลังมากจริงๆ เขามีพลังในการรักษาที่เหนือยิ่งกว่าสิ่งมีชีวิตคลาส 7 ใดๆไปจนเทียบกันไมติดเลย หากว่าสถานการณ์ในตอนนั้นไม่ได้เข้าข้างฉัน ฉันก็คงไม่มีโอกาสได้ฆ่าเขาแน่’
“นายท่านทำไมท่านถึงขมวดคิ้วแบบนั้นล่ะ? ดูผู้หญิงคนนั้นคร่ำครวญสิ มนุษย์เรื่องนี่ว่าปรากฏการณ์ใช่ไหม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี