ฉันรู้สึกได้ถึงตอนที่ริมฝีปากของเขาหยุดลงมาอยู่บนริมฝีปากของฉัน ช่วงเวลาฉับพลันนั้นเสียงโทรศัพท์มือของฉันก็ร้องดังขึ้นมา ฉันได้สติกลับมา ใช้มือผลักเขาออกไป: “ฉันไปรับสายโทรศัพท์ค่ะ”
พูดจบ ฉันก็หยิบโทรศัพท์มือถือหมุนตัวเดินตรงเข้าไปในห้องรับแขก
ชวี่ชิงหนานเป็นคนโทรเข้ามา ฉันยืนอยู่ริมหน้าต่าง สูดลมหายใจเข้าลึกๆหลายๆครั้ง หลังจากที่ทำให้ความรู้สึกกลับมาเป็นปกติ ก็ยกมือกดปุ่มรับสาย:“ฮัลโหล?”
“ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนครับ?”
ฉันรู้ว่าอาจจะเป็นฟางหลินที่เอาเรื่องที่พึ่งจะเกิดขึ้นไปบอกกับเขา ดังนั้นฉันจึงไม่ได้ปิดบัง: “ลู่จือสิงพาฉันมาอยู่ที่คอนโดแห่งหนึ่ง เขาบอกกับฉันว่าสองสามวันนี้ไม่อาจจะกลับเมืองDได้ และยังไม่ควรออกไปไหน สองสามวันนี้ให้ฉันกับเป้ยเปยพักอยู่ที่คอนโดไปก่อน
ชวี่ชิงหนานที่อยู่ในสายโทรศัพท์เงียบไม่พูดไม่จาอยู่ครู่หนึ่ง ผ่านไปสักพัก เขาจึงจะเริ่มเปิดปากพูด: “วันนี้คุณไม่ได้รับบาดเจ็บใช่ไหมครับ?”
“ไม่เป็นไรค่ะ ลู่จือสิงเขารับรู้ได้เร็วมาก ฉันกับเป้ยเปยจึงไม่ได้รับบาดเจ็บค่ะ”
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้วครับ ในเมื่อเขาพูดแบบนั้น งั้นคุณก็พักอยู่ที่นั้นไปก่อน ถ้าหากว่าคุณไม่เต็มใจ ผมจะกลับไปรับคุณ”
ฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำตัวเองกับเป้ยเปยถึงถูกคนจับตามองได้ ไม่อยากให้ชวี่ชิงหนานเข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องนี้ ดังนั้นจึงไม่ได้ตอบรับ: “ฉันไม่เป็นไรค่ะ ฉันอยู่ที่นี้ก็ดีแล้วค่ะ รอให้ข่าวลือผ่านไป ฉันจะรีบกลับเมืองDทันทีค่ะ”
“อืม ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่าลืมโทรศัพท์มาบอกผมนะครับ”
“ฉันรู้แล้วค่ะ”
หลังจากวางสายโทรศัพท์ ฉันพบว่าลู่จือสิงยังไม่กลับไป
เขากำลังดูดบุหรี่ ฉันหันหน้ากลับไป ก็เห็นเขากำลังพ่นควันออกมา
มองทะลุผ่านควัน เห็นดวงตาของเขาคู่นั้นจ้องมองมาที่ฉัน: “ชวี่ชิงหนานโทรศัพท์เข้ามา?”
ฉันพยักหน้าเบาเบา ไม่ได้พูดอะไร
“เหอะ”เขาเยาะเย้ย หลังจากนั้นนำบุหรี่ขยี้ดับไฟ: “ผมกลับก่อน มีอะไรเรื่องอะไร ก็โทรศัพท์มาหาผม”
“อืม”
จริงๆแล้วฉันไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี พูดเพียงประโยคนั้น
ก่อนที่ลู่จือสิงจะไปเขามองมาที่ฉัน ดวงตาคู่นั้น มองแล้วทำให้ในใจของฉันกระตุกเล็กน้อย
“ซูยุ่น”
เดินมาถึงหน้าประตู ช่วงเวลาฉับพลันนั้นก็เรียกให้ฉันหยุด
ฉันชะงักไปเล็กน้อย มองไปที่เขา: “ยังมีเรื่องอะไรอีกเหรอคะ?”
“คุณกลับมาเมืองAครั้งนี้ มีสักนิดไหม ที่เป็นเพราะว่าผม?”
เขามองมาที่ฉัน สายตาที่มองมาอย่างจริงจัง ราวกับเปลวไฟ ที่ต้องการแผดเผาฉัน
“ไม่มีค่ะ”
ฉันรู้ว่าทำไมเขาถามเช่นนี้ แต่ฉันมาก็ที่นี้เป็นเพราะว่าท่านลู่เว่ยกั๋วจริงๆ
ลู่จือสิงได้ยินคำพูดของฉัน ในช่วงเวลาฉับพลันนั้นดวงตาสีดำคู่นั้นก็มืดครึ้มลงทันที
เขาไม่ได้พูดอะไรอีก ครั้งนี้หันหลังแล้วเดินออกไป
ฉันจ้องมองไปที่แผ่นหลังของเขา รู้สึกราวกับว่าหัวใจตัวเองกำลังถูกอะไรบีบรัด อดกลั้นไม่ไหวเปิดปากเรียกให้เขาหยุด: “ลู่จือสิง___”
เพิ่งจะเปิดปากพูด ฉันก็รู้สึกเสียใจในภายหลังเล็กน้อย
เป็นไปอย่างที่คิด เขาหันหน้ากลับมามองฉัน ในแววตาเต็มไปด้วยความดีใจและแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด
แต่ว่าฉันก็พูดเพียงแค่: “เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ขอบคุณคุณมากนะคะ”
ฉันเพิ่งจะพูดจบ ฉับพลันนั้นสีหน้าของเขาก็เย็นชาขึ้นมา: “ไม่เป็นไร เรื่องนี้ผมก็ต้องรับผิดชอบ คุณกลับไปเถอะ ผมกลับก่อน”
ครั้งนี้ เขาไม่ได้หันหน้ากลับมา ฉันก็ไม่ได้เปิดปากเรียกเขาไว้
ฉันจ้องมองดูเขาเดินจากไปไกลขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่เขาเข้าไปในลิฟท์และหันตัวกลับมาฉันก็ปิดประตูห้องแล้ว ยืนพิงอยู่หน้าประตู และหลับตาลง ทำให้ผ่อนคลายชั่วครู่หนึ่ง จึงจะเดินเข้าไปดูเป้ยเปย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้