ฉันรู้เหตุผลที่เขามาวันนี้ แต่เมื่อได้ยินเขาพูดเรื่องนี้จริงๆ ฉันก็ยังไม่มีปฎิกิริยาตอบสนอง เหมือนมีชั่วขณะหนึ่งในหัวซีดขาวโพลงไปหมด
ฉันปฎิเสธไม่ได้เลยว่า ในใจของฉันมีความสุขขนาดไหน
ถ้าหากฉันในตอนนี้เป็นเด็กสาวที่อายุยี่สิบปี ฉันคงตอบตกลงไปโดยไม่ลังเล แต่ฉันไม่ใช่
ปีนี้ฉันอายุยี่สิบแปดปีแล้ว อีกไม่นานก็จะสามสิบปี ฉันยังมีลูกชายที่อายุขวบกว่าอีกหนึ่งคน ถึงแม้ว่าลูกชายคนนี้เป็นลูกฉันกับเขาก็ตาม
ฉันไม่ได้อยู่ในช่วงวัยแห่งความรักแล้ว ผู้หญิงยิ่งอายุมากขึ้นก็จะยิ่งเห็นแก่ตัว เมื่อถึงช่วงเวลานี้ ฉันก็นึกถึงแต่เรื่องของเป้ยเปยกับตัวเองยิ่งขึ้น
ครั้งหนึ่งเขาเคยทำร้ายฉันอย่างหนัก ฉันสามารถเป็นเพื่อนกับลู่จือสิงได้ แต่มันเป็นเรื่องยากที่ฉันจะยอมรับความสัมพันธ์แบบคู่รักของเราอีกครั้ง
สิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนหนามทิ่มแทงใจ และดึงออกมาไม่ได้ เมื่อไม่สัมผัสกับมันฉันก็ไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อสัมผัสมันก็จะรู้สึกเจ็บ
อีกทั้งฉันยังมีสัญชาติญาณในการป้องกันตัวและยังกลัวลู่จือสิงอยู่ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะกลับมาอยู่กับเขา
ฉันเงยหน้ามองเขา จนสามารถมองเห็นตัวเองในดวงตาสีดำคู่นั้นได้อย่างชัดเจน
พูดตามตรง จริงๆแล้วฉันยังมีความรู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย และยังมีเหตุผลมากขึ้น
“ลู่จือสิงพวกเราไม่สามารถกลับมาอยู่ด้วยกันได้หรอก”
ฉันเม้มริมฝีปาก ไม่ตอบอะไร
เมื่อเทียบกับความคมคายของลู่จือสิงเมื่อครู่ ฉันจะสู้เขาได้อย่างไร
ฉันกลัวว่าถ้าฉันเปิดปากพูด ก็จะถูกเขาดึงออกจากกำแพงที่ป้องกันเขาไว้ และยิ่งเขาดึงมากเท่าไหร่ กำแพงป้องกันพวกนั้นก็จะถูกดึงออกจนหมด
เมื่อเห็นฉันไม่พูด เขาก็ตะคอกอย่างเย็นชา:“ ซูยุ่น คุณยังกลัวอยู่เหรอ ? ”
ครั้งนี้ ฉันไม่ได้เงียบแล้ว:“ใช่ ฉันกลัว”
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย “คุณยังกลัวอะไร ? คุณคิดว่าผมยังต้องการอะไรจากตัวคุณอีก นอกจากตัวคุณ คุณคิดว่าผมต้องการอะไรจากคุณ ? ”
ใจฉันสั่น พูดได้เลยว่า คำพูดของลู่จือสิงนั้นทำให้คนรู้สึก
ฉันมองไปที่เขา และรู้สึกสับสน:“ฉันไม่รู้ ลู่จือสิง เดิมทีสัญชาตญาณของฉันยังกลัวคุณอยู่ ฉันไม่สามารถยอมรับคุณได้ ถึงแม้ว่าฉันจะยังรักคุณก็ตาม”
ทันใดนั้นดวงตาเขาก็เป็นประกายมองมาที่ฉัน ฉันก็รู้ว่าตัวเองพูดผิดไป แต่มันก็สายไปแล้ว
เขายื่นมือมากอดฉันไว้ในอ้อมแขน:“ซูยุ่น ฉันไม่บังคับคุณ ฉันรู้ว่าเรื่องเมื่อก่อนฉันผิด ฉันรู้ว่าฉันโง่ คุณให้โอกาสผมสักครั้งเถอะ ผมจะทำให้คุณเชื่อใจผมใหม่อีกครั้ง และจะทำให้คุณสามารถมาพึ่งพาผมได้”
“ไม่——ไม่มีทางลู่จือสิง !”
ฉันจะไม่มีวันพึ่งพาคนคนหนึ่งตลอดไปหรอก ฉันไม่ใช่ผู้หญิงโง่ๆแบบเมื่อก่อนอีกแล้ว ฉันรู้ว่าบนโลกนี้ ไม่มีใครทำดีกับคุณโดยไม่หวังผลหรอก
ฉีซิ่วหรานทำดีกับฉัน เพราะเขาชอบฉัน:ลู่จือสิงทำดีกับฉัน ก็เป็นเพราะเขาชอบฉัน
แต่จะชอบได้นานแค่ไหน ?
ผ่านมานานหลายปีแล้ว แต่ความสัมพันธ์ตอนนี้มันสั้นเกินไป ความรักของใครหลายคนในที่สุดก็ต้องสิ้นสุด
ฉันไม่ได้โง่อีกต่อไปแล้ว ถึงแม้ว่าฉันจะยังรักลู่จืสิง แต่เมื่อมีเป้ยเปยแล้ว ฉันก็สามารถหยุดความรักนั้นไว้ได้
คุณดูสิ เวลากับความเป็นจริงมันก็โหดร้ายแบบนี้แหล่ะ
“ได้สิซูยุ่น ผมจะทำให้เชื่อใจผมอีกครั้ง”
เขาพูดด้วยความแน่วแน่ จนฉันขี้เกียจที่จะพูดอะไรออกมาแล้ว
“คุณปล่อยฉันเถอะ ฉันจะไปแปรงฟันนอนแล้ว ”
ฉันผลักเขา แต่แทนที่เขาจะปล่อย แต่กลับกอดฉันแน่นนั้น ไม่รอให้ฉันได้พูด เขาก็ก้มศีรษะลงมาจูบฉัน
“อื้อ——”
ฉันผลักเขาออกโดยไม่ทันตั้งตัว แต่เขาดันดึงฉันเข้าหาโดยอาศัยจังหวะที่ฉันยังไม่ทันตั้งตัวเข้าจู่โจมฉัน หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ปล่อย:“ซูยุ่น ผมรู้ว่าคุณกลัวผม ฉันจะทำให้คุณกลับมาเชื่อใจฉันแบบเดิม”
เขาพูดเสร็จ ก็ก้มลงมาจุ๊บหน้าผากฉัน:“ฝันดี”
ครั้งนี้ เขาปล่อยฉัน และเดินหันหลังไป ทิ้งให้ฉันยืนอยู่ตรงนี้คนเดียว ใช้เวลานานกว่าจะสงบลงได้
ฉันก็ไม่รู้ว่าตัวเองยืนอยู่นานแค่ไหน แต่ฉันรู้ว่าใจของฉันยังคงเต้นอยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้