หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ นิยาย บท 117

สรุปบท บทที่ 117 ไม่ใช่อย่างที่เธอคิด: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้

ตอน บทที่ 117 ไม่ใช่อย่างที่เธอคิด จาก หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 117 ไม่ใช่อย่างที่เธอคิด คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายInternet หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ ที่เขียนโดย ชวนฟงซื่อลี่ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ลู่จือสิงหายหน้าไปแปดวันแล้ว และจิตใจของฉันค่อยๆ สงบลง

วันนี้อากาศปรอดโปร่ง ฉันจึงเข็นรถเข็นพาเป้ยเปยลงไปเดินเล่น

ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์แบบนี้ ในชุมชนมีผู้คนจำนวนไม่น้อยออกมาเดินเล่น รวมทั้งยังมีเด็กๆ ออกมาวิ่งเล่นกันมากมาย

เมื่อเป้ยเปยโตขึ้นฉันคิดว่าเขาคงไม่เหงาแน่ๆ

แดดกำลังดีฉันจึงเข็นเป้ยเปยเดินเล่นไปเรื่อยๆ อย่างไม่รีบร้อน

เป้ยเปยมักจะลืมตามองไปรอบๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นสิ่งใหม่ๆ เสมอ

ฉันเดินมาหยุดอยู่หน้าแปลงดอกไม้แปลงหนึ่งเพื่อให้เป้ยเปยได้ดูดอกไม้ แต่ทันใดนั้นก็มีเด็กคนหนึ่งพุ่งตรงมาหาเรา

เด็กคนนั้นวิ่งมาเร็วมากจนเกือบจะชนเข้ากับรถเข็นเด็ก ฉันเอื้อมมือไปขวางไว้โดยอัตโนมัติ แต่เด็กคนนั้นยืนไม่มั่นคงจึงล้มลงไปกับพื้น

ฉันกำลังจะเอื้อมมือไปดึงเด็กน้อยขึ้นมา แต่ทันใดนั้นก็ถูกใครคนหนึ่งผลักเข้าเสียก่อน “เธอผลักเฮ่าเฮ่าของเราทำไม!”

ฉันกลัวเป้ยเปยจะร่วงลงมาจึงไม่กล้าคว้ารถเข็นเด็กเอาไว้เพื่อพยุงตัวขึ้น เมื่อยืนไม่มั่นคงจึงล้มลงไปกองกับพื้น

ทันทีที่เงยหน้าขึ้นไปก็พบกับสายตาที่ดุร้ายของหญิงอายุราวๆ ห้าสิบปีคนหนึ่ง ส่วนเด็กชายคนนั้นก็ร้องไห้ราวกับได้รับบาดเจ็บแสนสาหัส

ฉันอดขมวดคิ้วไม่ได้ พอจะเอ่ยปากอธิบายก็ถูกผู้หญิงคนนั้นผลักอีกครั้ง “เฮ่าเฮ่าของเราหกล้มจนเจ็บ! เธอต้องชดใช้ค่าเสียหาย!”

ฉันเคยได้ยินเรื่องพวกมิจฉาชีพบนถนนมาก่อน แต่ยังไม่เคยเจอพวกมิจฉาชีพกับตัวแบบนี้

ตอนแรกฉันว่าจะขอโทษพวกเขาดีๆ แต่พอหญิงวัยกลางคนคนนี้พูดแบบนี้ฉันก็โกรธขึ้นมา ฉันลุกขึ้นยืนและดึงรถเข็นเด็กมาไว้ด้านหลัง “คุณน้า คุณมีเหตุผลบ้างไหม? ลูกของคุณเกือบจะชนลูกของฉันฉันเลยเอื้อมมือไปหยุดไว้ ทำไมถึงเอาแต่หาว่าฉันผลักเขา? ถ้าไม่เชื่อลองถามลูกคุณดูสิ!”

“เธออย่ามาเถียง ฉันเห็นอยู่ทนโท่ว่าเธอผลักเฮ่าเฮ่าของเรา!”

ปากคอเราะร้ายจริงๆ!

ขนาดวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ มีผู้คนและเด็กๆ ออกมาสนุกสนานกันข้างนอกมากมาย ฉันก็ยังมาเจอเจ้าหล่อนเข้าจนได้

ฉันตั้งใจเข็นรถพาเป้ยเปยไปจากตรงนี้เพราะขี้เกียจเถียง แต่คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนั้นจะยื่นมือมาขวางฉันไว้ “เธอจะไปทั้งอย่างนี้หรือ?”

ฉันหันกลับไปมองอย่างเย็นชา “แล้วถ้าใช่ล่ะ? ฉันไม่ได้ผลักใคร ทำไมถึงจะไปไม่ได้? คุณน้า ที่คุณผลักฉัน ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรคุณเลย!”

“หืม... เธอต่างหาก เธอเป็นคนผลักฉัน!”

เดิมทีหญิงวัยกลางคนคนนั้นถูกฉันต้อนจนไม่มีอะไรจะพูด นึกไม่ถึงว่าเด็กแสบนี่จะพูดกลับขาวเป็นดำหน้าตาเฉย ตอนนี้ฉันโกรธจนตัวสั่น มองตรงไปที่เด็กคนนั้น “เด็กน้อย เธอโกหก ระวังนะ จมูกของเธอจะยาวขึ้นยาวขึ้นเรื่อยๆ! ถ้าเธอไม่พูดความจริง วันพรุ่งนี้จมูกของเธอจะยาวมาก แล้วเด็กคนอื่นๆ ก็จะหัวเราะเยาะเธอ!”

เห็นได้ชัดว่าเด็กคนนี้กลัวคำคู่ของฉันและหยุดร้องทันที เขามองฉันตัวสั่นเทา “จริงเหรอ? จมูกจะยาวขึ้นจริงๆ เหรอ?”

“จริงสิ...”

“เธอหยุดขู่ลูกฉันนะ! เธอเป็นคนผลัก! เธอต้องชดใช้ค่าเสียหาย!”

เป็นอันว่าฉันเข้าใจละ วันนี้หากฉันไม่ “ชดใช้” ค่าเสียหาย ผู้หญิงคนนี้ก็คงไม่มีทางปล่อยฉันไป

แต่ถ้าฉันไม่ชดใช้ซะอย่าง แล้วยังไงล่ะ เธอจะทำอะไรฉันได้!

ฉันเหลือบมองเด็กน้อยนิดหนึ่ง “ระวังล่ะ พรุ่งนี้จมูกเธอจะยาวขึ้น!”

พอฉันพูดจบเด็กชายก็รีบยกมือขึ้นจับจมูกของตัวเองทันที

ชัดเจนเลยว่าเขาโกหก... ผู้ใหญ่ไม่มีความละอาย เด็กก็ถูกสอนมาไม่ดี

ฉันไม่อยากสนใจเรื่องนี้อีกจึงหันหลังเดินออกไป แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับยื่นมือมาดึงตัวฉันไว้

“คุณทำอะไรน่ะ ปล่อยฉัน!”

“เธอผลักเฮ่าเฮ่าของเราล้ม จะหนีไปง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไง”

“ฉันไม่ได้ผลักลูกของคุณ ฉันจะพูดอีกครั้ง ปล่อยฉัน!”

“ถ้าเธอไม่ชดใช้ก็ห้ามไปไหน!”

แม้จะไม่อยากคุยกับเขา แต่ที่เขาพูดมันก็ถูก... มือของฉันยังเข็นเป้ยเปยอยู่

ท้ายที่สุดฉันก็ค่อยเดินช้าลง เพียงไม่กี่ก้าวเขาก็ไล่ตามมาทัน “ช่วงนี้ที่บริษัทมีเรื่องยุ่งๆ นิดหน่อย”

ฉันบอกออกไปอย่างไร้อารมณ์ “ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน”

ฉันคิดว่าเขาจะพูดอะไรสักอย่างแต่เขากลับเงียบ

เมื่อมาถึงชั้นล่างของบ้าน ฉันจึงเปิดประตูนิรภัยเข้าไปที่โถงทางเดิน

ฉันไม่ได้ปิดประตูเหมือนครั้งก่อนเพราะถึงอย่างไรลู่จือสิงก็ใช้ลายนิ้วมือของเขาแสกนเข้ามาได้

ตลอดทางเข้าไปที่ลิฟต์ ทั้งเขาและฉันไม่มีใครพูดอะไรเลยสักคำ

จนกระทั่งมาถึงประตูบ้านของฉัน ลู่จือสิงที่อยู่ข้างๆ ฉันก็พูดขึ้นว่า “ซูยุ่น เรื่องโทรศัพท์วันนั้นมันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะ”

ฉันเงยหน้ามองเขาและคิดว่ามันตลกดี “ฉันคิดว่ายังไงเหรอ?”

เขายกมือขึ้นจรดระหว่างคิ้วคล้ายกับว่าเหนื่อยเต็มกำลัง “ซูยุ่น ฉันบอกแล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเฉินฮวนเหยียนไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด ไม่ใช่แบบนั้น... ที่โทรมาวันนั้นก็เพราะว่าเกิดเรื่องนิดหน่อย และสายจากเฉินฮวนเหยียนก็ไม่ใช่แค่เรื่องเล็กๆ”

ฉันหัวเราะอย่างเย็นชา “ใช่สิ มีบางอย่างเกิดขึ้นเกี่ยวกับเฉินฮวนเหยียน”

เขาเถียงไม่ออก “ใช่ มันเกี่ยวกับเธอ”

ฉันมีสีหน้าเย็นชา “ถึงบ้านฉันแล้ว ฉันไม่ต้อนรับคุณ คุณห้ามเข้ามา”

ฉันพูดพลางเข็นเป้ยเปยเข้าไปแล้วปิดประตูตามหลัง

เดิมทีฉันคิดว่าลู่จือสิงจะบุกเข้ามาเหมือนครั้งก่อน แต่คราวนี้เขาแค่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูไม่ได้ขยับไปไหน

ฉันแค่คิดว่ามันแปลกๆ แต่พอนึกถึงสิ่งที่เคยพูดไปก่อนหน้านี้ ฉันจึงบังคับตัวเองว่าไม่ต้องไปสนใจเขาอีก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้