หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ นิยาย บท 109

ไม่กลัว

ฉันบอกตัวเองว่าไม่ต้องกลัว แต่เมื่อมองลู่จือสิงที่กำลังสูบบุหรี่และกำลังจ้องมองมาที่ฉันนั้นร่างกายของฉันก็แข็งทื่อไปหมด

ฉันค่อยๆเข็นเป้ยเปยเข้าใกล้เขา ฉันคิดอยากจะหันหลังกลับและวิ่งหนีไป

ภายในใจของฉันนั้นมีความลังเล ทันใดนั้นฉีซิ่วหรายก็ได้เดินนำหน้าฉัน เขาเข้ามาขวางระยะสายตาของฉันและลู่จือสิง

"ซูยุ่น"

ลู่จือสิงเรียกฉัน ฉันเม้มริมฝีปากและพบว่ามือของฉันนั้นเย็นเล็กน้อย

ฉันไม่ได้ตอบเขาและค่อยๆเดินตามฉีซิ่วหรานไป

เป้ยเปยที่อยู่ในรถเข็นเด็ก ดวงตาที่สดใสของเขากำลังจ้องมองฉีซิ่วหราน ฉีซิ่วหรานหยุดเดิน ฉันเองก็หยุดตามเขา

"ประธานลู่ ผมอยากคุยกับคุณ"

น้ำเสียงของลู่จือสิงนั้นหยิ่งผยอง "ผมไม่ได้อยากคุยกับคุณ ผมอยากจะคุยกับซูยุ่น"

บรรยากาศค่อนข้างตึงเครียด ราวกับดาบที่พร้อมจะสู้รบกันตลอดเวลา

ฉันรู้ว่าครั้งนี้ที่ลู่จือสิงมานั้นเขาเตรียมตัวมาอย่างดี ฉันก็รู้ดีว่าไม่สามารถแอบซ่อนมันได้อีกแล้ว ฉันจึงเอื้อมมือไปคว้าฉีซิ่วหราน

ฉีซิ่วหรานหันกลับมามองฉัน เขาขมวดคิ้วแน่น ฉันส่ายหน้าและจ้องมองเขา ท้ายที่สุดเขาก็ถอยหลังออกมาและหลีกทาง

ฉันเงยหน้ามองลู่จือสิง "เดี๋ยวฉันให้เป้ยเปยนอนก่อน"

ลู่จือสิงเหลือบมองฉันจากนั้นก็ก้มหน้าลงไปมองเป้ยเปยที่อยู่ในรถเข็น เขาเงียบไปและไม่ได้พูดอะไร

ความเงียบเพียงไม่นานนั้นสำหรับฉันมันเหมือนกับระยะเวลาที่ผ่านไปนานนับปี ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะผ่านช่วงเวลานี้ไปอย่างไรจนกระทั่งได้ยินเขาพูดว่า "อืม"

และหัวใจที่รู้สึกกดดันของฉันก็ได้ผ่อนคลายลง ไม่ว่าฉันและลู่จือสิงจะเป็นอย่างไร แต่ฉันไม่ชอบให้มีเรื่องอะไรมากระทบกับเป้ยเปย

เมื่อเปิดประตู ฉันก็อุ้มเป้ยเปยเข้าไป มองไปยังลู่จือสิงที่เดินเข้ามา ฉันอ้าปากค้างและสุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร

ตอนนี้ก็เป็นเวลา 23.00 นาฬิกาแล้ว ฉันก็จะชงนมให้เป้ยเปย หลังจากดื่มนมเสร็จแล้วฉันก็อุ้มเขาอยู่ครู่หนึ่งและกล่อมเขาให้หลับ

เป้ยเปยนั้นเลี้ยงง่ายมาก เมื่อดื่มนมเสร็จแล้วเขาก็หลับไป ตราบใดที่เขาไม่หิว เขาก็จะไม่ร้องไห้โวยวาย

ทันทีที่ฉันวางเป้ยเปยลงบนเปล เมื่อฉันลุกขึ้นยืน ฉันก็เห็นลู่จือสิงกำลังยืนอยู่ตรงหน้าประตู

ฉันรู้ว่าเมื่อครู่นั้นเขาเฝ้ามองฉันและเป้ยเปยอยู่ตลอด ไม่สามารถบอกได้อย่างแน่ชัดว่าฉันนั้นรู้สึกอย่างไร ราวกับมีความรู้สึกผิดอย่างไรอย่างนั้น แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาใช้ประโยชน์และหลอกใช้ฉันในช่วงก่อนหน้านี้แล้ว ฉันรู้สึกว่าความรู้สึกผิดที่เกิดขึ้นมานั้นได้หายไปจนหมดสิ้น

ฉันเดินออกมาและปิดประตูห้องนอนจากนั้นมองไปยังลู่จือสิง "คุณอยากคุยอะไร?"

"ฮึ" ลู่จือสิงสบถในลำคอ เขายกมือขึ้นและหยิบกระดาษจากแฟ้มมาให้ฉัน

"ซูยุ่น ผมไปตรวจดีเอ็นเอมาแล้ว เป้ยเปยคือลูกของผม!"

ฉันเพิ่งสังเกตว่าเขาถือแฟ้มเอกสารอยู่ในมือ ผลตรวจความเป็นพ่อนั้นได้วางอยู่ตรงหน้าฉัน ฉันหน้าซีด ฉันกัดฟันแน่นและจ้องมองเขาอย่างเย็นชา "แล้วยังไงเหรอ?"

เขานิ่งงันไปชั่วขณะ เขาคงไม่คาดคิดว่าฉันจะถามเขาแบบนี้

ฉันได้เปรียบเขาและฉันจี้ถามเขา "ลู่จือสิง พวกเราหย่ากันไปนานแล้ว เป้ยเปยเป็นลูกของฉันเท่านั้น"

ทันทีที่เสียงของฉันเบาลง สีหน้าของลู่จือสิงก็เปลี่ยนเป็นดุร้ายในทันที "เขาก็เป็นลูกของผมด้วย!"

เรื่องราวมาถึงวันนี้ ฉันรู้วึกว่ามันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว

ฉันกล่าวอย่างเย็นชา "ประธานลู่ ต้องให้ฉันเตือนสติคุณไหม? คุณเป็นแค่อดีตสามีของฉัน!"

สำหรับคำว่า อดีตสามี ฉันจงใจเน้นการออกเสียง

"ซูยุ่น คุณคลอดเป้ยเปยออกมาโดยไม่บอกกล่าวผม บัญชีแค้นนี้ผมยังไม่จัดการ---"

เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด ฉันก็ตัวสั่นด้วยความโกรธ ฉันก้าวไปเผชิญหน้าเขา "แล้วคุณล่ะ? ลู่จือสิง ในตอนที่คุณใช้ประโยชน์จากฉันเพื่อหุ้นของเฟิงเหิง หลังจากใช้ประโยชน์เสร็จแล้วก็เขี่ยฉันทิ้ง ตอนนี้คุณจะมีหน้ามาพูดเรื่องราวในตอนนั้นกับฉันอยู่อีกเหรอ!"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้