ซูหนานอีนั่งอยู่ที่โรงน้ำชาจู้ชิ้งด้วยท่าทีสบาย ใช้เสี่ยวเถาออกไปซื้อขนมกินเล่น เพียงไม่นานเซี่ยหล่านก็มาถึงแล้ว
เซี่ยหล่านยังไม่ทันได้นั่งก็เอ่ยขึ้น: "ศิษย์น้องหลิวอะไรนั่น ไม่ใช่คนเลวอะไร"
"เขาต้องมีอะไรบางอย่างแน่" ซูหนานอีเอ่ยมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา "แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ไส้ศึก แต่เรื่องนี้ก็มีส่วนเกี่ยวพันกับเขา"
"เจ้าสามารถสืบได้หรือไม่ว่าเป็นคนของหุบเขาเทวดาหรือไม่ สายของเราที่อยู่ในเมืองซินเยว่นั้นได้ถูกเปลี่ยนก่อนที่กู้ซีเฉินจะขึ้นครองราชย์ เจ้ายังไม่ทันได้เจอ" หากเป็นดั่งที่เสี่ยวชีคิด "ข้าสงสัยกู้ซีเฉินผู้นี้กับศิษย์ของหุบเขาเทวดาจะต้องรู้จักมักจี่กันแน่"
ซูหนานอีพยักหน้า "อาจเป็นไปได้ แต่ข้าเห็นรหัสลับของหุบเขาเทวดาที่ในวัด และประจวบเหมาะกับคนที่แซ่หลิวนั่นปรากฏตัวออกมา คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่"
"รหัสลับอยู่ที่ใด" เซี่ยหล่านถามขึ้น
"อยู่ที่ใต้แท่นองค์เทพ" ซูหนานอีตอบพร้อมกับแววตาเย็นชายากที่จะซ่อนความเกลียดชังไว้ได้ "บนตัวของเขายังมีกลิ่นพิเศษ เพราะมีกลิ่นพิเศษนี้ คนที่เคยใช้กลิ่นก็จะยังคงหลงเหลืออยู่ บางๆ แม้เวลาจะผ่านไปนานกลิ่นนี้ก็จะยังคงอยู่ แน่นอนว่าคนที่ไม่รู้ย่อมไม่สังเกต ดังนั้นคนที่ทิ้งรหัสลับไว้จะต้องเป็นเขาแน่"
เซี่ยหล่านขมวดคิ้วเล็กน้อย "หมายความว่า เขาจะต้องเป็นคนที่ทิ้งรหัสลับนี้ไว้"
"ใช่แล้ว และเขาจะต้องเป็นคนที่มีฝีมือ ครั้นนั้นข้าทุบอิฐจนแตกกระจาย เขานั้นก็ยกมือขึ้นมาป้องกันตัวไว้ตามสัญชาตญาณ ซึ่งไม่ใช่ท่าทางของคนธรรมดาทั่วไป อีกทั้งเจ้าไม่ได้ยินที่เขาพูดหรือว่า เขาพึ่งมาถึงเมืองเยว่ พึ่งไม่ถึงไม่ไปเที่ยวที่สนุกๆ แต่มาไหว้วัดเจ้าแม่กวนอิมเก่าๆ โทรมๆ อีกทั้งยังคุ้นเคยกับข้างหลังวัดอีก"
ซูหนานอีส่ายหน้าไปมา "เขายังถามถึงหญ้าไฟวิญญาณของท่านหมอหูเทวดา ถึงอย่างไรคนผู้นี้มีปัญหาแน่"
"ข้าจะไปตามสืบ" เซี่ยหล่านม่านตาปิดลงแล้วดื่มชา "จะต้องมีเบาะแสร่องรอยอยู่แน่"
"แท้จริงแล้วไม่ยากเลย" ซูหนานอีเผยสายตาอาฆาตออกมา "เจ้าลืมไปแล้วหรือว่า ยังมีซือหยวนยังอยู่"
เซี่ยหล่านตบไปที่ขาของตัวเอง "ใช่แล้ว แซ่หลิวยังไม่ทราบว่าลู่ซือหยวนยังมีชีวิตอยู่ ให้ซือหยวนได้เจอกับเขา"
ซูหนานอีเคาะนิ้วเบาๆ ลงบนมุมโต๊ะ "ข้าขอคิดก่อน จะทำอย่างไรให้เขาเจอซือหยวนโดยคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญ"
เซี่ยหล่านตอบรับอย่างรวดเร็ว "ได้ ขอจะรอข่าวจากเจ้า เจ้าคิดดีแล้วเรามาตกลงกันก็พอ"
ทั้งสองแยกย้ายกันออกไป เสี่ยวเถายืนรออยู่ที่ข้ารถม้า พอเห็นนางก็รีบเดินเข้ามาหา กำลังจะก้าวขึ้นรถม้าก็ได้ยินเสียงคนร้องเรียก "เหนียงจื่อ!"
ซูหนานอีเงยหน้าขึ้นมองอย่างรู้สึกแปลกใจ ก็มองเห็นหยุนจิ่งวิ่งมาจากอีกฝั่ง หน้าผากชุ่มไปด้วยเหงื่อ มุมปากยังเปื้อนเศษขนม ด้านหลังยังมีคนติดตามที่วิ่งตามมาจนหอบ
"จิ่งเอ้อร์ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร" ซูหนานอีมองชุดเขาที่ตอนนี้เปียกไปด้วยเหงื่อ ก็รู้สึกสงสาร "รีบขึ้นไปบนรถเถอะ จะได้เย็นสบาย"
"ข้าไม่กลัว" หยุนจิ่ง
ตบไปที่จานอาหาร นัยย์ตายิ้มมองไปที่ซูหนานอี "เหนียงจื่อ ข้ามาส่งของอร่อยให้เจ้า เดินมาถึงทางนี้ก็อยากจะซื้อขนมน้ำตาลให้เจ้า แต่ข้าหาร้านหายังไงก็ไม่เจอ ร้านขนมน้ำตาลสักร้านก็ไม่มี"
"โอ๊ะ ร้านเดียวก็ไม่มีเลยหรือ" ซูหนานอีถามอย่างแปลกใจ
"ใช่แล้ว ข้าวิ่งหาหลายที่แล้ว ข้ายังให้พวกเขาไปหาทางนั้น" หยุนจิ่งชี้ไปทางข้ารับใช้ที่อยู่ด้านหลังเขา
"ใช่ขอรับ คุณหนูซู ข้าน้อยไปหาแล้ว ไม่มีคนขายขนมน้ำตาลแม้แต่คนเดียวเลย"
ซูหนานอีนึกขึ้นได้ทันทีว่าวันนั้นนางซื้อขนมน้ำตาลให้กับหยุนจิ่ง และหยุนจิ่งปฏิเสธที่จะให้กับกู้ซีเฉินที่ถามอยากได้ขนมน้ำตาล……ซูหนานอีถึงกับตัวเย็นเยือก ใจของเขาช่างแคบนั้น เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยก็โกรธกริ้วพาลไปลงกับคนขายขนมน้ำตาลอย่างนั้นหรือ
"เหนียงจื่อ เจ้าเป็นอะไรไป" หยุนจิ่งที่กำลังมองหน้านางอยู่ "หรือว่าเจ้าไม่ดีใจแล้ว"
"ไม่ใช่หรอก" ซุหนานอีเรียกสติกลับคืนมา "จิ่งเอ้อร์คงไม่รู้ว่า ตอนนี้อากาศร้อนแล้ว คนขายน้ำตาลอาจจะเกรงว่ายังไม่ทันขายได้หมดขนมน้ำตาลก็คงละลายหมดก่อน ดังนั้น รอให้ถึงฤดูหนาวค่อยมาซื้อ"
"จริงหรือ" หยุนจิ่งเปลี่ยนจากเศร้าเป็นอารมณ์ดีขึ้นมาทันที
"อืม" ซูหนานอีพยักหน้า "ไปเถอะ พวกเราขึ้นไปบนรถม้ากัน"
"ได้" หยุนจิ่งที่ถือจานขนมอยู่ มืออีกข้างก็พยุงซูหนานอี "เหนียงจื่อ ขนมที่อยู่ในกล่องนี้อร่อยมาก ข้าตั้งใจซื้อมาให้เจ้าเลย"
"จริงหรือ จิ่งเอ้อร์ใจดีเหลือเกิน เป็นอะไรหรือ" ซูหนานอีถามอย่างอยากรู้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ