สุภาพสตรีสวมแว่นตาอายุอานามประมาณห้าสิบปีท่านนี้มีชื่อว่าหมิงหลาน
เธอคือผู้รับผิดชอบอย่างเป็นทางการของฝ่ายบริหารวรรณกรรมแฟนตาซี สมาคมวรรณศิลป์
โดยทั่วไปเธอมักเป็นเจ้าภาพในการจัดกิจกรรมทางการในวงการนิยายแฟนตาซี
ในเวลานี้ หมิงหลานพลิกอ่านบทแรกของการเดินทางสู่ประจิมทิศ
ชื่อบททำให้เธอเลิกคิ้วเล็กน้อย ‘จิตวิญญาณฟูมฟักจุดเริ่มต้นรินไหล บำเพ็ญเพียรจากใจก่อกำเนิดมรรคา’
‘พิศดูสรรพสัตว์เชิดชูจรรยา กำเนิดสรรพสิ่งในโลกา ใคร่รู้ความเป็นมา โปรดอ่านตำนานการเดินทางสู่ประจิมทิศ’
ตำนานการเดินทางสู่ประจิมทิศ
นี่คล้ายกับเป็นชื่อในภาษาโบราณ
ส่วน ‘บันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศ’ คือชื่อของฉบับทั่วไป
ทำไมต้องแบ่งเป็นสองฉบับด้วย
หมิงหลานอ่านต่อไปด้วยความสงสัย
“เล่าขานกันว่าโลกธาตุเคลื่อน นับหนึ่งแสนสองหมื่นเก้าพันหกร้อยปีเป็นหนึ่งกัป หนึ่งกัปแบ่งเป็นสิบสองกิ่งปฐพี จื่อ โฉ่ว อิ๋น เหม่า เฉิน ซื่อ อู่ เว่ย เจี่ย โหยว ซวี ไฮ่ ทุกบรรจบกาลนับหนึ่งหมื่นแปดร้อยปี นับหนึ่งวันเริ่มต้น ยามจื่อพลังหยางสั่งสม ผ่านพ้นไก่ขันแจ้งยามโฉ่ว ยามอิ๋นสิ้นแสงลับ ยามเหม่าสุริยันฉาย หลังยามเฉินเวลาภักษาหาร ยามซื่อรวมกลุ่มเล่นสนุก ยามอู่ตะวันลอยสูงเหนือเกศา เริ่มคล้อยสู่ประจิมทิศยามเว่ย ยามเจี่ยย่างสู่สนธยาลับตายามโหยว สิ้นแสงอัสดงยามซวี ผู้คนผ่อนคลายกายายามไฮ่ อันว่าโลกคือวัฏจักร ครั้นถึงยามซวีจักดับสูญ สรรพสิ่งทั้งฟ้าดินสิ้นสลาย…”
ลำพังวรรคแรก หมิงหลานก็มั่นใจเหลือเกินว่า
ฉบับภาษาโบราณ ไม่เหมาะกับคนทั่วไป
มาตรฐานในการอ่านสูงเหลือเกิน
หลายคนไม่มีแนวคิดเกี่ยวกับอักขระจื่อ โฉ่ว อิ๋น เหม่าอะไรเทือกนี้อย่างชัดเจนด้วยซ้ำไป
รู้เพียงว่านี่คือช่วงเวลาที่แตกต่างกัน
ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงประโยคอย่าง ‘อันว่าโลกคือวัฏจักร ครั้นถึงยามซวีจักดับสูญ สรรพสิ่งทั่วฟ้าดินสิ้นสลาย’
ทว่าหมิงหลานอ่านต่อไป กลับยิ่งตื่นเต้น!
ภาษาโบราณ ถึงขั้นยกการใช้กลวิธีของภาษาเขียนโบราณมาใส่ไว้เช่นกัน
ความสำเร็จด้านวรรณคดีคลาสสิกของฉู่ขวงน่ากลัวเหลือเกิน น่ากลัวเสียจนนักเขียนวรรณกรรมแฟนตาซีกว่าร้อยละเก้าสิบตามเขาไม่ทัน!
นอกจากนั้น
ในหนังสือยังมีบทกวีแฝงอยู่มากมาย
ยกตัวอย่างเช่นคำบรรยายภาพของถ้ำน้ำตกเขาฮวากั่ว
‘มีที่หลบยามลมโหม พิรุณโถมเร่งเร้นกาย หิมะหนาวมิหวั่นไหว สดับคลายเสียงอัสนี’
‘ผืนม่านแผ่นหมอกเรืองรอง หมู่เมฆพ้องส่องรัศมี ทิวสนทนแรมปี มวลมาลีมิรู้วาย’
บทกวีที่คล้ายคลึงกันยังมีอีกมาก
และท่ามกลางลูกเล่นมากมาย เรื่องราวของการกำเนิดซุนหงอคงก็ปรากฏแก่สายตา
เป็นวานรหินตัวหนึ่ง
หลังจากขึ้นเป็นพญาวานรโสภาแห่งเขาฮวากั่ว กลับมีใจแสวงหามรรคา
เขาเดินทางข้ามมหาสมุทร ผ่านอุปสรรคและภยันตราย มาพบกับพระอาจารย์ผู่ถี เข้าสู่เขาฟางชุ่นหลิงไถ และถ้ำพระจันทร์เสี้ยว
‘แรกเริ่มไร้นามในความโกลาหล ฟันฝ่าพ้นความว่างเปล่าจักตื่นรู้’
พระอาจารย์ผู่ถีตั้งชื่อให้พญาวานรโสภา
ซุน! หงอ! คง! [1]
บทที่หนึ่งจบลงด้วยประการฉะนี้
หมิงหลานอ่านช้ามาก ช้าจนแทบอ่านคำต่อคำ เมื่ออ่านจบบรรพที่หนึ่ง แววตาของเธอประหนึ่งมีเกลียวคลื่นซัดเป็นระลอก
อันที่จริงอารัมภบทของเรื่องนี้ช่างเรียบง่าย
แต่สำนวนภาษานั้นมีชั้นเชิง ลำพังเนื้อหาบทแรก ล้วนเป็นการเลือกใช้คำที่ประณีต!
ในนั้นมีบทกวีบางบทที่ตราตรึงใจหมิงหลาน
‘ขุนเขาไร้วันคืน ไม่รู้กล้ำกลืนมากี่เหมันต์!’
‘มองคนเดินหมาก กระดานเก่าคร่ำคร่า เห็นซากไม้กอง นึกได้ว่ามีฟืนต้องผ่า ทอดน่องริมหุบเขา ตามเงาหมู่เมฆา ขายฟืนแลกสุรา หัวร่อเสียงดัง จิตพลันหรรษา สารทสูงขอบฟ้าคราม นิทราข้ามแสงจันทรา พิงพักบนรากสน ตื่นยามสุริยนลับตา จดจำผืนป่าเก่า ปีนสันเขาป่ายหน้าผา คว้าขวานตัดเถา เหี่ยวเฉาโรยรา’[1]
“…”
ไม่เพียงมีคุณค่าทางวรรณกรรม
ลำพังเนื้อเรื่องสั้นๆ ยังประกอบไปด้วยประกอบด้วยบทสวดมนต์ต้นฉบับจากลัทธิเต๋า และมีแม้แต่บทสวดมนต์ของลัทธิเต๋าบางส่วนซึ่งไม่ใช่ต้นฉบับ!
ออกแบบได้อย่างรอบคอบ!
โลกทัศน์ยิ่งใหญ่เหลือเกิน!
เคลื่อนไหวราวมีชีวิต มหากาพย์อันยิ่งใหญ่ เริ่มต้น ณ บัดนี้
การอ่านยังคงดำเนินต่อไป
……
ด้านข้างหมิงหลานคือหัวหน้าชายคนหนึ่งในสมาคมวรรณศิลป์ เขามีนามว่าฉือรุ่ย เป็นรองหัวหน้าฝ่ายบริหารวรรณกรรมแฟนตาซี
ฉือรุ่นอ่านการเดินทางสู่ประจิมทิศฉบับทั่วไป
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ชายผู้ทรงอำนาจคนนี้ใบหน้าและใบหูแดงก่ำ ร่างกายของเขาสั่นเล็กน้อย!
เมื่อตัวอักษรบรรยายเรื่องราว
เบื้องหน้าของเขา ราวกับปรากฏภาพของจิตวิญญาณผู้กล้า…
ซุนหงอคงได้รับเสาค้ำมหาสมุทร!
บุกยมโลกและแก้สมุดความเป็นความตาย!
สรรพสัตว์สวามิภักดิ์ ลบชื่อพวกพ้องในยมโลก[2]!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน