สรุปเนื้อหา บทที่ 154 ฉันยอมรับคุณไม่ได้อีกแล้ว – หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ โดย ชวนฟงซื่อลี่
บท บทที่ 154 ฉันยอมรับคุณไม่ได้อีกแล้ว ของ หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ชวนฟงซื่อลี่ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ฉันรู้เหตุผลที่เขามาวันนี้ แต่เมื่อได้ยินเขาพูดเรื่องนี้จริงๆ ฉันก็ยังไม่มีปฎิกิริยาตอบสนอง เหมือนมีชั่วขณะหนึ่งในหัวซีดขาวโพลงไปหมด
ฉันปฎิเสธไม่ได้เลยว่า ในใจของฉันมีความสุขขนาดไหน
ถ้าหากฉันในตอนนี้เป็นเด็กสาวที่อายุยี่สิบปี ฉันคงตอบตกลงไปโดยไม่ลังเล แต่ฉันไม่ใช่
ปีนี้ฉันอายุยี่สิบแปดปีแล้ว อีกไม่นานก็จะสามสิบปี ฉันยังมีลูกชายที่อายุขวบกว่าอีกหนึ่งคน ถึงแม้ว่าลูกชายคนนี้เป็นลูกฉันกับเขาก็ตาม
ฉันไม่ได้อยู่ในช่วงวัยแห่งความรักแล้ว ผู้หญิงยิ่งอายุมากขึ้นก็จะยิ่งเห็นแก่ตัว เมื่อถึงช่วงเวลานี้ ฉันก็นึกถึงแต่เรื่องของเป้ยเปยกับตัวเองยิ่งขึ้น
ครั้งหนึ่งเขาเคยทำร้ายฉันอย่างหนัก ฉันสามารถเป็นเพื่อนกับลู่จือสิงได้ แต่มันเป็นเรื่องยากที่ฉันจะยอมรับความสัมพันธ์แบบคู่รักของเราอีกครั้ง
สิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนหนามทิ่มแทงใจ และดึงออกมาไม่ได้ เมื่อไม่สัมผัสกับมันฉันก็ไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อสัมผัสมันก็จะรู้สึกเจ็บ
อีกทั้งฉันยังมีสัญชาติญาณในการป้องกันตัวและยังกลัวลู่จือสิงอยู่ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะกลับมาอยู่กับเขา
ฉันเงยหน้ามองเขา จนสามารถมองเห็นตัวเองในดวงตาสีดำคู่นั้นได้อย่างชัดเจน
พูดตามตรง จริงๆแล้วฉันยังมีความรู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย และยังมีเหตุผลมากขึ้น
“ลู่จือสิงพวกเราไม่สามารถกลับมาอยู่ด้วยกันได้หรอก”
ฉันเม้มริมฝีปาก ไม่ตอบอะไร
เมื่อเทียบกับความคมคายของลู่จือสิงเมื่อครู่ ฉันจะสู้เขาได้อย่างไร
ฉันกลัวว่าถ้าฉันเปิดปากพูด ก็จะถูกเขาดึงออกจากกำแพงที่ป้องกันเขาไว้ และยิ่งเขาดึงมากเท่าไหร่ กำแพงป้องกันพวกนั้นก็จะถูกดึงออกจนหมด
เมื่อเห็นฉันไม่พูด เขาก็ตะคอกอย่างเย็นชา:“ ซูยุ่น คุณยังกลัวอยู่เหรอ ? ”
ครั้งนี้ ฉันไม่ได้เงียบแล้ว:“ใช่ ฉันกลัว”
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย “คุณยังกลัวอะไร ? คุณคิดว่าผมยังต้องการอะไรจากตัวคุณอีก นอกจากตัวคุณ คุณคิดว่าผมต้องการอะไรจากคุณ ? ”
ใจฉันสั่น พูดได้เลยว่า คำพูดของลู่จือสิงนั้นทำให้คนรู้สึก
ฉันมองไปที่เขา และรู้สึกสับสน:“ฉันไม่รู้ ลู่จือสิง เดิมทีสัญชาตญาณของฉันยังกลัวคุณอยู่ ฉันไม่สามารถยอมรับคุณได้ ถึงแม้ว่าฉันจะยังรักคุณก็ตาม”
ทันใดนั้นดวงตาเขาก็เป็นประกายมองมาที่ฉัน ฉันก็รู้ว่าตัวเองพูดผิดไป แต่มันก็สายไปแล้ว
เขายื่นมือมากอดฉันไว้ในอ้อมแขน:“ซูยุ่น ฉันไม่บังคับคุณ ฉันรู้ว่าเรื่องเมื่อก่อนฉันผิด ฉันรู้ว่าฉันโง่ คุณให้โอกาสผมสักครั้งเถอะ ผมจะทำให้คุณเชื่อใจผมใหม่อีกครั้ง และจะทำให้คุณสามารถมาพึ่งพาผมได้”
“ไม่——ไม่มีทางลู่จือสิง !”
ฉันจะไม่มีวันพึ่งพาคนคนหนึ่งตลอดไปหรอก ฉันไม่ใช่ผู้หญิงโง่ๆแบบเมื่อก่อนอีกแล้ว ฉันรู้ว่าบนโลกนี้ ไม่มีใครทำดีกับคุณโดยไม่หวังผลหรอก
ฉีซิ่วหรานทำดีกับฉัน เพราะเขาชอบฉัน:ลู่จือสิงทำดีกับฉัน ก็เป็นเพราะเขาชอบฉัน
แต่จะชอบได้นานแค่ไหน ?
ผ่านมานานหลายปีแล้ว แต่ความสัมพันธ์ตอนนี้มันสั้นเกินไป ความรักของใครหลายคนในที่สุดก็ต้องสิ้นสุด
ฉันไม่ได้โง่อีกต่อไปแล้ว ถึงแม้ว่าฉันจะยังรักลู่จืสิง แต่เมื่อมีเป้ยเปยแล้ว ฉันก็สามารถหยุดความรักนั้นไว้ได้
คุณดูสิ เวลากับความเป็นจริงมันก็โหดร้ายแบบนี้แหล่ะ
“ได้สิซูยุ่น ผมจะทำให้เชื่อใจผมอีกครั้ง”
เขาพูดด้วยความแน่วแน่ จนฉันขี้เกียจที่จะพูดอะไรออกมาแล้ว
“คุณปล่อยฉันเถอะ ฉันจะไปแปรงฟันนอนแล้ว ”
ฉันผลักเขา แต่แทนที่เขาจะปล่อย แต่กลับกอดฉันแน่นนั้น ไม่รอให้ฉันได้พูด เขาก็ก้มศีรษะลงมาจูบฉัน
“อื้อ——”
ฉันผลักเขาออกโดยไม่ทันตั้งตัว แต่เขาดันดึงฉันเข้าหาโดยอาศัยจังหวะที่ฉันยังไม่ทันตั้งตัวเข้าจู่โจมฉัน หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ปล่อย:“ซูยุ่น ผมรู้ว่าคุณกลัวผม ฉันจะทำให้คุณกลับมาเชื่อใจฉันแบบเดิม”
เขาพูดเสร็จ ก็ก้มลงมาจุ๊บหน้าผากฉัน:“ฝันดี”
ครั้งนี้ เขาปล่อยฉัน และเดินหันหลังไป ทิ้งให้ฉันยืนอยู่ตรงนี้คนเดียว ใช้เวลานานกว่าจะสงบลงได้
ฉันก็ไม่รู้ว่าตัวเองยืนอยู่นานแค่ไหน แต่ฉันรู้ว่าใจของฉันยังคงเต้นอยู่
เช้านี้ฉันทำบะหมี่ไข่ ลู่จือสิงนำอาหารที่เขาซื้อมาขึ้นมาเปิด กลิ่นหอมพวกนั้นแทบทำให้ฉันอดไม่ได้
ฉันรู้ว่าเขาจงใจทำ ฉันกัดฟันและพยายามไม่มอง
ระหว่างที่ทานอาหาร ป้าฝานก็เดินเข้ามา
“ซูยุ่น คนนี้ใคร?”
หลังจากได้ยินเขาพูด ฉันเพิ่งนึกได้ว่าป้าฝานยังไม่เคยเจอลู่จือสิง
ฉันเงยหน้าขึ้นมองลู่จือสิง เขาก็มองฉันเช่นกัน
“พ่อของเป้ยเปย”
ทันทีที่ฉันพูดจบ ก็เห็นดวงตาของลู่จือสิงเป็นประกาย
เดิมทีฉันก็ไม่อยากปิดปังความสัมพันธ์ของเขากับเป้ยเปย แต่เห็นเขาเป็นแบบนี้ ใจฉันก็ตื้นตันเล็กน้อย
คิดต่อไปไม่ได้แล้ว ฉันรีบก้มหน้ากินบะหมี่
ฉันออกแปดโมงครึ่งตรงเวลา แต่ลู่จือสิงก็เดินตามฉันออกมา:“ผมไปส่ง”
ฉันใส่ร้องเท้าไปด้วยพลางปฎิเสธไปว่า:“ไม่ต้อง”
เขาไม่พูดอะไร ฉันก็นึกว่าเขาได้ยินแล้ว แต่ปรากฎว่าเขายังตามฉันออกมา
ฉันกดไปที่ชั้นหนึ่ง เขาก็กดซ้ำ เมื่อถึงชั้นหนึ่งประตูลิฟต์เปิดออก เขาก็จับฉันไว้:“ผมไปส่ง”
“คุณปล่อยฉันนะ !”
ในลิฟต์ยังมีคนอื่นอยู่ ทุกคนล้วนรีบไปทำงาน ฉันก็ไม่ดีพูดเสียงดังไป
ลู่จือสิงก็จ้องเขม่งมานิดหน่อย และก็ดึงมือฉันไว้ไม่ยอมปล่อย
ท้ายที่สุดฉันทำได้เพียงมองประตูลิฟต์ที่ค่อยๆปิดลง และฉันยังถูกลู่จือสิงลากลงมาชั้นล่างอีกชั้นหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้