Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี นิยาย บท 331

Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี – ตอนที่ 331
บทที่ 331 – วันสิ้นโลก (7)

ทำไมถึงได้มีร่องรอยบันทึกพระเจ้าไว้ในโลกที่กองกำลังสิ่งมีชีวิตชั้นสูงปกครองอยู่กันล่ะ? ยูอิลฮานรู้ได้ว่าพวกสิ่งที่เรียกว่า ‘บันทึกพระเจ้า’ กลุ่มก้อนบันทึกนภาที่มีสติปัญญาแน่ แต่ว่าเขาก็ไม่เคยคิดเลยว่าบันทึกพระเจ้าพวกนี้จะอยู่ในโลกที่ถูกซ่อน

ไม่สิ บันทึกพระเจ้าอยู่ในโลกที่ถูกซ่อนจริงๆงั้นหรอ? บันทึกพวกนี้บอกว่ายูอิลฮานคือ ‘ผู้มอบอิสรภาพ’ และ ‘ผู้กอบกู้’ ถ้าอย่างงั้นล่ะก็…!

ยังไงก็ตามมันไม่มีเวลามาให้ยูอิลฮานได้คิดแล้ว ตอนนี้โลกเกือบๆเจ็ดพันแห่งกำลังหลอมรวมเข้ามาในดาเรย์พร้อมๆกันแล้ว มิสทิคเธอจะได้เจอกับความรู้สึกที่เหมือนตายทั้งเป็น

“นายท่าน ท่านทำบ้าอะไรอยู่กันนนนนนนน!”
“อ๊า ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจะช่วยเอง! [มีฉันอยู่มีเธออยู่ แค่เข้าไปในกับดักแห่งการฟื้นคืนที่อยู่ใต้ดินเท่านั้น ฉันบอกว่าไม่เพิ่มขนาดแล้ว บีบอัดให้เท่ากับความหนาแน่นกับความหนาแน่นมานาในโลก เว้นไว้แค่เมืองของเราเท่านั้น]

ยูอิลฮานได้หยุดคิดในเรื่องอื่นๆทั้งหมดและหลอมรวมโลกอย่างหมดท่า การหลอมรวมโลกหลายพันแห่งพร้อมๆกันกับปรับแต่งมหาภัยพิบัติขั้นที่ 8 ไปพร้อมๆกันมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ว่าเพราะจำนวนของโลกที่เขาได้จัดการลดลงไปอย่างมากเพราะวิถีแห่งจักรวาลทำให้เขาสามารถจะทำค่อนข้างสบายขึ้น มันค่อนข้างจะเป็นไปได้ทีเดียว

“ค่อนข้างจะเป็นไปได้!?”
“โอโรจิ”
“ได้ ได้ เข้าใจแล้ว”

โอโรจิได้ลูบด้านบนหมวกฟางของมิสทิค ตัวมิสทิคดูเหมือนกับจะระเบิดออกมาได้ตลอดเวลา ตอนนี้เธออย่างจะเข้าไปอัดทั้งยูอิลฮานกับโอโรจิพร้อมๆกันให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่ว่ามันน่าหงุดหงิดที่เธอทำแบบนั้นไม่ได้เนื่องจากว่าในระหว่างการหลอมรวมโลกเธอจะไม่อาจขยับตัวได้เลย!

“อิลฮาน ตอนนี้เมืองกลายไปเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์จำลองไปแล้ววว~”
“จริงๆอาณาเขตก็กำลังขยายเพิ่มขึ้นเหมือนกัน”

สถานที่หลักในการต่อสู้มาตลอดนั่นคือใจกลางของป้อมปราการผู้พิทักษ์ ป้อมปราการลอยฟ้าและเมือง

สถานที่แห่งนี้เป็ฯที่ที่ได้รับอิทธิพลจากบันทึกของยูอิลฮานมากที่สุด เพราะงั้นมันจึงไม่แปลกเลยที่เมืองจะวิวัฒนาการไปเพราะได้รับมานาและบันทึกใหม่ๆ ยิ่งกว่านั้นอิทธิพลของยูอิลฮานมาจากการสร้างอีกด้วย

ปัญหาเล็กๆก็คืออาณาเขตของมันกำลังขยายออกไปอย่างต่อเนื่องและแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ขยายออกไปจนแทบจะกลายเป็นอาณาจักรมากยิ่งกว่าเมืองแล้ว แต่ว่ายูอิลฮานก็ตัดสินใจที่จะไม่คิดอะไรมากกับเรื่องนี้…

“ฉันไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กๆเลยนะ…”
“พวกเราได้เพื่อนมังกรเพิ่มขึ้น เพราะงั้นมันดีแล้ว”
“โอ้วว พวกเราแค่ต่อสู้เองนะ แต่แลวโลกกลับกำลังเปลื่ยนแปลงไปอย่างมากพร้อมๆกัน”

เลียร่าได้ตกตะลึงที่ได้เห็นการวิวัฒนาการภายในดาเรย์ มีโลกหลายพันกำลังถูกดูดเข้ามาและมีมหาภัยพิบัติเกิดขึ้นถึงสองครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน… หากว่ามันไม่เกิดการเปลื่ยนแปลงขึ้นมันก็คงจะแปลกจริงๆนั่นแหละ!

“ชั้นบรรยากาศเปลื่ยนแปลงไปอีกแล้ว ฉันคิดว่าฉันเห็นสายรุ้งบนท้องฟ้าด้วยล่ะ”
“นั่นมันเพราะมานาหนาแน่นมากจนแทบจะกลายมาเป็นรูปธรรมไงล่ะ”
“ความรู้สึกจากผืนดินก็ต่างไปจากเดิม มันเหมือนกับว่า…”
“ก็เพราะอิทธิพลจากบันทึกของฉันทำให้มันเกิดวิวัฒนาการขึ้น ออร่าแห่งโลหะกับมังกรได้ถูกผสานเข้าไปในผืนดิน”
“…แค่หักกิ่งไม้มาก็ทำให้ฉันได้รับอาร์ติแฟคระดับหายากด้วยงั้นหรอ?”
“นั่น….”

ยูอิลฮานได้หันมองไปรอบๆตัวอย่างตั้งใจและตอบคำถามของทุกๆคนที่กำลังตกตะลึงอยู่กลับไป

“…ทุกๆโลกที่ผ่านมหาภัยพิบัติขั้นที่ 8 เป็นแบบนี้กันหมดเลยใชป่ะ?”
“นายน่าจะรู้ดีนะว่าคนอื่นไม่ได้เหมือนนายน่ะ?”
“โอเค ฉันผิดเอง”

ในความรู้ของเลียร่า โลกที่เธอรู้จักว่าได้ผ่านมหาภัยพิบัติมามากที่สุดก็คือสวรรค์ เธอได้ยินว่ามันได้กลายเป็นโลกที่เหมาะให้ทูตสวรรค์และพระเจ้าอาศัยอยู่หลังจากผ่านมหาภัยพิบัติไปถึงเก้าหลัง… แต่ว่าหากนำมาเทียบกับดาเรย์ในตอนนี้แล้ว สวรรค์ก็เป็นแค่โลกที่มีขนาดใหญ่นิดๆเท่านั้นเอง

“นี่มันยังใช้คำแทนว่า ‘โลก’ ได้อีกงั้นหรอ? ด้วยมานามากขนาดนี้หากมันเปลื่ยนไปเป็นอะไรอย่างหลุมดำฉันก็จะไม่แปลกใจเลย”
“นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันกับนายท่านกำลังพยายามหยุดมันอยู่! ฉัน!กับ!นายท่าน! ทำงานอยู่!”
“ขอโทษนะ ฉันก็แค่จะบอกว่ามันน่าทึ่งมากเท่านั้นเอง!”
“ฮึ่ม!”

เลียร่าได้ขอโทษมิสทิคออกมาทันทีได้เห็นความฉุนเฉียวจากมิสทิค เลียร่าเธอไม่เคยมีประสบการณ์หรือสกิลในการจัดการดูแลและควบคุมโลก แต่ว่าเธอก็ได้เห็นถึงความพยายามของยูอิลฮานกับมิสทิคที่กำลังจัดการทำให้ดาเรย์เสถียรอยู่แบบนี้ว่ามันมีมากแค่ไหน

เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นไปเธอก็จะได้เห็นหมู่เมฆที่สร้างขึ้นจากมานากำลังลอยตัวอยู่ กลุ่มเมฆพวกนี้ดูเหมือนกับเมฆธรรมดาๆ แต่ว่าริงๆแล้วนี่คือกับดักเวทมนต์ที่ได้เปลื่ยนรูปร่างไปเพื่อใช้หยุดและโจมตีศัตรูที่เข้ามาใกล้ด้วยพลังมานาภายในที่มี ทุกๆคนที่บุกรุกเข้ามาในดราก้อนเนสจะกลายมาเป็นเป้าหมายของกับดักเหล่านี้

สายรุ้งที่พาดยาวอยู่ก็เป็นเหมือนกับกระจกแห่งการทำลายในรูปแบบธรรมชาติ เมื่อไหร่ที่ยูอิลฮานต้องการ สายรุ้งพวกนีก็จะดูดพลังงานรอบๆเข้ามาเป็นแหล่งพลังยิงเข้าใส่ศัตรู!

ไม่ใช่แค่นี้แต่ยังมีจุดแสงน้ำไม่ถ้วนที่ปรากฏขึ้นมาเหมือนดาวบนท้องฟ้าที่ล้วนคือระเบิดมานา และพายุเฮอริเคนฝั่นโลหะที่พัดอยู่ตามส่วนต่างๆของดาเรย์เป็นกับดักธรรมชาติที่จะจัดการกำจัดสิ่งมีชีวิตอื่นๆที่คิดร้ายกับมังกรอีกด้วย!

นอกไปจากนี้กับดักที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติมีอยู่ทั่วทั้งส่วนต่างๆมากมายในดาเรย์ ต่อให้เป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงก็ไม่อาจจะหลีกหนีไปโดยไร้แผลได้

นี่มันไม่ใช่สิ่งที่ยูอิลฮานตั้งใจจะให้มันเกิดขึ้นเลย มันก็แค่เป็นผลจากการวิวัฒนาการหลังจากที่ได้หลอมรวมโลกจำนวนนับไม่ถ้วนเข้ามาและมหาภัยพิบัติที่เกิดขึ้นจนสะท้อนบันทึกของเขาออกมากลายเป็นแบบนี้

เพราะกับดักพวกนี้ต่างก็รุนแรงถึงชีวิต และมีรูปร่างภายนอกที่ดูงดงามทำให้สมาชิกดราก้อนเนสได้มีเวลาพักหลังจากผ่านการต่อสู้รุนแรงมาอย่างคาดไม่ถึง พวกเขาได้อุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อได้มองไปรอบๆโลก

“งดงาม…”
“มีเธออยู่ที่นี่ทำให้มันงดงามยิ่งกว่าเดิมอีก คาริน่า”
“ไมเคิล…”
“พวกบ้านี่…”

คาริน่า มาเลเทสต้า ไมเคิล สมิธสัน และทาคากากิ อสึฮะทุกๆคนที่รอดปลอดภัยได้กลายมาเป็นมังกรที่แท้จริงท่ามกลางการต่อสู้ที่รุนแรงแล้ว

ตามปกติแล้วการสะสมค่าประสบการณ์จนกลายมาเป็นคลาส 5 มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย แต่ว่าสิ่งที่พวกเขาได้เจอมามันยังใช่ ‘ปกติ’ อีกงั้นหรอ?

พวกเขาได้เอาชีวิตรอดท่ามกลางสิ่งมีชีวิตชั้นสูงนับไม่ถ้วน เวทย์ชั้นสูง และเทคนิคระดับสูง เพราะงั้นมันจึงเป็นธรรมดาที่หากพวกเขารอดก็จะพัฒนาขึ้นมาเป็นสิ่งมีชีวิตคลาส 5!

“ไมเคิล”
“คาริน่า… การต่อสู้ยังไม่จบ พวกเรามาพยายามด้วยกันอีกนะ ทั้งหมดนี่เพื่อลูกๆของเราที่จะเกิดขึ้นมา”
“ได้เลยไมเคิล…”
“อ๊า ฉันอยากจะให้เจ้าพวกนี้ระเบิดตายไปจริงๆ… ท่านซูซาโนะ”

ทาคากากิ ฮสึหะได้เบื่อหน่ายกับการมองดูคู่รักที่สวีตหวานกันตลอดเวลาแม้แต่ในสนามรบแล้ว เธอได้หันหน้าไปหายูอิลฮานที่เป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพและความอยู่รอดของเธอ

“ท่านซูซาโนะ ฉัน… ท่านซูซาโนะ?”

เธอได้พยายามจะเข้าไปหายูอิลฮานแต่แล้วก็หยุดอยู่กลางทาง ยูอิลฮานได้อยู่จุดสูงสุดในป้อมปราการลอยฟ้า ดวงตาทั้งสองข้างของเขาปิดอยู่และมีชั้นเปลวเพลิงโปร่งแสงป้องกันไม่ให้ใครเข้าไปรบกวนเขาอยู่

เธอได้ยอมแพ้ที่จะเข้าไปหาเขาและถอยออกมา เธอคิดว่าแค่ได้มองดูอยู่ห่างๆก็พอแล้ว

‘ฟู่…’

คนที่กำลังถูกพูดถึงในตอนนี้กำลังสูดหายใจช้าๆและเฝ้าดูทั้งโลกจากภายในตัวเขาอยู่

แรงสั่นสะเทือนรุนแรงที่มาจากมหาภัยพิบัติขั้นที่ 8 และการหลอมรวมโลกจำนวนมากมายที่ได้เริ่มสงบลง ผลที่ตามมาก็คือการที่ยูอิลฮานได้รับค่าประสบการณ์จำนวนมหาศาลอีกครั้งหนึ่ง เลเวลของเขาได้เพิ่มขึ้นมาอีกครั้งจนไปถึง 650 แล้ว

โชคดีที่ว่ามันไม่ได้มีอะไรอย่างการสร้างร่างกายใหม่แบบครั้งที่แล้วอีกแล้ว เพียงแต่ว่าในครั้งนี้ได้มีพลังเวทย์จำนวนมหาศาลได้เริ่มไหลออกมาจากร่างของเขา มันทำให้เขาไม่มั่นคงในตัวเองมากๆ เขารู้สึกเหมือนกับเขากลายเป็นมัวเมาในอำนาจและบ้าคลั่งไปกับพลังของเขา

เพราะเลเวลที่เพิ่มขึ้น 50 เลเวลในครั้งเดียว ทำให้เขากระทั่งสงสัยว่าการเพิ่มเลเวลเร็วๆแบบนี้จะเกิดปัญหาหรือไม่ แต่ว่ามันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นมาเลยแม้แต่นิด ความแข็งแรงกระดูกของเขาได้เพิ่มขึ้น เลือดของเขาได้หนาแน่นมากยิ่งขึ้น มวลกล้ามเนื้อของเขาได้มีมากขึ้นและผิวหนังของเขาได้หนาแข็งด้วย ทั้งหมดนี่คือสิ่งที่เขาสังเกตุเห็นได้และมันชัดเจนจนทำให้เขาต้องตัวสั่น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี