หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ นิยาย บท 107

สายตาของเขาที่มองมาราวกับจะทะลุร่างกายของฉัน ฉันสั่นสะท้านไปทั้งตัว

เมื่อเห็นว่าฉันไม่ขยับ จู่ๆลู่จือสิงก็ลุกออกจากเตียงของโรงพยาบาลจากนั้นก็เดินเข้ามาหาฉัน เขายกมือขึ้นแตะใบหน้าของฉัน "ซูยุ่น คุณกลัวใช่ไหมว่าคุณยังรัก----"

"เพียะ!"

ฉันโกรธจนตัวสั่นจากนั้นฉันยกมือขึ้นและตบเขา "ลู่จือสิง ผู้ดีเขาต้องรู้จักข้อพกพร่องของตัวเอง ประเมินตัวเองได้ แต่น่าเสียที่คุณไม่มี!"

กล่าวจบ ฉันก็ไม่ได้สนใจเขาอีกและเดินจากมา

วันนี้หิมะกำลังจะละลาย อย่างที่ว่ากันว่าหิมะตก อากาศไม่หนาวก็ละลาย

ฉันยืนอยู่ข้างนอกโรงพยาบาล ดวงอาทิตย์อยู่เหนือศีรษะฉัน แต่กลับไม่เคยรู้สึกหนาวเหน็บเท่านี้มาก่อน

เวลาผ่านไปสองปีแล้ว แต่ลู่จือสิงยังคงไร้จิตสำนึกผิดชอบชั่วดี!

เขาทำได้อย่างไร! พูดประโยคเหล่านั้นออกมาง่ายๆแบบนั้นได้ยังไง!

ฉันคิดว่าหัวใจของฉันจะไม่เจ็บปวดอีกต่อไป แต่ตอนนี้ หัวใจของฉันกลับถูกลู่จือสิงทำร้ายฉีกหัวใจของฉันออกเป็นชิ้นๆอีกครั้ง

เมื่อนึกถึงชั่วโมงที่แล้วที่ฉันยังรู้สึกเสียใจกับเขา ฉันรู้สึกว่าตัวเองนั้นโง่จนเกินกว่าจะเยียวยาได้จริงๆ

ฉันไม่อยากจะอยู่ที่นี่ต่อไปอีกแล้ว ฉันเอื้อมมือโบกรถแท็กซี่แล้วกลับบ้าน

รถขับออกมาไกลมากขึ้นเรื่อยๆ ฉันนึกถึงเรื่องราวของวันนี้เมื่อสองปีก่อนที่อยู่กับลู่จือสิง นึกอย่างไรฉันก็ไม่เข้าใจ มันกลายเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร

"เอ่อน้อง ถึงแล้ว"

คำพูดของคนขับทำให้ฉันกลับมามีสติอีกครั้ง ฉันรีบจ่ายเงินและลงจากรถ ลมหนาวพัดเข้ามายังใบหน้าของฉันและในทันใดนั้นฉันก็ได้สติ

ฉันกำลังคิดอะไร?

นี่ฉันคิดอะไรอยู่!

ฉันอยากจะตบหน้าของตัวเอง จู่ๆเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น

ฉันจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์และพบว่าเป็นสายจากฉีซิ่วหราน

ในช่วงเลานั้นฉันก็ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ ฉันอยู่โรงพยาบาลเป็นเวลาสองชั่วโมง

"ฉีซิ่วหราน?"

"คุณยังอยู่โรงพยาบาลหรือเปล่า?"

ทางด้านนั้นไม่มีเสียงของเป้ยเปย เป้ยเปยอาจจะหลับไปแล้ว

"ฉันอยู่ด้านล่างแล้ว"

หลังจากสแกนนิ้วมือ ฉันก็เข้าไปด้านในและกดลิฟต์ "ฉันกำลังรอลิฟต์อยู่"

ฉีซิ่วหรานไม่ตอบอะไร เขาตอบรับและวางสายไป

ลิฟต์ลงมาในเวลานี้พอดี ฉันก้าวขาและเดินเข้าไป ทันทีที่ฉันเข้าไปฉันเห็นตัวเองสะท้อนอยู่ในผนังลิฟต์ ใบหน้าซีดขาว ผมกระเซอะกระเซิง

ฉันไม่อยากให้ฉีซิ่วหรานเป็นกังวล ฉันจึงจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะเปิดประตูและเข้าไปในบ้าน

"เป้ยเปยหลับแล้วหรือยัง?"

ฉีซิ่วหรานยื่นแก้วน้ำร้อนมาให้ฉัน "หลับแล้ว ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?"

ฉันส่ายหน้าและทำท่าทางผ่อนคลาย "ไม่เป็นอะไร ฉันจะเป็นอะไรได้อย่างไรกัน"

ฉีซิ่วหรานไม่ได้พูดอะไร เขาแค่เพียงจ้องมองมาที่ฉัน

ฉันไม่เข้าใจ ทำไมเขาถึงชอบจ้องมองฉันแบบนี้ สายตานี้ทำให้ฉันรู้สึกร้อนตัวราวกับจะไม่สามารถเก็บความลับอะไรได้เลย และท้ายที่สุดฉันก็ทนไม่ไหว

ในไม่ช้า ฉันก็ละสายตา "คืนนี้อยากทานอะไร?"

"หม้อไฟ ง่ายดี"

ฉันพยักหน้าและฉันนั้นไม่ได้มีอารมณ์ที่อยากจะทำอาหาร เดินเข้าห้องครัว พับแขนเสื้อเพื่อที่จะล้างผัก

ฉีซิ่วหรานเดินเข้ามาเพื่อช่วยฉัน แต่ฉันให้เขาออกไปแต่เขากลับนิ่ง "ลู่จือสิงทำให้ลำบากใจเหรอ?"

ในขณะที่เขากำลังล้างผักกาดเขาก็ถามฉัน

ฉันไม่กล้ามองเขาและหยิบซุปไก่ตุ๋นเมื่อวานออกมา "เปล่า"

"เขาดูเหมือนช่วงนี้เขามักจะอยู่เมืองD"

คำพูดของฉีซิ่วหรานทำให้มือของฉันสั่นและเกือบจะคว่ำถ้วยซุปไก่

ฉันไม่รู้ว่าลู่จือสิงต้องการทำอะไรกันแน่ ความไม่แน่ชัดนี้ทำให้ภายในใจของฉันนั้นรู้สึกไม่ค่อยดีนัก

"ซูยุ่น"

ทันใดนั้นฉีซิ่วหรานได้ยื่นมือออกมาและสัมผัสมือฉัน ฉันตื่นตระหนกและในเวลานั้นก็พบว่าฉันได้ทำน้ำซุปหกออกมาหมดแล้ว

ฉันรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เขาเอื้อมมือมาหยิบหม้อจากมือของฉัน "ให้ผมทำเถอะ คุณไปนั่งพักก่อนดีกว่า"

"ฉีซิ่วหราน ฉัน---"

ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขา เมื่อเห็นความดื้อรั้นในดวงตาของเขาและในตอนนี้เองฉันก็จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ท้ายที่สุดฉันก็พยักหน้าและเดินออกมานั่งบนโซฟา

"ดื่มน้ำอุ่นเสียหน่อย"

ฉันเพิ่งออกมา ฉีซิ่วหรานก็เอาน้ำอุ่นมาให้ฉัน

ฉันเอื้อมมือไปรับ ปลายนิ้วเย็นๆของฉันก็อุ่นขึ้นมาเล็กน้อย "ขอบคุณ"

เขาเหลือบมองฉันจากนั้นก็เข้าไปในห้องครัวเพื่อเตรียมอาหารค่ำ

"ซูยุ่น"

ในขณะที่ฉันกำลังจะปลุกเป้ยเปย ฉีซิ่วหรานก็ได้เรียกฉัน

ฉันเหลือบมองเขาและในที่สุดก็นั่งลงบนโซฟา "คุณต้องการจะพูดอะไร?"

เขาจ้องมองฉันอย่างจริงจัง "ตอนนี้คุณมีความรู้สึกอย่างไรกับลู่จือสิง?"

คำถามของเขาอยู่เหนือความคาดหมายของฉัน คำถามที่เหนือความคาดหมาย มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะตอบ

คงต้องยกมือขึ้นเพื่อปิดหน้าตัว เช่นนี้ ฉันจึงกล้าที่จะตอบคำถามนี้ "รักไม่ได้ ลืมไม่ลง"

ฉันคิดว่าซวี่ชิงหนานจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดอะไร เขาเอื้อมมือมาสัมผัสศีรษะของฉัน "ค่อยๆรักษา"

เขาพูดพลางลุกขึ้น

ฉันเองก็ลุกขึ้นยืนโดยไม่รู้ตัว จ้องมองแผ่นหลังของเขา รู้สึกเหงาเล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ได้

"ฉีซิ่วหราน!"

ฉันอดไม่ได้ที่จะเรียกชื่อเขา

เขาหันกลับมามองฉัน "มีเรื่องอะไร?"

ฉันส่ายหน้าและอยากร้องไห้ "ขอโทษ"

เขาเงียบไปชั่วขณะ "ไม่เป็นไร ดึกแล้ว กลับไปพักผ่อนนะ ฝันดี"

หลังจากพูดจบ เขาก็เปิดประตูและออกไป

หลังจากที่ฉีซิ่วหรานจากไป ในที่สุดฉันก็อดไม่ได้ที่จะกอดตัวเองไว้และร้องไห้ออกมา

เห็นๆกันอยู่ เห็นได้ชัดว่าเขานั้นดีมาก ทำไมฉันกลับไม่รู้สึกอะไรเลย?

บางครั้ง ความรักมันก็เป็นเรื่องแย่จริงๆ

ไม่มีกฎเกณฑ์ ไม่มีเหตุผล

คืนนั้นฉันฝันถึงลู่จือสิง ฉันไม่ได้ฝันถึงเขามานานมากแล้ว ยกเว้นตอนนั้นที่ฉันกลับไปที่เมือง A และมอบสร้อยให้กับเขา

ฉันฝันว่าเขาอยู่ในงานเลี้ยงวันเกิดของพ่อ แต่เขาคุกเข่าลงต่อหน้าฉันเพื่อขอแต่งงานและบอกฉัน : การขอแต่งงานเป็นสิ่งที่ผู้ชายควรทำ

ดังนั้นเขาก็เลยขอฉัน

"ฉันตกลง----"

เมื่อฉันตื่นขึ้นฉันก็รู้ว่ามันเป็นความฝัน

กล่าวได้อีกอย่างว่าไม่ใช่ความฝัน มันคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อน

มันจริงเกินไป แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่ามันเป็นของปลอม ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะเป็นการจัดฉากจากลู่จือสิง

เขาพยายามอย่างเต็มที่ในการแสดง จนฉันไม่รู้สึกเลยว่ามันคือการแสดง

เป้ยเปยที่หลับสนิทอยู่ในเปล แสงอันอบอุ่นก็ส่องมาที่ใบหน้าของเป้ยเปย เขาเติบโตขึ้นทุกวัน ฉันรู้ว่าวันหนึ่งลู่จือสิงอาจจะรู้ว่าเป้ยเปยเป็นลูกของเขา

เมื่อฉันนึกถึงเรื่องนี้ ร่างกายของฉันก็แข็งทื่อ

ฉันมองไปที่เป้ยเปยที่กำลังนอนอยู่ในเปลด้วยความกังวลตลอดเวลา

คำพูดของฉีซิ่วหรานทำให้ฉันระมัดระวังตัว ฉันกลัวว่าฉันจะได้พบกับลู่จือสิงโดยบังเอิญอีก เพื่อเลี่ยงการพบเจอกับลู่จือสิง ฉันจึงออกจากบ้านน้อยครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังหลีกหนีเขาไม่พ้น

เมื่อวันก่อนฉีซิ่วหรานได้ไปทำงานต่างจังหวัด เขาได้ไปยังเมืองหลินเพื่อเข้าร่วมการสัมมนาโครงการ ในฐานะผู้รับผิดชอบหลัก เขาจึงต้องไป

แต่ถึงเวลาที่เป้ยเปยจะต้องฉีดวัคซีนแล้ว ฉันจึงต้องพาเป้ยเปยไปฉีดวัคซีนเพียงคนเดียว

เมืองDช่วงปลายเดือนมีนาคมไม่หนาวมากนัก แต่เด็กเล็กยังคงอ่อนแอ ฉันจึงห่อเป้ยเปยกลมจนคล้ายลูกฟุตบอล

เวลาผ่านไปกว่าครึ่งเดือนแล้วฉันที่พบเจอกับลู่จือสิงในครั้งล่าสุด ครั้งนี้ฉันได้เข้าไปยังโรงพยาบาลอีกครั้ง ภายในใจฉันรู้สึกเศร้าเล็กน้อย

ฉันขึ้นแท็กซี่ออกจากโรงพยาบาล ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่ไม่ได้เจอกับเขา

เป้ยเปยที่เพิ่งได้รับวัคซีน ดวงตากลมโตของเขากำลังจ้องมองผู้คน หัวใจของฉันนั้นอ่อนลงในทันใด

ฉันอุ้มเป้ยเปยลงจากรถ ทันทีที่ฉันเดินไปเพียงสองก้าว ฉันก็ได้ยินเสียงของลู่จือสิงดังมาจากด้านหลัง "ซูยุ่น"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้