“ซูยุ่น เธอคิดดีแล้วรึยัง ?”
“ฉันคิดดีแล้ว”
“ในเมื่อเธอคิดดีแล้ว ก็ไปเถอะ วันระมืนฉันถึงกลับ ถ้าหากเธอมีเรื่องอะไรก็ติดต่อเซียวหลิงหราน ช่วงนี้เขาอยู่ที่เมืองA”
เซียวหลิงหรานเป็นเพื่อนของฉีซิ่วหราน บางครั้งเซียวหลิงหรานก็มาหาฉีซิ่วหรานที่บ้านของฉัน ไปๆมาๆ ฉันกับเซียวหลิงหรานก็กลายเป็นเพื่อนกัน
“ฉันรู้แล้ว เธอรีบนอนเถอะ ตอนนี้ที่นั่นคงจะดึกมากแล้ว?”
“อืม ฝันดี”
หลังจากวางสาย ฉันก็กลับมาดูเป้ยเปยที่ห้องสักพัก คิดไปคิดมา ฉันก็โทรศัพท์ไปหาชวี่ชิงหนาน
หลังจากอธิบายกับชวี่ชิงหนาน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่ง:“พรุ่งนี้คุณขึ้นเครื่องกี่โมง ? ”
“สิบเอ็ดโมงกว่า”
“ฉันจะให้คนไปรับคุณ ตอนนี้ตระกูลลู่วุ่นวายนิดหน่อย จงฮุ่ยหรานไม่ใช่คนใจเย็น ยังไงก็ต้องระวังตัวหน่อย”
คำพูดของชวี่ชิงหนานทำให้ฉันเกิดความลังเลขึ้นมา:“พี่ชาย ตระกูลชวี่ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ฉันอยากพาเป้ยเปยกลับไป จะมีอันตรายอะไรรึเปล่า ?”
“เรื่องเป็นมายังไงฉันก็ไม่ค่อยรู้ รู้แค่ว่าเมื่อสองเดือนก่อนมีบางอย่างเกิดขึ้นในงานหมั้นของลู่จือสิงและเฉินฮวนเหยียน มันเป็นเรื่องภายในตระกูลลู่ แต่คุณไม่ต้องกังวล ฉันจะส่งคนไปตามดู ไม่ว่าจะพูดยังไง ลู่เว่ยกั๋วก็คือปู่ของเป้ยเปย ไปเยี่ยมดูหน่อยก็ดีนะ ”
เมื่อได้ยินชวี่ชิงหนานพูดแบบนี้ ฉันก็ไม่ลังเลอีกต่อไป:“อืม ฉันรู้แล้ว วันพรุ่งนี้ประมาณบ่ายโมงฉันจะถึงเมือง A”
ฉันคิดถึงคำพูดของจงฮุ่ยหรานอยู่สองวันถึงตัดสินใจพาเป้ยเปยกลับมาที่เมือง A ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ชอบจงฮุ่ยหราน แต่ไม่ว่ายังไง เป้ยเปยก็เป็นหลานของตระกูลลู่ ตอนนี้ลู่เว่ยกั๋วนอนป่วยอยู่บนเตียง บางทีอาจจะไม่มีวันนั้นเลยก็ได้ ถ้าหากเป็นเพราะฉันทำให้เป้ยเปยไม่ได้เห็นปู่ของเธอ ก็คงน่าเสียดายแย่
ในชีวิตฉันนี้มีความเสียใจมากเกินไปแล้ว ฉันไม่อยากให้เป้ยเปยเติบโตมาท่ามกลางความเสียใจ
เพราะว่าพรุ่งนี้ฉันต้องขึ้นเครื่อง ไม่ถึงสี่ทุ่มฉันก็เข้านอนแล้ว
ตอนนี้เป้ยเปยสามารถนอนหลับไปจนถึงเช้าวันพรุ่งนี้ ฟ้ายังไม่ทันสว่าง เป้ยเปยก็ตื่นแล้ว
ฉันเก็บของเสร็จก็ได้เวลาไปสนามบินแล้ว ฉันอุ้มเป้ยเปยลงไปเพื่อจะไปสนามบิน
เที่ยวบินนี้ใช้เวลาบินสองชั่วโมง เมื่อเครื่องลงเลขาของชวี่ชิงหนานก็โทรศัพท์มา
ตามปกติแล้วฉันไม่สามารถกลับไปนอนที่ตระกูลลู่ได้ ครั้งนี้ที่มาก็เพื่อที่จะให้ลู่เว่ยกั๋วได้เจอกับเป้ยเปย และฉันก็ไม่อยากไปพักที่ตระกูลชวี่ด้วย
ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตระกูลลู่เป็นยังไงบ้าง แต่ฉันไม่อยากใตระกูลชวี่เข้ามาเกี่ยวข้อง
“คุณซู สองวันนี้ประธานชวี่ค่อยข้างยุ่ง ถ้าหากคุณต้องการอะไรสามารถติดต่อฉันได้ นี่เป็นช่องทางติดต่อทั้งหมดของฉัน”
ฉันเอื้อมมือไปหยิบนามบัตร และยิ้มขอบคุณ:“ขอบคุณค่ะ เลขาฟาง”
ฟางหลินยิ้ม “เป็นสิ่งที่ฉันควรทำค่ะ”
ตอนนี้เป้ยเปยหิว อ้าปากและร้องไห้ ฉันไม่มีเวลาจะขอบคุณฟางหลินแล้ว จึงทำได้เพียงมองหน้าเขาอย่างเขินอาย:“ขอโทษนะคะ เด็กๆหิวง่าย”
“คุณซูเกรงใจเกินไปแล้ว เป้ยเปยน่ารักมากค่ะ”
ไม่มีแม่คนไหนเมื่อได้ยินคนอื่นชมลูกตัวเองแล้วจะไม่มีความสุข ฉันก็มีความสุขมาก
ฟางหลินทำทุกอย่างรอบคอบมาก เธอรู้ว่าฉันเอาลูกมาด้วย ทุกมุมของคอนโดพื้นพรมที่อยู่บนพื้นของตกแต่งในบ้านถูกนำออกไปให้เยอะที่สุด
นอกจากนี้ยังมีกล่องขนาดใหญ่ ด้านในใส่ของเล่นเด็กไว้
เด็กเล็กอยากรู้อยากเห็นทุกอย่าง ตอนนี้เป้ยเปยสามารถเดินและส่งเสียงได้ ตอนนี้เห็นของเล่นใหม่ก็ลืมแม่คนนี้ไปเลย
เด็กเล็กอยากรู้อยากเห็นทุกอย่าง ตอนนี้เป้ยเปยสามารถเดินและส่งเสียงได้ ตอนนี้เห็นของเล่นใหม่ก็ลืมแม่คนนี้ไปเลย
เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จ ฉันก็ออกไปโทรหาจงฮุ่ยหรานพลางมองเป้ยเปยไปด้วย
เธอรับอย่างรวดเร็ว เหมือนว่ากำลังรอโทรศัพท์ของฉัน “ ซูยุ่น? ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้