"พี่ไคล์...วันนี้พี่ทิชา เจ๊ใบไม้ และผู้ชายคนนึงมาหา คานะที่ร้าน"
ผมที่กำลังดึงเข็มขัดรัด หันมองคานะตกใจ...แลนด์มาเหนื่อยๆได้ยินอะไรแบบนี้โคตรชื่นใจเลยว่ะ ยัยป้าไปหาคานะถึงร้าน มันต้องมีอะไรแน่นอน
"ยัยป้าไปหาคานะเหรอ? คานะอย่าโกหกพี่นะ"" ผมรีบถามเพื่อความชัวร์
"ใช่ แต่คนที่ถามหาพี่ไคล์..คือพี่ทิชา เจ๊ใบไม้ไม่ได้ถามอะไรหรอก "
"อืม ถามหาพี่ทำไม? แล้ว..ยัยป้าว่าไงบ้าง?"
"ก่อนอื่น..คานะต้องถามพี่ไคล์ก่อน ทำไมพี่ไคล์จีบพี่น้ำปั่นคะ? ชอบพี่น้ำปั่นเหรอ?"
ผมนิ่งเมื่อเจอคำถามนั้น ไม่รู้สิ..ผมจีบทำไม เหมือนผมหลอกตัวเอง ว่าผม..ต้องการผู้หญิงแบบนั้น ผู้หญิงที่ผมกลับจากทำงานเหนื่อยๆเธอยิ้มหวานๆต้อนรับ ผู้หญิงที่ส่งยิ้มให้กำลังใจก่อนผมเหินฟ้า..ไปอยู่ท่ามกลางความตึงเครียดที่ผมต้องรับผิดชอบอีกหลายๆชีวิต
เพราะทุกครั้งที่ผมเร่งเครื่องยนต์ดันคันโยกขึ้นสู่ท้องฟ้า อายตนะทั้งหกในร่างกายจะถูกปลุกให้ตื่นตัว เพื่อพร้อมกับสถานการณ์ฉุกเฉินตลอดเวลา ที่ผมหวังว่า..มันจะไม่มีอะไรผิดพลาดหลังจากนี้ และผมไม่อยากให้้มันเป็นฝันร้ายของใครหลายๆคนบนเครื่อง
ผมจึงคิดว่า..รอยยิ้มและคำพูดหวานๆมันเป็นกำลังใจที่ดี ที่จะส่งผมเผชิญกับเรื่องแบบนี้ได้
แต่ไม่ใช่...หลังจากที่ผมปฏิเสธยัยป้าไป ต่อให้เจอผู้หญิงสวยๆที่ไหนยิ้มให้ ผมก็ไม่เคยรู้สึกดีเลย
ผมกลับรู้สึกดีและมีความสุข...ที่ได้อยู่กับผู้หญิงหน้านิ่งๆที่ยิ้มไม่เป็นคนนี้คนเดียว ตลกว่ะ..
"พี่ไคล์เงียบแบบนี้..คานะก็รู้แล้วค่ะ และเหตุผลที่พี่ไคล์ปฎิเสธเจ๊ใบคานะเข้าใจนะ..ว่าเจ๊แกนิ่งไป แต่รู้ไหมตอนที่พี่ไคล์ชอบกับเจ๊แก พี่ไคล์มีความสุขกว่านี้อีก"
"......."
"ยังไม่รู้เหรอคะ ว่าจริงๆแล้ว..ตัวเองชอบเจ๊ใบเพราะความนิ่ง"
ผมเงยหน้าขึ้น มองตรงไปที่ถนนทันที ถ้าตัดปัญหาเรื่องงานออกไป มันจริงว่ะ..ผมกลัวแค่ตัวเองจะเครียด กลัวแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว แต่ที่ผ่านมา..ผมแลนด์เสร็จผมก็รีบไปแกล้งยัยป้า ตอนนั้นที่ผมเหนื่อยๆมา..ผมหายเป็นปลิดทิ้งเลย ถึงยัยป้าเธอจะไม่ยิ้ม..จะนิ่งใส่ผมก็ตาม
มันต่างจากตอนนี้..ที่ผมกลับมาห้อง นอนโง่ๆ ไม่รู้จะทำเชี่ยอะไร ใครยิ้มให้ก็แค่นั้น ไม่ได้ทำให้หัวใจพองโตหรือรู้สึกอะไรเลย
"เฮ้อ! สงสัยพี่ต้องจีบยัยป้าจริงจังแล้วคานะ.." ผมพูดเบาๆทั้งที่ตามองถนน และสมองก็คิดทบทวน คิดว่าจะเอาไงดี
จนคานะขับรถมาถึงบ้าน ตอนนี้ตีสามกว่าๆแล้วแต่ห้องโถงยังคงเปิดไฟสว่าง และหน้าประตูบ้าน..ก็มีแม่ผมยืนถือไม้แขวนเสื้อรออยู่
"พี่ไคล์โดนแน่^^" คานะชี้ผมแล้วหัวเราะ ก่อนจะลงจากรถแล้วอ้อมไปดึงกระเป๋าลงให้ พอผมรับกระเป๋าจากคานะจะเดินเข้าบ้านไป ไม่ทันไรแม่ก็รีบยืนขวางประตู
"ตังค์ไม่พอใช้รึไง!? ถึงบินจนตัวเองสภาพแบบนี้!"
พ่อที่ยืนข้างหลัง..ท่านสวมชุดนอนและขยับแว่นตามองผมด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะเดินไปเดินมาเงียบๆไม่ให้แม่รู้ ตามเดิม..ท่านคงหาจังหวะช่วยผมอยู่
"ไคล์! ตอบ! แม่ถามได้ยินมั้ย!?"
"ผมเครียด ผมต้องบิน ผมจะได้ไม่ฟุ้งซ่านครับ"
"ถ้าเครียดและจิตตก..ดิ่งหัวเครื่องบินลงพื้น คนอื่นจะทำไงห้ะ! เครียดก็หยุดบินแล้วแก้ปัญหา! อย่าให้แม่ต้องตีนะ โตแล้ว!"
ผมมองหน้าแม่ที่กัดฟันกรอดๆยกไม้แขวนเสื้อขึ้น หึ..แม่ขู่ไปงั้นแหละ ท่านไม่เคยตีผมหรอก และพอแม่เผลอ...พ่อก็จะรีบแย่งไม้แขวนเสื้อไปโยนทิ้งทุกที ไม่ก็ถูกแม่ตีแทน
เหมือนตอนนี้ที่พ่อผมแย่งไม้แขวนเสื้อไปได้แล้ว และท่านก็รีบยกมันขึ้นสูงๆ แล้วกวักมือเรียกผมเข้าบ้าน
"ไคล์ เข้าบ้านลูก!!!"
"หมอ!! เอามา มันใช่เรื่องไหม?! สวยดุลูกอยู่นะ!! "
"มันหมดยุคเอาไม้แขวนเสื้อขู่ลูกแล้วสวย ลูกแก่แล้ว ฮ่าๆ"
พ่อหัวเราะลั่น..พลางชูไม้แขวนเสื้อสูงขึ้นอีก จนแม่ผมที่ตัวเล็กๆ ท่านไม่สามารถเขย่งแย่งกลับมาได้ จนสุดท้ายท่านฟึดฟัดใส่พ่ออย่างรำคาญ แล้วเดินไปนั่งกอดอกที่โซฟา..จิกตาใส่ผมแทน
ที่แม่เรียกพ่อผมว่า 'หมอ' ใช่พ่อผมเป็นหมอ..ท่านเป็นหมอสูติ และอาชีพนักบินที่ผมทำอยู่ก็คือ..อาชีพที่พ่อผมฝันตั้งแต่เด็กๆแต่ท่านไม่สามารถเป็นได้ ท่านโดนปู่บังคับให้เรียนหมอ ผมจึงสานฝันให้พ่อต่อ..จนถึงทุกวันนี้
"ไคล์! กับใบไม้จะเอาไง ป้ากิ่งบอกแม่ว่า..โนหมั้น โนแต่ง โนๆๆๆ เพราะใบไม้ไม่ได้ชอบลูกแล้ว! เกลียดด้วย!"
"อันหลังแม่ใส่เอง..ถูกมะ=_=" คานะหันไปถามแทนผม
"ใช่! แต่ป้ากิ่งไม่พูด..แม่ก็รู้ มีอย่างที่ไหนชอบกันอยู่และไปปฏิเสธแบบนั้น สรุปชอบจริงมั้ยไคล์?! ไม่มีสมองเหมือนพ่อแกเลย เดี๋ยวได้น้ำตาเช็ดหัวเข่า" พ่อผมสะดุ้งเบาๆก่อนจะเดินหาวขึ้นบันไดไป เรื่องนี้พ่อผมบอกไว้ว่าจะไม่ยุ่ง ไม่ใช่เรื่องของผู้ชายสายวิชาการอย่างพ่อ
ผมจึงวางกระเป๋า..แล้วเดินไปนั่งกับแม่ ดึกป่านนี้ไม่หลับไม่นอน คือรอด่าผมจริงจังใช่ไหมวะ?
"ที่ปฏิเสธ..เพราะผมพยายามมานาน พยายามทำให้ยัยป้ายิ้มและแสดงความรู้สึกจริงๆออกมา แต่ผม..ทำไม่ได้ ตอนนั้นผมกลัวกระทบเรื่องงานยาวไปถึงอนาคต แต่ตอนนี้...ไม่แล้วครับ ผมรู้แล้ว..ว่าผมชอบยัยป้าเพราะอะไร และอะไรทำให้ผมมีกำลังใจทำงานทุกไฟลท์ เอ่อ...แม่ไปคุยกับป้ากิ่งให้หน่อยได้ไหมครับ"
แม่หันมามองผมอย่างรำคาญ แถมถอนหายใจเสียงดังด้วย
"เฮ้อ!! อะไรอี๊กกก!! คุยอะไรอีก!"
"ผมอยากหมั้นกับยัยป้าแล้วแม่ ไปขอเลยก็ได้ ไปเถอะนะ แม่คุยกับป้ากิ่งให้หน่อยนะครับ นะๆ" คานะได้ยินผมพูดแบบนั้นก็เบะปากใส่ทันที ก่อนที่จะเดินมานั่งตรงข้ามทำอ่านนิตยสารไปเงียบๆ
แต่แม่ผมนี่สิ..ท่านเหมือนควันออกหู และจะดึงหูผมแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Final Call ประกาศครั้งสุดท้าย... อย่าท้าทายกัปตัน