Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 565

สรุปบท ตอนที่ 565 ฉีเทียนต้าเซิ่งซุนหงอคง: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

อ่านสรุป ตอนที่ 565 ฉีเทียนต้าเซิ่งซุนหงอคง จาก Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 565 ฉีเทียนต้าเซิ่งซุนหงอคง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายการเงิน Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

สุภาพสตรี​สวม​แว่นตา​อายุ​อา​นาม​ประมาณ​ห้าสิบ​ปี​ท่าน​นี้​มีชื่อว่า​หมิง​หลาน​

เธอ​คือ​ผู้รับผิดชอบ​อย่าง​เป็นทางการ​ของ​ฝ่ายบริหาร​วรรณกรรม​แฟนตาซี​ สมาคม​วรรณศิลป์​

โดยทั่วไป​เธอ​มัก​เป็นเจ้าภาพ​ใน​การ​จัดกิจกรรม​ทางการ​ใน​วงการ​นิยาย​แฟนตาซี​

ในเวลานี้​ หมิง​หลาน​พลิก​อ่าน​บท​แรก​ของ​การ​เดินทาง​สู่ประจิม​ทิศ​

ชื่อ​บท​ทำให้​เธอ​เลิกคิ้ว​เล็กน้อย​ ‘จิตวิญญาณ​ฟูมฟัก​จุดเริ่มต้น​ริน​ไหล​ บำเพ็ญ​เพียร​จาก​ใจก่อกำเนิด​มรรคา​’

‘พิศดู​สรรพสัตว์​เชิดชู​จรรยา​ กำเนิด​สรรพสิ่ง​ใน​โลกา​ ใคร่รู้​ความเป็นมา​ โปรด​อ่าน​ตำนาน​การ​เดินทาง​สู่ประจิม​ทิศ​’

ตำนาน​การ​เดินทาง​สู่ประจิม​ทิศ​

นี่​คล้าย​กับ​เป็น​ชื่อ​ใน​ภาษาโบราณ​

ส่วน​ ‘บันทึก​การ​เดินทาง​สู่ประจิม​ทิศ​’ คือ​ชื่อ​ของ​ฉบับ​ทั่วไป​

ทำไม​ต้อง​แบ่ง​เป็น​สอง​ฉบับ​ด้วย​

หมิง​หลาน​อ่าน​ต่อไป​ด้วย​ความสงสัย​

“เล่าขาน​กัน​ว่า​โลกธาตุ​เคลื่อน​ นับ​หนึ่ง​แสน​สอง​หมื่น​เก้า​พันหกร้อย​ปี​เป็นหนึ่ง​กัป​ หนึ่ง​กัป​แบ่ง​เป็น​สิบสอง​กิ่ง​ปฐพี​ จื่อ​ โฉ่ว​ อิ๋น​ เห​ม่า เฉิน​ ซื่อ​ อู่​ เว่ย​ เจี่ย​ โหย​ว​ ซวี​ ไฮ่ ทุก​บรรจบ​กาล​นับ​หนึ่ง​หมื่น​แปด​ร้อย​ปี​ นับ​หนึ่ง​วัน​เริ่มต้น​ ยาม​จื่อ​พลัง​หยาง​สั่งสม ผ่านพ้น​ไก่​ขัน​แจ้งยาม​โฉ่ว​ ยาม​อิ๋น​สิ้น​แสงลับ​ ยาม​เห​ม่าสุริยัน​ฉาย​ หลัง​ยาม​เฉิน​เวลา​ภักษาหาร​ ยาม​ซื่อ​รวมกลุ่ม​เล่น​สนุก​ ยาม​อู่​ตะ​วันลอย​สูงเหนือ​เกศา​ เริ่ม​คล้อย​สู่ประจิม​ทิศ​ยาม​เว่ย​​ ยาม​เจี่ย​ย่าง​สู่สนธยา​ลับตา​ยาม​โหย​ว​ สิ้น​แสงอัสดง​ยาม​ซ​วี​ ผู้คน​ผ่อนคลาย​กา​ยา​ยาม​ไฮ่ อันว่า​โลก​คือ​วัฏจักร​ ครั้น​ถึงยาม​ซวี​จัก​ดับสูญ​​ สรรพสิ่ง​ทั้ง​ฟ้าดิน​สิ้นสลาย​…”

ลำพัง​วรรค​แรก​ หมิง​หลาน​ก็​มั่นใจ​เหลือเกิน​ว่า​

ฉบับ​ภาษาโบราณ​ ไม่เหมาะกับ​คน​ทั่วไป​

มาตรฐาน​ใน​การ​อ่าน​สูงเหลือเกิน​

หลาย​คน​ไม่มีแนวคิด​เกี่ยวกับ​อักขระ​จื่อ​ โ​ฉ่ว​ อิ๋น​ เห​ม่าอะไร​เทือก​นี้​อย่าง​ชัดเจน​ด้วยซ้ำ​ไป​

รู้​เพียง​ว่า​นี่​คือ​ช่วงเวลา​ที่​แตก​ต่างกัน​

ยิ่ง​ไม่ต้อง​เอ่ยถึง​ประโยค​อย่าง​ ‘อันว่า​โลก​คือ​วัฏจักร​ ครั้น​ถึงยาม​ซวี​จัก​ดับสูญ​​ สรรพสิ่ง​ทั่ว​ฟ้าดิน​สิ้นสลาย​’

ทว่า​หมิง​หลาน​อ่าน​ต่อไป​ กลับ​ยิ่ง​ตื่นเต้น​!

ภาษาโบราณ​ ถึงขั้น​ยก​การ​ใช้กลวิธี​ของ​ภาษาเขียน​โบราณ​มาใส่ไว้​เช่นกัน​

ความสำเร็จ​ด้าน​วรรณคดี​คลาสสิก​ของ​ฉู่ขวง​น่ากลัว​เหลือเกิน​ น่ากลัว​เสีย​จน​นักเขียน​วรรณกรรม​แฟนตาซี​กว่า​ร้อยละ​เก้า​สิบ​ตาม​เขา​ไม่ทัน​!

นอกจากนั้น​

ใน​หนังสือ​ยังมี​บทกวี​แฝงอยู่​มากมาย​

ยกตัวอย่างเช่น​คำบรรยาย​ภาพ​ของ​ถ้ำน้ำตก​เขา​ฮวา​กั่ว​

‘มีที่​หลบ​ยาม​ลม​โหม​ พิรุณ​โถมเร่ง​เร้น​กาย​ หิมะ​หนาว​มิหวั่นไหว​ สดับ​คลาย​เสียง​อัสนี​’

‘ผืน​ม่าน​แผ่น​หมอก​เรืองรอง​ หมู่​เมฆพ้อง​ส่องรัศมี​ ทิวสน​ทน​แรมปี​ มวล​มาลี​มิรู้วาย​’

บทกวี​ที่​คล้ายคลึง​กัน​ยังมี​อีก​มาก​

และ​ท่ามกลาง​ลูกเล่น​มากมาย​ เรื่องราว​ของ​การ​กำเนิด​ซุน​หงอ​คง​ก็​ปรากฏ​แก่​สายตา​

เป็น​วานร​หิน​ตัว​หนึ่ง​

หลังจาก​ขึ้น​เป็น​พญา​วานร​โสภาแห่ง​เขา​ฮวา​กั่ว​ กลับ​มีใจแสวงหา​มรรคา​

เขา​เดิน​ทางข้าม​มหาสมุทร​ ผ่าน​อุปสรรค​และ​ภยันตราย​ มาพบ​กับ​พระ​อาจารย์​ผู่​ถี เข้าสู่​เขา​ฟางชุ่นห​ลิง​ไถ และ​ถ้ำพระจันทร์​เสี้ยว​

‘แรกเริ่ม​ไร้​นาม​ใน​ความโกลาหล​ ฟันฝ่า​พ้น​ความว่างเปล่า​จัก​ตื่น​รู้​’

พระ​อาจารย์​ผู่​ถีตั้งชื่อ​ให้​พญา​วานร​โสภา

ซุน​! หงอ​! คง​! [1]

บท​ที่หนึ่ง​จบ​ลง​ด้วยประการฉะนี้​

หมิง​หลาน​อ่าน​ช้ามาก​ ช้าจน​แทบ​อ่าน​คำต่อคำ​ เมื่อ​อ่าน​จบ​บรรพ​ที่หนึ่ง​ แววตา​ของ​เธอ​ประหนึ่ง​มีเกลียวคลื่น​ซัด​เป็น​ระลอก​

อันที่จริง​อารัมภบท​ของ​เรื่อง​นี้​ช่างเรียบง่าย​

แต่​สำนวน​ภาษานั้น​มีชั้นเชิง​ ลำพัง​เนื้อหา​บท​แรก​ ล้วน​เป็นการ​เลือก​ใช้คำ​ที่​ประณีต​!

ใน​นั้น​มีบทกวี​บาง​บท​ที่​ตราตรึงใจ​หมิง​หลาน​

‘ขุนเขา​ไร้​วัน​คืน​ ไม่รู้​กล้ำกลืน​มากี่​เหมันต์​!’

‘มอง​คน​เดินหมาก​ กระดาน​เก่า​คร่ำคร่า​ เห็น​ซาก​ไม้กอง​ นึกได้​ว่า​มีฟืน​ต้อง​ผ่า​ ทอดน่อง​ริม​หุบเขา​ ตาม​เงาหมู่​เมฆา ขาย​ฟืน​แลก​สุรา​ หัวร่อ​เสียงดัง​ จิต​พลัน​หรรษา​ สารท​สูงขอบฟ้า​คราม​ นิทรา​ข้าม​แสงจันทรา​ พิง​พัก​บน​ราก​สน​ ตื่น​ยาม​สุริยน​ลับตา​ จดจำ​ผืนป่า​เก่า​ ปีน​สันเขา​ป่าย​หน้าผา​ คว้า​ขวาน​ตัด​เถา เหี่ยวเฉา​โรยรา​’[1]

“…”

ไม่เพียง​มีคุณค่า​ทาง​วรรณกรรม​

ลำพัง​เนื้อ​เรื่องสั้น​ๆ ยัง​ประกอบ​ไป​ด้วย​ประกอบด้วย​บทสวดมนต์​ต้นฉบับ​จาก​ลัทธิ​เต๋า​ และ​มีแม้แต่​บทสวดมนต์​ของ​ลัทธิ​เต๋า​บางส่วน​ซึ่งไม่ใช่ต้นฉบับ​!

ออกแบบ​ได้​อย่าง​รอบคอบ​!

โลกทัศน์​ยิ่งใหญ่​เหลือเกิน​!

เคลื่อนไหว​ราว​มีชีวิต​ มหากาพย์​อัน​ยิ่งใหญ่​ เริ่มต้น​ ณ บัดนี้​

การ​อ่าน​ยังคง​ดำเนินต่อไป​

……

ด้าน​ข้าง​หมิง​หลาน​คือ​หัวหน้า​ชาย​คน​หนึ่ง​ใน​สมาคม​วรรณศิลป์​ เขา​มีนาม​ว่า​ฉือ​รุ่ย​ เป็น​รองหัวหน้า​ฝ่ายบริหาร​วรรณกรรม​แฟนตาซี​

ฉือ​รุ่น​อ่าน​การ​เดินทาง​สู่ประจิม​ทิศ​ฉบับ​ทั่วไป​

ไม่รู้​ว่า​ตั้งแต่​เมื่อไหร่​ ชาย​ผู้​ทรงอำนาจ​คน​นี้​ใบหน้า​และ​ใบ​หู​แดงก่ำ​ ร่างกาย​ของ​เขา​สั่น​เล็กน้อย​!

เมื่อ​ตัวอักษร​บรรยาย​เรื่องราว​

เบื้องหน้า​ของ​เขา​ ราวกับ​ปรากฏ​ภาพ​ของ​จิตวิญญาณ​ผู้​กล้า​…

ซุน​หงอ​คง​ได้รับ​เสาค้ำ​มหาสมุทร​!

บุก​ยมโลก​และ​แก้​สมุด​ความเป็นความตาย​!

สรรพสัตว์​สวามิภักดิ์​ ลบ​ชื่อ​พวกพ้อง​ใน​ยมโลก​[2]!

ฉือ​รุ่ย​เอ่ย​เสียง​เบา​ สีหน้า​จริงจัง​อย่าง​ที่​ไม่เคย​เป็นมา​ก่อน​

ทันใดนั้น​ คนอื่นๆ​ ต่าง​ก็​วาง​นิยาย​ลง​

ทั้ง​ห้องประชุม​ตก​อยู่​ใน​ความ​เงียบงัน​

ได้ยิน​แม้แต่​เสียง​เข็ม​หล่น​

จนกระทั่ง​หมิง​หลาน​กระแอม​อีกครั้ง​ ทุกคน​จึงมองหน้า​กัน​ ต่าง​คน​ต่าง​แสดงความคิดเห็น​

“หลิน​เยวียน​มีคุณสมบัติ​เพียง​พอที่จะ​มานั่ง​กับ​พวกเรา​ตรงนี้​ เพื่อ​ปรึกษา​ว่า​ใคร​จะเป็น​เทพ​สูงสุด​ใน​ปี​นี้​”

“นิยาย​เรื่อง​นี้​มีทั้ง​ความ​เป็น​วรรณกรรม​และ​การบรรยาย​เรื่องราว​ เมื่อ​อ่าน​เปรียบเทียบ​กัน​ทั้งสอง​ฉบับ​แล้ว​ทึ่ง​จริงๆ​ ”

“นี่​ไม่ใช่นิยาย​แฟนตาซี​อีกต่อไป​แล้ว​”

“ฉู่ขวง​ทำลาย​ขีดจำกัด​ของ​นิยาย​แฟนตาซี​ด้วย​พลัง​ของ​ตัวเอง​”

“นิยาย​เรื่อง​นี้​มีความยิ่งใหญ่​ของ​เรื่อง​บรรพกาล​สูงมาก​ แต่​ไม่ว่า​จะเป็น​ความประณีต​ของ​สำนวน​ภาษาหรือ​โครงเรื่อง​ซึ่งผู้เขียน​วาง​ไว้​ ล้วน​เหนือกว่า​ผลงาน​แนว​เทพ​ปกรณัม​ที่​สืบทอด​กัน​มานาน​หลาย​ปี​”

“นี่​คือ​สิ่งที่​เทพ​ปกรณัม​ควรจะเป็น​!”

“จินตนาการ​แปลกใหม่​ มีทั้ง​บน​ปฐพี​และ​สวรรค์​ ฝีมือ​เหนือ​ชั้น​ นับ​ได้​ว่า​แตะ​ถึงจุดสูงสุด​ ที่​สำคัญ​คือ​บุคลิก​ของ​ตัวละคร​หลัก​นั้น​แตกต่าง​ หลุด​จาก​รสชาติ​ที่​พบเห็น​ได้​ทั่วไป​ใน​นิยาย​แฟนตาซี​ ฉัน​คิด​ว่า​สมาคม​วรรณศิลป์​ควร​ดำเนินการ​โปรโมต​เรื่อง​นี้​”

“…”

เสียงดัง​ขึ้น​เป็น​ระลอก​ ทั้ง​ยัง​เปี่ยม​ไป​ด้วย​ความประหลาดใจ​

พูด​จบ​ ทุกคน​ต่าง​มอง​ไป​ยัง​หมิง​หลาน​

หมิง​หลาน​ยิ้ม​ขื่น​ “​ฉัน​ไม่กล้า​ประเมิน​นิยาย​เรื่อง​นี้​ง่ายๆ​ รอ​ให้​อ่าน​จบ​ทั้งสอง​ฉบับ​แล้ว​ค่อย​ว่า​กัน​ แต่​ถ้าจะให้​ฉัน​เจาะจงถึงความรู้สึก​ ของ​ตัวเอง​ตอน​อ่าน​นิยาย​เรื่อง​นี้​ ฉัน​รู้สึก​ราวกับว่า​กำลัง​อ่าน​นวนิยาย​ชิ้นเอก​ของ​บลู​สตาร์​”

นวนิยาย​ชิ้นเอก​!

ผู้คน​ต่าง​ตกตะลึง​ ทว่า​หลังจาก​เงียบ​อยู่​สักพัก​ ทั้ง​ห้องประชุม​ก็​ไม่มีใคร​โต้แย้ง​

นิยาย​เรื่อง​นี้​สอดแทรก​ความรู้​เกี่ยวกับ​ศาสนา​ สำนวน​ภาษาแฝงอุปมาอุปไมย​ ผู้​ที่นั่ง​อยู่​ใน​ห้องประชุม​ล้วน​มองออก​ เพราะฉะนั้น​พวกเขา​จึงสัมผัส​ได้​ถึงความงดงาม​ของ​นิยาย​เรื่อง​นี้​ได้​อย่าง​แจ่มชัด​…

ฉู่ขวง​คน​นี้​

สะ! เทือน​! โล​! กา​!

[1] ซุน​หงอ​คง​ หรือ​ ‘ซุน​อู้​คง​’ ใน​ภาษาจีนกลาง​ เป็น​ชื่อ​ซึ่งพระ​อาจารย์​ผู่​ถีตั้ง​ให้​วานร​หิน​ โดย​คำ​ว่า​ ‘ซุน​’ ซึ่งเป็น​แซ่ มาจาก​คำ​ว่า​ ‘หู​ซุน​’ ซึ่งหมายถึง​วานร​ ส่วน​ ‘อู้​ (หงอ​)’ นั้น​หมายถึง​ตื่น​รู้​ และ​ ‘คง​ (คง)’​ หมายถึง​ความว่างเปล่า​ ดังนั้น​ ‘อู้​คง​ (หงอ​คง​)’ จึงหมายถึง​ตื่น​รู้​ใน​ความว่างเปล่า​

[2] สรรพสัตว์​สวามิภักดิ์​ ลบ​ชื่อ​พวกพ้อง​ใน​ยมโลก​ กล่าวถึง​หลังจาก​ซุน​หงอ​คง​ได้รับ​เสาค้ำ​มหาสมุทร​จาก​วัง​บาดาล​มาเป็น​อาวุธ​ และ​ตั้ง​ชื่อว่า​ ‘กระบอง​ทอง​สารพัด​นึก​’ เหล่า​สัตว์ประหลาด​ทั่วทุกสารทิศ​ทั้ง​ใน​ท้องทะเล​และ​บน​ภูเขา​ต่าง​ยอม​สวามิภักดิ์​ บุก​อาละวาด​ไป​ทั่ว​ ทั้ง​ยัง​ลบ​รายชื่อ​ของ​ตน​และ​เพื่อน​พ้อง​วานร​ออกจาก​สมุด​ความตาย​ และ​กลายเป็น​อมตะ​​ จน​เหยียน​หลัว​อ๋อง​จาก​ยมโลก​และ​ตง​ไห่​หลง​อ๋อง​จาก​วัง​บาดาล​ต้อง​ไป​ร้องทุกข์​ต่อ​เง็ก​เซียน​ฮ่องเต้​

[3] เทพ​จวี้ห​ลิง​ เป็น​เทพ​แห่ง​แม่น้ำ​องค์​หนึ่ง​ซึ่งมีร่างกาย​ขนาดใหญ่​และ​มีพละกำลัง​มหาศาล​

[4] ขุนพล​สรรค์​ผู้​ถือ​เจดีย์​ (ห​ลี่​จิ้ง) หรือ​ที่​รู้จัก​ในนาม​ ‘ทัวถ่าห​ลี่​เทียน​อ๋อง​’ เป็น​ขุนพล​ของ​เง็ก​เซียน​ฮ่องเต้​ และ​เป็น​บิดา​ของ​นา​จา มีอาวุธ​หลัก​คือ​เจดีย์​​ซึ่งใช้สำหรับ​ขัง​วิญญาณ​

[5] เทพ​เอ้อร์​หลา​ง (หยาง​เจี่ยน)​ หรือ​ที่​รู้จัก​กัน​ใน​ฐานะ​ ‘เทพ​สามตา​’ เป็น​ขุนพล​ฝีมือดี​ และ​มีศักดิ์​เป็น​หลาน​ของ​เง็ก​เซียน​ฮ่องเต้​

[6] วิ​ชาตา​ไฟเนตร​ทองคำ​ ทำให้​เห็น​ร่าง​ที่​แท้จริง​ของ​คน​และ​ปีศาจ​

[7] จักรพรรดิ​ผลัดกัน​เป็น​ ปีหน้า​เห็น​จัก​ต้อง​มาบ้าน​ข้า​ เป็น​คำพูด​ของ​ซุน​หงอ​คง​ขณะ​ต่อสู้​ขณะ​อาละวาด​บน​วัง​วรรค์​ เปรียบเปรย​ว่า​ใครๆ​ ก็​ขึ้น​เป็น​เง็ก​เซียน​ฮ่องเต้​ได้​

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน