ร่องรอยความเจ็บปวดรางๆปรากฏในนัยน์ตาของลั่วชิงเหยียน. สายตาจับจ้องไปยังเด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้า พร้อมริมฝีปากที่ซีดเผือด
หยุนชางคิดว่าร่างของเด็กน้อยคงจะดูอ่อนแอและตัวเล็กจนเกินไป ลั่วชิงเหยียนจึงกลัวว่าตนเองจะอุ้มไม่อยู่ นางจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา พร้อมเอ่ยวาจาหยอกล้อออกมาว่า "ผู้คนล้วนกล่าวว่า ไม่มีสิ่งใดที่รุ่ยอ๋องไม่สามารถทำได้ ไม่คิดว่า ท่านอ๋องจะกลัวบุตรของตนเองจนหน้าตาซีดเผือดถึงเพียงนี้ หากเล่าเรื่องนี้ให้ผู้ใดฟัง คงไม่มีผู้ใดเชื่อหรอกเพคะ "
ลั่วชิงเหยียนก้มหน้าลง ภายในใจครุ่นคิดว่า โชดดีแล้วที่นางไม่รู้อะไร เมื่อไม่รู้จึงจะได้ไม่ต้องเสียใจ
"เขายังเด็กเกินไป"ลั่วชิงเหยียนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา "เด็กผู้ชายร่างกายอ่อนปวกเปียกเช่นนี้ไม่ดีอย่างยิ่ง เจ้าตามใจเขามากเกินไปแล้ว หากเขาอายุครบร้อยวันเมื่อใด ค่อยนำมาให้ข้า! รอจนโตกว่านี้เสียหน่อย ข้าจักพาเขาไปฝึกในค่ายทหาร"
บางที หากมิอยู่ด้วยกันในทุกๆวัน รอจนความรู้สึกจืดจางลงไป เมื่อรู้เรื่องแล้ว คงจะมิได้เสียใจมากนัก
"เขาอ่อนปวกเปียกที่ใดกัน ? "หยุนชางพ่นลมหายใจออกมาเล็กน้อย พร้อมรีบเข้าไปอุ้มเด็กทารกเข้ามาในอ้อมกอดของตนเอง "เขายังเล็กถึงเพียงนี้ จะไปฝึกอะไรกันเพคะ? พ่อของเจ้านิสัยเสียจริง ใช่หรือไม่?"หยุนชางพลางจับมือของเป่าเอ๋อร์ขึ้นมา พร้อมโบกมือไปมาต่อหน้าลั่วชิงเหยียน "เป่าเอ๋อร์แข็งแรงถึงเพียงนี้. ต่อไปก็จะสามารถปกป้องท่านแม่และท่านพ่อได้ ใช่หรือไม่"
ลั่วชิงเหยียนมิได้เอ่ยอันใดออกมา. พลางลุกขึ้นยืน พร้อมกล่าวขึ้นมาว่า "ข้าจะกลับไปห้องตำราก่อนข้ายังสะสางสมุดบัญชีเล่มเล็กของวันนี้ไม่แล้วเสร็จ"
หยุนชางพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมจับมือของเป่าเอ๋อร์ขึ้นมา แล้วโบกไปมาเล็กน้อย "ท่านพ่อ ลาก่อน"
ลั่วชิงเหยียนแย้มยิ้มเล็กน้อย พลันหันหลังเดินออกจากห้องไป เมื่อเขาเดินออกจากประตูไปแล้วนั้น ใบหน้าที่แย้มยิ้มอยู่เมื่อครู่ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าขาวซีดทันที
ในสองวันที่ผ่านมา ได้ยินมาว่า จวนรุ่ยอ๋องได้รับของของขวัญต้อนรับสมาชิกใหม่จากผู้คนที่มาอวยพรไม่ขาดสาย. ลั่วชิงเหยียนได้แต่นั่งรั้งรออยู่ในจวน หากมีคนสำคัญมาพบหน้าก็จะให้เข้าพบ หากผู้อื่นที่มิได้สนิทชิดเชื้อนัก ก็จะปฏิเสธไป
หยุนชางได้แต่นั่งอยู่ในห้องเพื่ออยู่เดือน มีเพียงแค่เฉี่ยนยิน เฉี่ยนซุ่ยและอี้เหรินเท่านั้นที่ได้พบหน้า
เดือนแปดวันที่สิบสี่ เหลืออีกเพียงหนึ่งวัน ก็จะเป็นเทศกาลวันไหว้พระจันทร์เสียแล้ว. หากแต่ท้องพระโรงกลับแตกตื่นด้วยพระบรมราชโองการของเซี่ยหวนอวี่ที่ยังมิได้กลับมาที่พระราชวัง
หลิวเหวินอันเป็นผู้ถือสารพระบรมราชโองการมาด้วยตนเอง เนื่องจากลั่วชิงเหยียนมิได้ไปว่าราชกิจ. หลิวเหวินอันจึงใช้เวลายามว่าราชกิจในยามเช้า มาประกาศพระบรมราชโองการ. พร้อมทั้งถือพระบรมราชโองการไปยังจวนรุ่ยอ๋อง
แม้กระทั่งผู้ที่ต้องอยู่เดือนอย่างหยุนชาง ยังต้องรีบร้อนหาเสื้อผ้าอาภรณ์มาสวมใส่ให้เป็นที่เรียบร้อย เพื่อลงจากเรือนมารับพระบรมราชโองการ สีหน้าของหลิวเหวินอันที่นั่งดื่มชาอยู่บนเก้าอี้เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นสาวใช้พยุงหยุนชางเดินลงมาจากเรือนนั้น เมื่อรอจนหยุนชางสวมหมวกคลุมใบหน้าเสร็จ จึงลุกขึ้นยืนป่าวประกาศพระบรมราชโองการขึ้นมา
"เมื่อครั้งแต่โบราณกาล มีตำแหน่งจักรพรรดิสูงเทียมฟ้า. ช่วยปกป้องแคว้นเซี่ยยาวนานมา
ร่วมก่อตั้งราชวงศ์เพื่อสืบสาน. เป็นตัวหลักค้ำจุ้นของแคว้นมา เพื่อรวบรวมแผ่นดินเป็นปึกแผ่น ให้แน่นแฟ้นไร้ศัตรูบุกเข้าหา. รุ่งอรุณในยามเช้าใกล้เข้ามา เจิ้นจักมอบตำแหน่งต่อทายาทโดยชอบธรรม ขอบรรพบุรุษบรรพกาลโปรดจงรับ ร่วมเฉลิมฉลองให้กับ. ผู้ยิ่งใหญ่
บุตรองค์โตของข้าเซี่ยชิงเหยียน ความสามารถเก่งกล้าไร้ผู้ใดคอยเทียบเคียง. จึงแต่งตั้งองค์รัชทายาทราชพิธีนี้ขึ้นมา เพื่อเชิญชวนราษฏรร่วมแซ้ซ้อง. ร่วมบอกเล่าไปทั่วหล้า นภาเอย"
เมื่อประกาศพระบรมราชโองการจบแล้ว. เสียงภายในห้องพลันเงียสงัดไปครู่หนึ่ง ลั่วชิงเหยียนพลันขมวดคิ้วลง สีหน้าของหยุนชางเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
เมื่อหลิวเหวินอันได้กวาดสายมองสีหน้าผู้คนนั้น จึงส่งเสียงหัวเราะออกมาเตือนว่า "องค์รัชทายาทพะยะค่ะ. ท่านยังมิได้รับพระบรมราชโองการจากฝ่าบาทเลย"
ใจของหยุนชางเต้นรัวขึ้นมาทันควัน. พลันแอบหยิกเนื้อตนเองเบาๆ จึงรู้สึกเจ็บเป็นอย่างมาก พลางกล่าวกับตนเองว่านี่มิใช่ฝัน แม้แต่คำเรียกขานของหลิวเหวินอันก็แปรเปลี่ยนไป. เป็นเรื่องที่แน่ชัดแล้ว. ว่านี่มิใช่เรื่องล้อเล่นเป็นแน่ หากแต่การประกาศพระราชโองการในครั้งนี้ ฉุกละหุกเสีย จนผู้คนมิรู้ว่าจะปฏิบัติตนเช่นไรออกมาดี
"ขอฝ่าบาท ทรงพระเจริญพะยะค่ะ " ลั่วชิงเหยียนพลันโค้งคำนับหนึ่งครั้ง พร้อมกับโค้งตัวยกมือขึ้นมาโค้งคำนับ
หลิวเหวินอันพลันส่งรอยยิ้มออกมา พร้อมทั้งนำพระบรมราชโองการใบนั้นยื่นส่งให้ในมือของลั่วชิงเหยียน ผู้คนทั้งหลายจึงรีบร้อนก้มลง ส่งเสียงร้องออกมาว่า "ฝ่าบาททรงพระเจริญ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง