หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ นิยาย บท 161

ถึงอย่างไรฉีซิ่วหรานก็ไม่ได้อยู่เมือง D ฉันจึงไม่อยากปล่อยเป้ยเปยไว้ที่เมือง D อีกอย่างครั้งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องอะไรที่ไหน แต่ลู่เว่ยกั๋วเสียชีวิตแล้ว จะพูดอย่างไรเป้ยเปยก็เป็นคนของบ้านสกุลลู่อยู่ดี

ฉันจึงพาเป้ยเปยกลับเมือง A แล้วก็ติดต่อชวี่ชิงหนาน ฉันวางแผนเอาไว้ว่าก่อนที่จะหา

ลู่จือสิงเจอและรับรู้ถึงสถานการณ์ของเขา ฉันอยากจะฝากเป้ยเปยเอาไว้กับเขาก่อน

เดือนที่แล้วตอนที่ชวี่ชิงหนานมาทำงานนอกสถานที่ก็ได้เจอกับเป้ยเปยอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนนั้นเป้ยเปยอายุหนึ่งขวบครึ่งแล้ว ย่อมจำเขาได้

ทุกครั้งที่ชวี่ชิงหนานแวะมาก็จะเอาของมาฝากเขาด้วย เด็กๆ ก็เอาใจง่ายแบบนี้ล่ะ ตอนยังเล็กๆ อยู่เขาคอยรั้งตัวเองไว้ตลอดไม่ยอมไปกับชวี่ชิงหนาน พอมาตอนนี้ชวี่ชิงหนานบอกว่าจะพาเขาไปเที่ยวไปกินของอร่อย เขากลับโบกมือน้อยๆ ของเขาอำลาฉันไปเสียอย่างนั้น

ได้มาเห็นเป้ยเปยที่เป็นเช่นนี้ ฉันควรจะยิ้มแต่กลับยิ้มไม่ออกแทน

พอคิดถึงลู่จือสิงขึ้นมาฉันก็ยิ้มไม่ออกเสียแล้ว ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเขาไปอยู่ที่ไหนเลย

ฉันปฏิเสธไม่ให้ชวี่ชิงหนานไปส่งฉัน พอฝากเป้ยเปยไว้กับเขาแล้ว ฉันก็ขึ้นแท๊กซี่ไปบริษัทเฟิงเหิงทันที

จากไปได้สามปี แม้แต่พนักงานต้อนรับก็เปลี่ยนไปหลายคนแล้ว

ฉันไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะจากที่นี่ไปสามปีแล้ว

“ดิฉันแซ่ซู นามสกุลยุ่น มาพบหลี่จื้อ หรือเลขาหลี่นะค่ะ”

ไม่รู้ลู่จือสิงไปที่ไหน แม้แต่หลี่จื้อก็ไม่รู้ ตอนนี้ฉันกับหลี่จื้อจึงต้องมาวิเคราะห์ข้อมูลกันก่อน ถึงจะเดาออกว่าเขาไปที่ไหนกันแน่

“ได้ค่ะ คุณซูรอสักครู่นะคะ”

ฉันพยักหน้า ไม่นานเธอก็ตอบฉันกลับมาว่า อีกสักประเดี๋ยวหลี่จื้อจะลงมา

ฉันกล่าวขอบคุณ แล้วเดินไปรอหลี่จื้ออยู่ข้างๆ

“คุณซูครับ”

หลี่จื้อลงมาอย่างรวดเร็ว

ฉันรีบยืนขึ้นมา “เป็นอย่างไรบ้างคะ คุณพอมีข่าวคราวอะไรบ้าง?”

เขาส่ายศีรษะ: “ไม่มีเลยครับ เมื่อคืนท่านลู่ประสบเหตุตอนประมาณสองทุ่มกว่า ประธานลู่นั่งอยู่ในโรงพยาบาลคนเดียวนานถึงสามชั่วโมง พอราวๆ เที่ยงคืนก็ออกไป ท่านไม่ให้ผมตามไปด้วย ผมจึงไม่กล้าตามไปนะครับ ทีนี้พอมาเช้าวันนี้ผมกลับติดต่อท่านไม่ได้แล้ว ผมได้ลองไปหาตามคอนโดมีเนียม บ้านพักตากอากาศ และสถานที่อื่นๆ ที่ท่านมักจะไปบ่อยๆ แต่ก็ไม่เจอเลยครับ”

พอได้ยินหลี่จื้อพูดว่าลู่จือสิงนั่งที่โรงพยาบาลคนเดียวอยู่สามชั่วโมง ฉันก็รู้สึกราวกับมีคนมาดึงฉันไว้อย่างรุนแรง

“เมื่อคืนราวๆ ตีสามกว่าๆ ฉันได้รับโทรศัพท์หนึ่งสายนะค่ะ แต่ตอนนั้นหลับไปลึกมาก เลยไม่ได้ลุกขึ้นมาดู พอตื่นขึ้นมาวันนี้ถึงพบว่าเป็นลู่จือสิงโทรมานะค่ะ”

“คุณซู ผมได้ส่งคนไปตรวจสอบแล้วครับว่าประธานลู่น่าจะไปที่ไหน คุณไม่ต้องกังวลไปนะครับ”

หลี่จื้อปลอบให้ฉันคลายความกังวล แต่ฉันจะวางใจได้อย่างไรกัน

ที่ความสัมพันธ์ของลู่จือสิงและลู่เว่ยกั๋วไม่ดีมาโดยตลอดนั้นเป็นเพราะจงฮุ่ยหรานคนนี้ แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้แต่ฉันก็รู้ดีว่า แท้จริงแล้วลู่จือสิงไม่ได้ใจดำอย่างที่เขาว่าตัวเองขนาดนั้น

ความรู้สึกของเขาที่มีต่อลู่เว่ยกั๋วขัดแย้งมาก มีทั้งรักทั้งแค้น และตอนนี้ลู่เว่ยกั๋วก็จากไปแล้ว จึงเป็นดั่งตะเกียงที่ดับมอด บุญคุณความแค้นเหล่านั้นย่อมมลายหายสูญไป แต่กลัวว่าสิ่งที่ยังเหลืออยู่คือความเสียใจและรู้สึกผิดนั่นเอง

เมื่อคิดมาถึงสิ่งเหล่านี้ ใจฉันก็เจ็บปวดเหลือเกิน

แม้ว่าลู่จือสิงจะเป็นคนสูงใหญ่คนหนึ่ง แต่บางครั้งเขาก็ดื้อดึงเสียง่ายๆ ฉันกลัวว่าเขาจะเข้าไปอยู่ในเขาโคจริงๆ

“แล้วเป้ยเปยล่ะครับ?”

หลี่จื้อเห็นฉันดูกังวลมาก จึงเอ่ยปากขึ้นมาเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของฉัน

ฉันเม้มริมฝีปาก ตอบไปแบบส่งๆ ว่า: “ฉันเอาไปปล่อยไว้กับชวี่ชิงหนานแล้วค่ะ”

“คุณซูครับ ประธานลู่อายุไม่น้อยแล้ว เขารู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ คุณไม่ต้องกังวลใจไปหรอกครับ”

ฉันถอนหายใจออกมา: “ฉันย่อมรู้อยู่ว่าเขาอายุไม่น้อยแล้ว และรู้เรื่องหนักเบาดีค่ะ แต่พอคิดว่าเขาจะต้องเผชิญกับสิ่งเหล่านี้เพียงคนเดียว ฉันก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมานะค่ะ”

ไม่รู้ว่าลู่จือสิงตกลงไปที่ไหนกันแน่ หลี่จื้อส่งคนออกตามหาตลอดทั้งเช้าก็ยังไม่เจอตัว

ฉันรออยู่ที่บริษัทมาชั่วโมงกว่าแล้ว สุดท้ายจึงออกตามหาเองบ้าง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้