หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ นิยาย บท 136

ตอนแรกก่อนที่ฉันจะเริ่มงานฉันเคยบอกแล้วว่าภายในสองปีนี้ฉันไม่สะดวกรับงานที่ต้องออกไปทำงานนอกพื้นที่

มันคงไม่ใช่ความบังเอิญ งานแรกที่ฉันได้รับมอบหมายดันเป็นงานที่ต้องทำงานร่วมกับบริษัทหนึ่งในเมือง A ถึงแม้ว่าในช่วงหลังหน้าที่ของฉันต้องรับผิดชอบงานแค่ในส่วนของเมือง D แต่ว่าก่อนที่ข้อตกลงจะออก ฉันก็ต้องติดต่อประสานงานกับอีกบริษัทในเมือง A โดยตรง

ในตอนที่ได้รับมอบหมายงานนี้มาผู้จัดการเจี่ยนซินถิงเองก็ได้ถามความคิดเห็นฉันแล้ว ตอนนั้นฉันเองก็อยากปฎิเสธ แต่ว่าฝ่ายตรงข้ามเขาบอกมาแล้วว่างานนี้เป็นงานที่จัดขึ้นระหว่างเมือง และฉันค่อนข้างที่จะเข้าใจและรู้จักกิจกรรมของเมือง A เป็นอย่างดีจึงคิดว่าฉันจะทำงานออกมาดีได้

เมื่อสังเกตเห็นว่าฉันเอาแต่กัดฟันแน่น ในที่สุดเขาก็ยอมและบอกว่าไม่จำเป็นต้องเดินทางไปเมือง A แต่ต้องพยายามสื่อสารกันทางออนไลน์ให้ได้มากที่สุด

ฉันลังเลอยู่สองวันถึงค่อยตกลงรับทำงานนี้ แต่ว่าตอนที่พึ่งจะเริ่มงาน ทางด้านบริษัทร่วมก็มีข้อขัดแย้งเกิดขึ้นอย่างรุนแรง เจี่ยนซินถิงก็ต่อสายหาฉันโดยตรงให้ฉันไปดูงานที่นั่นที

ฉันได้ตอบรับงานไปแล้ว ฉันจะทำเป็นไม่รู้ไม่สนไม่ได้ ก็ทำได้เพียงกลับบ้านไปคุยกับป้าฝานและฉีซิ่วหราน

โชคดีที่เป้ยเปยนั่นเป็นเด็กดี ฉีซิ่วหรานเห็นมาตั้งแต่เด็กๆ ตอนนี้เป้ยเปยสนิทสนมกับเขาแล้ว พอตอนกลางคืนก็ให้ฉีซิ่วหรานพาเข้านอน พอกินอิ่มแล้วเล่นสักหน่อยก็น่าจะหลับได้อย่างง่ายดาย

ฉันขึ้นเครื่องตอนบ่ายสาม พอไปถึงเมือง A ก็หกโมงกว่าแล้ว ทางด้านหุ้นส่วนได้จัดงานเลี้ยงนิดหน่อย ฉันกับหลี่เจียนียังไม่ได้เอากระเป๋าไปไว้ที่โรงแรมเลย พวกเขาก็รับพวกเราให้มางานเลี้ยงเลย

ในงานเลี้ยงไม่ได้คุยกันเรื่องธุรกิจ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ดื่มเหล้า ฉันคอไม่แข็งนัก โชคดีที่ไม่มีใครบังคับให้ฉันดื่ม นอกจากตอนแรกที่จิบไวน์ไปนิดนึงตามมารยาท หลังจากนั้นก็ไม่ดื่มเลย

อีกฝ่ายก็ไม่ได้กดดันอะไร แต่ว่าฉันก็ไม่เข้าใจฉันแค่จิบไวน์แดงไปนิดเดียวทำไมสุดท้ายฉันถึงได้เมา

ในตอนท้ายพึ่งจะมารู้ว่า น้ำผลไม้ที่ฉันชอบดื่มมากๆนั้นมันมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ในตอนนั้นฉันก็ไม่ได้ระวังอะไรรู้เพียงว่ารสชาติดีมาก และด้วยความที่พูดคุยกันเพลินไปหน่อย ฉันก็เลยคอแห้ง ฉันดื่มไปเยอะขนาดไหนฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน

ฉันและหลี่เจียงนีนั่งเครื่องมาสองชั่วโมง นอกจากงานเลี้ยงนี้แล้ว ทางด้านหุ้นส่วนก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องอื่น ยังไม่สามทุ่มก็ให้คนส่งพวกเรากลับโรงแรมเลย

ฉันพึ่งจะลุกจากโซฟาก็รู้สึกได้ถึงความเมาของตัวเอง หน้าร้อนรุ่มมาก หลี่เจียนียื่นมือมาประคองฉันไว้ ฉันจึงไม่ล้มลงกับพื้น

" คุณซู คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย? "

ฉันส่ายหน้า และพยายามฉีกยิ้มออก " ฉันคอไม่แข็งน่ะ ขอโทษด้วยนะ"

ฝ่าตรงข้ามยิ้มออกมาเล็กน้อย " เมื่อกี้ฉันเห็นคุณเอาแต่ยกดื่มน้ำไวน์ผลไม้นั้น ฉันก็คิดว่าคุณคอแข็งมากสะอีก "

ฉันในตอนนี้เมามากแล้ว พอจะได้ยินอยู่บ้างว่าฝ่ายตรงข้ามพูดว่าอะไร แต่ก็ไม่รู้จะต่อยังไง ฉันเลยได้แต่ยิ้มเพียงเท่านั้น

ตอนนั่งอยู่บนรถ ฉันเวียนหัวมากๆ หลี่เจียนีถามว่าฉันไหวมั้ย ฉันยกมือกุมขมับเล็กน้อย " ไม่เป็นไร ฉันแค่เมานิดหน่อย "

" มิน่าหล่ะ หน้าคุณแดงมากเลย "

" จริงหรอ? "

หลี่เจียนีตอบว่าอะไรฉันไม่ได้สนใจ ฉันเอียงหัวมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วได้แต่คิดว่าขอแค่สองสามวันนี้ไม่เจอลู่จือสิงก็พอแล้ว

แต่ว่าคนเราหากยิ่งไม่อยากเจอก็จะยิ่งได้เจอ ฉันและหลี่เจียนีมาถึงโรงแรมแล้ว หุ้นส่วนเป็นคนจัดการเรื่องโรงแรมให้ หุ้นส่วนก็ใจดีไม่น้อยเลย เป็นโรงแรมสี่ดาวเลยทีเดียว อีกทั้งยังให้ฉันและหลี่เจียนีนอนแยกห้องกันอีกด้วย

ตอนที่ฉันพึ่งลงจากรถฉันก็เซเล็กน้อย โชคดีที่ฉันมีสติอยู่บ้าง ฉันจับไปที่รถแล้วประคองตัวเองไว้ไม่ให้ล้ม

ผู้จัดการของฝ่ายหุ้นส่วนหลินเจี้ยนเฟิงพอเห็นสภาพฉันเป็นแบบนี้ เขาจึงรับกระเป๋าในมือหลี่เจียงนีมา แล้วบอกให้หลี่เจียนีประคองฉันให้ไปที่ห้อง

ตอนนี้ฉันสะลึมสะลือมาก หลี่เจียนีเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆประคองฉันเดินอย่างช้าช้า ฉันมองไปที่ถนนแล้วรู้สึกเหมือนกับว่าถนนเบี้ยวแล้วชนใครบางคนเข้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ

" ซูยุ่น? "

เหมือนกับว่ามีคนเรียกฉัน ฉันเงยหน้าขึ้นมองแต่มองไม่ชัดว่าเป็นใคร

หลีเจียนีดึงแขนฉันเล็กน้อย " ซูยุ่น เธอรู้จักมั้ย? "

ฉันส่ายหัว " ไม่รู้จัก "

คนข้างหลังนั้นเหมือนว่าสะกิดฉันเล็กน้อย แต่ว่าโดนหลินเจี้ยนเฟิงดึงตัวออกไปสะก่อน

" คุณหลี่ คุณพาคุณซูขึ้นห้องไปก่อน "

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้