ยูอิลฮานได้ไปกระจายกับดักแห่งการฟื้นคืนตามโลกต่างๆที่ยังไม่ได้รวมเข้ากับดาเรย์
แค่โลกล่ะอันก้เพียงพอแล้ว เมื่อมิสทิคได้ทุ่มเทสมาธิของเธอ กับดักแห่งการฟื้นคืนอันที่ถูกทิ้งเอาไว้ก็จะกลืนกินกับดักแห่งการทำลายทั้งหมดในโลกและดูดเอามานามาเปลื่ยนกับดักแห่งการทำลายให้กลายมาเป็นกับดักแห่งการฟื้นคืน
เพราะโลกส่วนใหญ่ไม่ได้กว้างใหญ่เหมือนกับที่ดาเรย์ทำให้การเปิดใช้งานกับดักแห่งการฟื้นคืนให้ปกคลุมทั่วโลกใช้เวลาไม่นานนัก ทุกๆครั้งที่ไปโลกใหม่มิสทิคจะเหนื่อยขึ้นแค่เล็กน้อยเท่านั้นเอง ร่างกายที่ยูอิลฮานได้สร้างให้เธอดีจนไม่น่าเชื่อ
ในตอนที่โลกที่พวกเขาได้ไปมีประมาณ 26-27 โลก ยูอิลฮานก็ได้เจอเข้ากับทูตสวรรค์อีกสองตน เพราะการกระทำของยูอิลฮานที่ทำให้สงครามสิ่งมีชีวิตชั้นสูงจบลง ทูตสวรรค์ระดับต่ำก็เลยได้กลับมาทำหน้าที่เดิมของพวกเขา
[หืม?]ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้รู้ถึงการมาของยูอิลฮานและการติดตั้งกับดักแห่งการฟื้นคืน แต่ว่าพวกเขาก็สัมผัสได้ถึงกับดักแห่งการทำลายที่เปลื่ยนแปลงไป พวกเขาคงติดตั้งเวทย์ตรวจจับบางอย่างไว้กับกับดักแห่งการทำลายเพื่อทำให้มีการทำงานที่ประสิทธิภาพ
สิ่งแรกที่พวกเธอสัมผัสได้เลยก็คือความเสียหายที่เกิดขึ้นกับกับดักแห่งการทำลาย จากนั้นสัญญาณทั้งหมดของกับดักแห่งการทำลายที่มีอยู่บนโลกนี้ก็ได้ถูกตัดขาดไปพร้อๆกัน
[กับดักแห่งการทำลายได้ถูกทำลายลงแล้ว!]ทูตสวรรค์ต่างตื่นตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ท้ายที่สุดพวกเขาก็ได้รายงานไปยังเพื่อบนก่อนที่จะเร่งรีบพุ่งไปทางกับดักแห่งการฟื้นคืน มิสทิคที่กำลังทำการกลืนกินตรงๆอยู่ได้หันมาถามกับยูอิลฮาน
“นายท่าน พวกทูตสวรรค์กำลังคิดจะตรวจสอบอะไรบางอย่าง ปล่อยไว้จะไม่เป็นไรหรอ?”และเมื่อเกิดการปะทุพลังความบ้าคลั่งของกับดักแห่งการฟื้นคืนขึ้น สัญญาณก็จะถูกส่งกลับไปที่ยูอิลฮานกับมิสทิค ต่อให้พวกเขาจะมาช้าก็ไม่มีปัญหาอะไร กับดักทั้งหมดจะทำลายตัวเองก่อนที่จะมีใครมาวิเคราะห์ ยูอิลฮานได้อธิบายเรื่องนี้ออกมาด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ
“หลังจากได้ลองตรวจสอบเร็กน่า นี่คือสิ่งที่ฉันได้เรียนรู้มาจากพระเจ้า”หลังจากทูตสวรรค์ได้เห็นอาร์ติแฟคที่สร้างมาจากเทคโนโลยีที่พวกเขาไม่รู้จักก็ได้ตื่นตระหนกกันขึ้นมา
[เราจะทำยังไงกับสิ่งนี้กันดี]ดูเหมือนว่าทูตสวรรค์ในโลกใบนี้จะมีศักยภาพกันอยู่พอตัว ยูอิลฮานได้หยักหน้ายิ้มๆออกมา ตราบใดที่พวกเขาไม่ประมาท เรื่องที่พวกเขากังวลกันก็ไม่น่าจะเกิดขึ้น
ไม่ใช่เพียงแค่นี้ แต่ยังมีเรื่องที่ไม่ต้องกลัวเรื่องการล้นของมานา ไม่ต้องกลัวเรื่องที่พระเจ้ากำลังพยายามจะทำอะไรกับพวกเขา นี่มันดีขนาดไหนกันล่ะ!? กับดักแห่งการฟื้นคืนคือสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุด
“ไม่ใช่ว่านายท่านควรจะไปติดต่อโน้มน้าวพวกเขาก่อนที่พวกเขาจะทำอะไรแย่ๆหรอกหรอ?”ยิ่งหากยูอิลฮานไปติดต่อกับพวกกองทัพสวรรค์มากกว่าที่จำเป็นอาจจะเป็นการเปิดโอกาสให้กองทัพสวรรค์ด้วยซ้ำไป
ปัญหาที่ใหญ่สุดเลยก็คือคนที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าอาจจะยังติดต่อกับกองทัพสวรรค์อยู่ก็ได้ หากว่ายูอิลฮานไปอธิบายให้พวกเขาฟังไม่เท่ากับเป็นการอธิบายให้คนที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้ารู้เลยหรอกหรอ นี่มันน่าโมโหมากเลยนะ! ทุกๆอย่างจะพังไปในทันทีที่เขาถูกคนอื่นจับได้ เพราะงั้นการจัดการทุกๆเรื่องเองมันสะดวกสบายกว่ามาก!
“ทั้งๆที่นายท่านได้สร้างองค์กรสิ่งมีชีวิตชั้นสูงขึ้นมาแล้วกลายเป็นหัวหน้าแล้ว แต่ท่านก็ยังทำอะไรตามลำพังเหมือนอย่างเคยเลย…”มิสทิคดูมีชีวิตชีวากับการควบคุมกับดักแห่งการฟื้นคืนแปลกๆ อาจจะเป็นเพราะการที่เธอได้รวบรวมบันทึกต่างๆผ่านกับดักแห่งการฟื้นคืนก็ได้ โอโรจิที่รู้แบบนี้ได้หน้าซีดขึ้นมา
“ถ้าเป็นแบบนี้ไม่ใช่ว่าฉันจะถูกแซงหน้าไปหรอ?”นี่มันเป็นไปไม่ได้ โอโรจิได้กลืนน้ำลายอย่างอึดอัดใจและทำได้แค่เฝ้ามองดูมิสทิคแข็งแกร่งขึ้นตลอดเวลา!
“นายท่าน ฉันยิ่งกลายเป็นจัดการมันได้ดียิ่งขึ้นแล้ว ฉันคิดว่าเราจะเพิ่มความเร็วกันอีกนิดก็ได้นะ!”กระบวนการกลืนกินของโลกได้เป็นไปอย่างราบรื่น ภายในเวลาแค่สี่วันก็มีนับพันโลกแล้วที่มีกับดักแห่งการทำลายเปลื่ยนมาเป็นกับดักแห่งการฟื้นคืน
“นายท่านฉันคิดว่ากับดักที่ท่านสร้างจะครอบคลุมไปทั่วโลกได้เลยนะ”ยูอิลฮานได้อธิบายออกมาสั้นๆ
“แต่แน่นอนว่าฉันได้ทำกับดักแห่งการฟื้นคืนขึ้นมา เพราะงั้นมันจะเชื่อมไปมิติไปโลกอื่นและกลืนกินโลกนั้นด้วย มิสทิค ฉันคิดว่าในตอนนี้เธอน่าจะพอรู้สึกได้แล้วนะ”โอโรจิกับมิสทิคได้คิดขึ้นได้อีกครั้งหนึ่ง พวกเขาอยู่ห่างไกลเกินกว่าที่จะเข้าใจยูอิลฮาน!
ในตอนที่ยูอิลฮานได้มาถึงโลกที่ 32,918 พวกเขาก็ได้เจอเขากับแขกที่คาดไม่ถึง
ระหว่างที่กับดักแห่งการฟื้นคืนกำลังทำการกลืนกินอยู่นั้นเอง จู่ๆเพลิงศักดิ์สิทธิ์ได้โผล่ขึ้นมาปกคลุมทั่วทั้งโลก
“มิคาเอล? ไม่สิ…”
ยูอิลฮานได้มองดูเพลิงที่ดูคล้ายกับมิคาเอลแต่แล้วก็รู้ว่านี่มันอ่อนกว่ามาก จากนั้นเองคนที่ให้คำตอบก็โผล่ออกมา ยูเรียลก็เป็นหนึ่งในผู้ใช้ไฟที่มีชื่อเสียงในสี่ยอดเทวทูตเช่นกัน เขาคนนั้นได้มาที่โลกใบนี้แล้ว
[อยู่ที่นี่สินะยูอิลฮาน]
ยูเรียลได้ใช้เพลิงศักดิ์สิทธิ์ของเขาค้นหาตัวยูอิลฮาน แต่ว่าหากยูอิลฮานไม่ตั้งใจเผยตัวออกมาเองมันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะสัมผัสถึงตัวเขาได้ ในท้ายที่สุดยูเรียลก็ได้พูดเสียงดังกังวาลไปทั่วทั้งโลก
[กาเบรียลได้บอกฉันมาแล้ว นายน่าจะอยู่ที่นี่ใช่ไหม?]ต่อให้เป็นสี่ยอดเทวทูต แต่หากว่าไม่มีการพูดถึงกาเบรียลยูอิลฮานก็คงจะไปแล้ว!
ในตอนนี้คนที่ยูอิลฮานเป็นกังวลในเทวทูตที่เหลืออยู่ทั้งสามคนก็คือกาเบรียล
[ฉันอยากจะคุยกับนาย นี่ไม่ใช่เรื่องแย่สำหรับนายด้วยเหมือนกัน มาคุยกันสักเดี๋ยวได้ไหม?]ยูอิลฮานได้คิดขึ้นกับตัวเอง – ไม่ว่าจะเป็นกับดักหรือไม่ก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นการนำปัญหามาให้หรือไม่ก็ตาม
ไม่ว่าจะเป็นการที่เขาจะได้รู้ความจริงที่เขากังวลอยู่หรือไม่ก็ตาม
หลังจากที่เขาได้สรุปเรื่องทั้งหมดนี้ เขาได้ยกมือขึ้นบนท้องฟ้า จากบนมือของเขาได้มีมานาจำนวนมหาศาลถูกปล่อยออกมาปกคลุมไปทั่วทั้งโลก
[สกิลจ้าวมิติทำงาน!]
เพราะแบบนี้ทำให้ประตูมิติสู่โลกใบนี้ได้ถูกปิดลงชั่วคราว จากนั้นยูอิลฮานกับพรรคพวกของเขาอีกสองคนก็ได้เผยตัวออกมา ยูเรียลที่เห็นแบบนี้ได้บินมาหาทันที
[การที่จะได้เจอนายนี่มันยากมากเลยนะ สมแล้วกับฉายาผู้โดดเดี่ยว]ยูเรียลเป็นผู้หญิง และเป็นผู้ที่ครอบครองผมสีขาวบลอนด์งามและนัยน์ตาสีทอง แน่นอนว่าหอกของยูอิลฮานไม่มีวันจะทื่อต่อให้ฝ่ายตรงข้ามจะเป็นผู้หญิงก็ตาม ในอดีตหอกของเขาได้ตัดผู้หญิงมานักต่อนักแล้ว!
นอกไปจากนี้คำพูดทำร้ายจิตใจของเธอก่อนหน้านี้ยิ่งทำให้ยูอิลฮานเพิ่มความเป็นศัตรูขึ้นไปถึงขีดสุด
[ฉันไม่ได้อยากจะทำให้นายมาเป็นศัตรูหรอกนะ แต่ว่าฉันได้เสียสหายที่อยู่ร่วมกันเป็นล้านๆปีไป]เธองั้นหรอ? ต่อให้เป็นเฮเรียน่าก็ยังทำอะไรกับเขาไม่ได้เลย ยูเรียลได้ยิ้มแห้งๆออกมากับความคิดนี้ของเขาและชูมือสองข้างขึ้นมาเพื่อบอกว่าเธอไม่ได้มีเจตนาร้าย
[ก็อย่างที่รู้เพลิงของฉันไม่อาจจะเหนือกว่านายได้ ต่อให้ฉันจะใช้พลังของผืนดินด้วย แต่ว่านั่นก็ไม่ได้ผลกับนายเหมือนกัน นายก็น่าจะรู้นะว่าฉันไม่มีโอกาสชนะเลย]มาขอร่วมทางกับคนที่ฆ่าหนึ่งในสี่ยอดเทวทูตไปและยังเป็นหนึ่งในหัวหน้ากองกำลังเนี้ยนะ? นี่มันเป็นเรื่องไร้สาระที่รองลงมาจากการเสนอเป็นพันธมิตรจากความโลภเลยนะ
ยูเรียลที่เห็นยูอิลฮานแสดงความสงสัยออกมาทำให้เธอได้หัวเราะขึ้นและพูดต่อ
[ฉันพอจะรู้สึกที่นายกำลังทำอยู่ในตอนนี้อยู่เล็กน้อย นายกำลังเคลื่อนไหวเพื่อที่จะทำให้ไม่เกิดความเสียหายจากการต่อสู้ของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงไปจนถึงสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำถูกไหม?]ยูอิลฮานได้เริ่มที่จะรู้สึกไม่สบายใจแล้ว สิ่งที่เขาทำก็แค่การปกป้องตัวเขาเองกับคนใกล้ชิดเท่านั้น การที่มีคนมาพูดว่าสิ่งที่เขาทำเป็นนักบุญที่กำลังช่วยทุกๆคนอยู่มันทำให้เขารู้สึกรำคาญใจมาก ยูเรียลก็ดูเหมือนจะรู้เรื่องนี้และหยักไหล่ออกมา
[นั่นมันไม่ใช่สิ่งสำคัญหรอกนะ ฉันมาหานายตามคำพูดของกาเบรียลและฉันอยากที่จะเฝ้าสังเกตการกระทำของนายในฐานะที่ฉันเป็นตัวแทนกองทัพสวรรค์ หากมีฉันอยู่ด้วยนายก็ไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องการปะทะกับกองทัพสวรรค์]
ทำไมเธอถึงได้พูดเหมือนแก้ตัวล่ะ? ยูอิลฮานรู้สึกเหมือนกับเขากลายมาเป็นตัวเอกอยู่และตอบเธอกลับไป
“ยังไงก็ตาม การที่เธอมาติดตามฉันทั้งๆที่ฉันไม่รู้เลยว่ามีอะไรแปลกๆบ้างที่ซ่อนอยู่ในพวกเธอมันรบกวนฉันมาก”นี่คือสิ่งที่ได้พิสูจน์ในสมมติฐานของยูอิลฮาน พระเจ้าได้แบ่งบันทึกที่สำคัญของตัวเขาให้กับสี่ยอดเทวทูต ไม่เช่นนั้นแล้วเธอก็คนจะไม่กล้าพูดแบบนี้แน่
“ฉันรู้ฉันน่าจะวิเคราะห์ซากของราฟาเอลที่เหนือก่อนสินะ”ยูอิลฮานได้หยักไหล่ออกมา นี่มันเพราะว่าเขาจำได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนที่ราฟาเอลเดินทางกับเขาไปฆ่าคนทรยศกองทัพสวรรค์
ยังไงก็ตามสถานการณ์ในตอนนี้ต่างไปจากตอนนั้น ยูเรียลไม่มีวิธีที่จะแทรกแซงยูอิลฮานได้ และตัวเขาในตอนนี้ก็ยัง…
“ได้ ฉันจะไปกับเธอ แล้วก็นะฉันไม่รู้ว่าเธอจะรู้ไหม แต่ว่ายังมีโลกระดับต่ำอีกมากที่เหลืออยู่”ยูอิลฮานได้ถอนหายใจออกมา บางทีอาจจะมาค้นหาเขาหลังจากรู้เรื่องนี้เหมือนกัน มันไม่มีทางเลือกเรื่องนี้งั้นหรอ?
ถ้างั้นเขาก็ได้แต่เดินทางร่วมกับเธอจนกว่าที่ม่านแห่งสงครามจะถูกเปิดขึ้น
ยูอิลฮานได้ขบริมฝีปากเปิดใช้สกิลข้ามมิติไปพร้อมกับโอโรจิ มิสทิค และยูเรีบล นี่คือช่วงเวลาสำหรับบทส่งท้ายที่เป็นความจริงของเรื่องแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี