บแทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่เขาพูด ฉันมองลู่จือสิงและรู้สึกว่าในหัวมีแต่ความว่างเปล่า สงสัยว่าสิ่งที่ได้ยินนั้นเป็นเพียงความฝันหรือเปล่า
เมื่อเห็นว่าฉันไม่พูดอะไร ลู่จือสิงจึงเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “ซูยุ่น ฉันขอโทษนะ ที่ปล่อยให้เธอต้องดูแลเป้ยเปยด้วยตัวคนเดียวมานานขนาดนี้”
คำพูดของเขาทำให้น้ำตาที่ฉันอดกลั้นมานานหลั่งไหลออกมา ฉันมองเขาอย่างว่างเปล่าและคิดว่าตอนนี้ฉันควรจะด่าเขาไปสักที
แม้ว่าฉันจะพูดไม่เก่ง แต่ไม่ได้แปลว่าฉันจะด่าใครไม่เป็น ก่อนหน้านี้ฉันยังเคยด่าลู่จือสิงจนเขาทำอะไรไม่ถูก แต่ว่าตอนนี้... ฉันกลับด่าไม่ออกเลยสักคำ...
“อย่าร้องนะ ซูยุ่น”
เขายกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้ฉัน ดวงตาสีเข้มตรงหน้าเต็มไปด้วยความรักใคร่ผูกพัน
ใบหน้าของลู่จือสิ่งขยับใกล้เข้ามาทุกที ฉันตระหนักดีว่าเขากำลังจะทำอะไรและก็รู้ด้วยว่าฉันควรผลักเขาออกไป แต่ว่าไม่รู้ทำไมสองมือของฉันจึงเหมือนถูกยึดเอาไว้จนยกไม่ขึ้น ขยับไม่ได้ ผลักออกก็ไม่ได้...
ทว่าขณะที่กำลังจะจูบฉัน จู่ๆ หน้าจอโทรศัพท์ของเขาก็มีสายเรียกเข้า
เราทั้งคู่ผละออกจากกันอย่างตกใจ ฉันได้สติและรีบผลักเขาออก สายตาเหลือบไปเห็นชื่อคนที่โทรมาบนหน้าจอโทรศัพท์ของเขา
“เฉินฮวนเหยียน” ตัวหนังสือสามตัวนี้เป็นดั่งเข็มเงินสามเล่มปักเข้ามาในดวงตาของฉัน
ฉันมองลู่จือสิงและรู้สึกเย็นเยียบไปทั้งตัว
ลู่จือสิงไม่ได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของฉัน เขาขมวดคิ้วมองโทรศัพท์อย่างเคร่งขรึม สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเมื่อเห็นหมายเลขที่โทรมา
ท่าทีที่เปลี่ยนไปของเขาไม่ต่างอะไรจากฝ่ามือที่ฟาดลงมาบนหน้าฉันอย่างต่อเนื่อง
นึกไม่ถึงเลยว่าฉันเพิ่งจะเชื่อเรื่องโกหกของเขา!
ซูยุ่น เธอมันโง่จริงๆ!
“ฮัลโหล”
เขาเหลือบมองฉันนิดหนึ่ง ขณะที่ฉันหยิบทิชชูขึ้นซับน้ำตา
ไม่รู้ว่าเฉินฮวนเหยียนพูดอะไร แต่ลู่จือสิงตอบไปว่า “ฉันรู้แล้ว” จากนั้นก็วางสาย
“ซูยุ่น...”
ฉันปรับอารมณ์ได้แล้วและมองเขาอย่างเฉยเมย “คุณยังอยากกินข้าวเที่ยงอยู่ไหม”
ลู่จือสิงคงไม่เข้าใจว่าทำไมท่าทีของฉันจึงเปลี่ยนไปเร็วขนาดนี้ เขาขมวดคิ้ว “จะสั่งมาหรือ?”
“เปล่า ถ้าคุณไม่กิน คุณก็กลับไปซะ”
“เธอ...”
"ออกไป!"
ฉันชี้นิ้วไปที่ประตู เขามองฉันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลุกเดินจากไปโดยที่ไม่พูดอะไรเลย
ปึ้ง! ฉันได้ยินเสียงประตูปิดลง
ฉันรู้ว่าลู่จือสิงจากไปแล้ว ภายในห้องขนาด 80 ตารางเมตรนี้เหลือเพียงแค่ฉันกับเป้ยเปย
เป้ยเปยกำลังหลับ ทำให้ภายในห้องเงียบสงัดเสียจนเกือบทำฉันหายใจไม่ออก
เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ ฉันก็อยากจะยกมือขึ้นมาพัดสักทีสองที
ซูยุ่นนะซูยุ่น... ทำไมเธอถึงโง่แบบนี้ สองปีก่อนเธอถูกเขาหลอกยังไง ผ่านมาแล้วสองปีก็ยังปล่อยให้เขาหลอกได้ง่ายๆ เหมือนเดิม
ถ้าไม่ใช่เพราะเฉินฮวนเหยียนโทรมา ฉันคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองให้อภัยลู่จือสิงได้อย่างง่ายดายขนาดนี้
ฉันยกมือขึ้นดึงผมทั้งสองข้างของตัวเอง ตัดสินใจว่าถ้าเจอลู่จือสิงอีกครั้ง ฉันจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเขาอีกต่อไป!
แต่ว่าหลังจากที่ลู่จือสิงจากไป หลายวันต่อมาฉันก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย ฉันเองก็ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกของตัวเองอย่างไร ฉันควรจะดีใจที่เป็นแบบนี้ แต่ทำไมฉันกลับไม่มีความสุขเลยสักนิด
เมื่อฉีซิ่วหรานมาหาฉันในตอนเย็น เขามองแว๊บเดียวก็รู้ทันทีว่าฉันอารมณ์ไม่ดี
“ลู่จือสิงมาหาเธอหรือ?”
แม้จะรู้ว่าเขาไม่รู้ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นระหว่างฉันกับลู่จือสิง แต่เมื่อได้ยินเขาพูดถึงลู่จือสิงฉันก็รู้สึกอายเหลือเกิน จึงทำเพียงแค่เม้มริมฝีปากโดยไม่ตอบรับใดๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้