“ป้าฝาน คุณไม่ใช่ว่า——ทำไมเป็นคุณ ลู่จือสิง?”
ฉันไม่คิดว่าเมื่อฉันเปิดประตูก็มองเห็นคนที่คุ้นเลยลู่จือสิง เขาแสดงท่าทีที่ไม่พอใจอย่างชัดเจน สีหน้าแสดงความเย็นชา:“คุณแสดงออกแบบนั้นหมายความว่ายังไง ซูยุ่น ?”
เมื่อพูดไป ฉันไม่มีปฎิกิริยาตอบสนอง เขาดึงตัวเองเข้ามาใกล้
ผู้หญิงอย่างฉัน จะสู้แรงผู้ชายได้ยังไง
เกือบเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วที่ฉันสูญเสียการควบคุมไป ฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะมา
เขาเดินเข้ามาในห้อง ฉันถึงปิดประตู หันกลับไปมองเขาที่ดูไม่มีท่าทีที่เกรงใจถอดเน็คไทพาดเอาไว้ที่ราวแขวนผ้า หารองเท้าแตะ และหันกลับไปมองฉัน “รองเท้าแตะล่ะ ?”
ฉันชี้ไปที่รองเท้าแตะสีน้ำเงินคู่หนึ่งที่วางอยู่บนชั้น “คุณตาบอดรึไง”
ใบหน้าเขาดูขรึมลงอีกครั้ง:“ซูยุ่น คุณเอารองเท้าที่คนอื่นเคยใช้มาให้ผม ?”
ไม่รอให้ฉันยอมก็บุกเข้ามาในบ้าน ตอนนี้ยังพูดอีกว่าไม่ชอบอย่างนู้นอย่างนี้ ฉันไม่ค่อยอยากคุยกับเขา:“คุณจะใส่ไม่ใส่”
พูดจบ ฉันก็ก้าวเดินไปข้างหน้า แต่เขาก็ดึงฉันไว้: “คุณเอารองเท้าที่ฉีซิ่วหรานเคยใส่มาให้ผม ซูยุ่น ฉันคิดว่าเธอดูอวบขึ้นนะ ?”
เมื่อได้ยินที่เขาพูดฉันก็อดหัวเราะไม่ได้:“ประธานลู่ คุณให้ความสำคัญกับตัวเองมากเกินไปแล้ว ฉีซิ่วหรานอยู่ติดกับบ้านของฉัน เขาจะใส่รองเท้าที่ฉันเตรียมไว้ทำไม”
เขาชะงักไป “ถ้างั้นรองเท้าแตะนี่ของใคร ?”
เมื่อถูกเขาถาม ฉันก็เริ่มรคาญเล็กน้อย:“ คุณปล่อยฉัน ไม่อยากใส่ก็ไม่ต้องใส่ ประธานลู่ซะอย่าง เรียกให้คนไปซื้อสิ ไม่อย่างนั้นออกจากบ้านฉันไป”
แต่แรงของฉันจะไปสู้เขาได้ยังไง เดิมทีก็ไม่อยากให้เขาถามย้ำอีก แต่ไม่คิดเลยว่าเขาก็คงจะยังพูดต่อ:“รองเท้าแตะนี้คุณไม่ได้เตรียมให้ผมใช่ไหม ?”
ฉันยิ้มเยาะ:“ คุณคิดมากไปแล้ว”
เขายังคงไม่ปล่อยมือฉัน โอบฉันไว้แบบนี้แล้วสวมรองเท้าแตะ และมองลงไปอย่างครุ่นคิดสักพัก:“ผมคิดว่ารองเท้าแตะคู่นี้เป็นของใหม่”
“คุณปล่อยนะ !”
“คุณยอมรับมาซะว่ารองเท้าแตะนี้เตรียมไว้ให้ผม !”
ฉันไม่เคยเห็นใครหน้าด้านขนาดนี้มาก่อน ด้วยความตะลึงเล็กน้อย:“รองเท้าแตะพวกนี้ฉันเตรียมไว้ให้แขก แค่บังเอิญว่าก่อนหน้าคุณยังไม่มีใครใส่”
“อ่อ เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ”
เขาปล่อยฉัน ลากเสียงพูดยาวพลางมองฉันไปด้วย
รองเท้าแตะนั้นฉันเตรียมไว้ให้แขกจริงๆ แต่เมื่อเขาพูดแบบนี้ ก็เหมือนกับว่าฉันเตรียมรองเท้าแตะให้เขาเป็นพิเศษจริงๆ
ฉันไม่อยากคุยกับเขาแล้ว จึงเดินไปที่โต๊ะอาหารและเตรียมข้าวให้เป้ยเปยกิน
ตอนนี้เป้ยเปยกินข้าวเองได้แล้ว แต่ถ้าดูไม่ดี เขาก็จะทำข้าวหล่นไปทั่ว
ไม่ช้า ก็ถูกสายตาจ้องมาสักพัก ฉันนั่งที่โต๊ะกินข้าวและเห็นเม็ดข้าวจำนวนมากติดอยู่บนหน้าเป้ยเปย นั่งอยู่ในเก้าอี้เด็กไม่สามารถขยับตัวได้ มือเล็กพยายามตักผัก แต่ก็ทำไม่ได้
เมื่อเห็นฉัน เขามองฉันด้วยดวงตากลม:“แม่ ฉันจะเอา ฉันจะเอา !”
ชี้ไปที่แตงโม ใบหน้าแสดงความตื่นเต้น
ฉันดึงกระดาษทิชชู่ออกมา ตะลึงเล็กน้อย:“บอกแล้วไม่ใช่เหรอ อย่ารีบกินข้าว?”
“ไม่ !”
เป้ยเปยอายุขวบครึ่งแล้ว สามารถพูดคำง่ายๆได้แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถพูดเป็นประโยคได้
เห็นฉันบอกว่าเขากินข้าวรีบร้อน เขาก็พูดรีบร้อนออกมาแค่สองคำ
“เป้ยเปย”
ฉันเพิ่งจัดการเป้ยเปยเสร็จ ส่วนลู่จือสิงก็ล้างมือเรียบร้อยแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้