ฉันแสร้งทำเป้นมองไม่เห็น และพูดว่า:“กินข้าวเถอะ ดึกแล้ว”
เป็นเพราะฉีซิ่วหรานมา การกระทำทั้งหมดของลู่จือสิงจึงหน้ามืดมนไปหมด
ฉันรู้ได้ทันทีว่าเขาหมายถึงอะไร แต่ว่าคำพูดของฉันก็ชัดเจน การที่เขาไม่ใส่ใจในความปรารถนาของฉัน ก็ทำให้ฉันรู้สึกหนักใจเป็นอย่างมาก
ในเมื่อฉันพูดแล้วไม่ฟัง ให้ฉีซิ่วหรานทำให้เขาโกรธก็ดี
เป็นไปตามคาดลู่จือสิงโกรธ ตัวเองทำอาหารมากมายบนโต๊ะ แต่เขากินเพียงแค่ข้าวเพียงชามเดียวและวางตะเกียบลง และจากไปโดยไม่พูดอะไร
ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขา ไม่รู้ทำไม ในใจรู้สึกขัดๆ
ลู่จือสิงคนนี้ สร้างความอึดอัดให้คนอื่นจริงๆ
ฉีซิ่วหรานเงยหน้ามองฉัน:“เขาไม่เป็นไรใช่ไหม ?”
ฉันยิ้ม:“ไม่เป็นไร ผู้ใหญ่หนึ่งคน เขาจะมีเรื่องอะไรกัน”
“คุณกับเขา......”
ฉันรู้ว่าเขาต้องการถามอะไร แต่ปัญหานี้ฉันก็ไม่อยากคิดเอาเอง นับประสาอะไรไปปรึกษากับเขา
ฉันยกมือขึ้นหยิบปีกไก่ให้ฉีซิ่วหราน:“กินเถอะ ไม่คิดเลยว่าอาหารที่ลู่จือสงทำจะรถชาติดี”
ฉีซิ่วหรานก็เข้าใจอารมณ์ของฉัน เห็นฉันปฎิเสธอย่างมีชั้นเชิง เขาก็ไม่ได้ถามอะไรอีก
กินข้าวเสร็จฉันก็ล้างจาน ฉีซิ่วหรานก็เล่นกับเป้ยเปยที่ห้องรับแขก ฉันเข้าครัวไปปอกผลไม้
กำลังปอกผลไม้ได้ครึ่งเดียว ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังเข้ามา “ก๊อกก๊อกก๊อก ”
ฉันไม่ต้องเดาก็รู้ได้ว่าเป็นใคร เคาะประตูเหมือนเหมือนรื้อบ้านอย่างรุนแรงแบบนี้ จะไปใครไปได้นอกจากลู่จือสิง
แน่นอนว่า เมื่อฉันถือผลไม้ที่ปลอกเสร็จเรียบร้อยออกมา ก็เห็นเขานั่งเล่นกับเป้ยเปยอยู่บนพื้น
เมื่อฉันเห็นเขา ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะว่า:“ลู่จือสิงไม่ใช่ว่าคุณกลับไปแล้วเหรอ ?”
เขาเงหน้าขึ้นมองฉัน:“ผมเป็นพ่อของเป้ยเปย ทำไมคนที่ไปต้องเป็นผม”
ฉันขี้เกียจจะทะเลาะกับเขา ฉันเปิดทีวีดูพลางกินผลไม้กับฉีซิ่วหราน
กินไปได้ครึ่งหนึ่ง ทันใดนั้นลู่จือสิงก็อุ้มเป้ยเปยมานั่งข้างๆฉันและมองมาที่ฉัน:“หยิบให้ผมชั้นหนึ่ง”
“หยิบเองสิ”
“ผมอุ้มเป้ยเปยอยู่”
ฉันเหลือบเขา และเพราะฉีซิ่วหราน ในที่สุดเขาก็ใช้ไม่จิ้มฟันจิ้มชิ้สุดท้าย แต่ปรากฎว่าเมื่อเขาใช้นิ้ว ฉันก็ไม่สนจเขาอีกเป็นครั้งที่สอง
เขาอุ้มเป้ยเปยแล้วชี้มาที่ฉัน: “เป้ยเปย แม่นิสัยไม่ดี ใช่ไหม ?”
เมื่อได้ยินที่เขาพูด ฉันก็อดไม่ได้ที่จะตบเขาไป:“คุณสอนบ้าอะไรให้เป้ยเปย ? !”
“ผมสอนผิดตรงไหน ผมแค่สอนเป้ยเปยพูดความจริงก็แค่นั้น”
โกรธจนแทบทนไม่ไหว ฉันทำได้เพียงเอื้อมมือไปหยิบส้มชิ้นหนึ่ง และยัดเข้าไปในปากเขา:“กินของคุณไป เรื่องไร้สาระเยอะจริง”
ฉีซิ่วหรานยิ้มมองมาที่ฉัน ฉันรู้สึกอายเล็กน้อย
“ผมกลับละ กลางคืนยังมีงานที่ต้องทำอีก”
ฉันพยักหน้าซ้ำๆ “ถ้างั้นคุณรักษาสุขภาพด้วย และรีบพักผ่อนนะ”
“คุณก็ด้วย ฝันดี ”
“ฝันดี”
ฉันคุ้นเคยกับฉีซิ่วหรานเป็นอย่างดี จึงไม่จำเป็นต้องลุกไปส่ง
“ฝันดี ซูยุ่น คุณช่างกล้าจริงๆ ต่อหน้าผม คุณก็ยังกล้ามีชู้อีก ?”
คำพูดของลู่จือสิงทำให้ฉันฉีกยิ้มขึ้นมา:“คุณชายลู่ ฉันอยากถามคุณ ตอนนี้คุณใช้จุดยืนอะไรมาพูดกับฉันแบบนี้? อย่าบอกว่าฉันกับฉีซิ่วหรานไม่มีความสัมพันธ์กัน ถึงแม้ว่าฉันกับฉีซิ่วหรานจะอยู่——อื้อ คุณ——ปล่อย!”
ฉันยังพูดไม่จบ ทันใดนั้นเขาก็ก้มศีรษะลงมาดึงคางฉันลงไปจูบ
เป้ยเปยถูกเขาอุ้มมือเดียวอยู่ตรงกลางระหว่างฉันกับเขา ฉันไม่กล้าจะดิ้นเยอะ เพราะกลัวโดนเป้ยเปย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้