ฉันขยับตัว เวลานี้จึงได้รู้ว่ากำลังถูกลู่จือสิงกดอยู่ที่โซฟาด้านล่าง เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เจอสายตาคู่หนึ่งของเขา
เวลาสบตากับเขาฉันจะรู้สึกอึดอัดโดยไม่รู้สาเหตุ จึงพยายามจะดิ้นให้หลุด: “คุณปล่อยฉันก่อนค่ะ”
“ซูยุ่น”
แทนที่จะปล่อยตัวฉัน เขากลับออกแรงกดฉันลงไปอีก ตัวฉันเหมือนถูกกักขังอยู่ระหว่างตัวเขากับโซฟา ฉันไม่มีแรงมากพอที่จะผลักเขาออก ตอนนี้ตัวฉันราวกับเนื้อปลาบนเขียงที่ไม่อาจต้านทานได้
“ลู่จือสิง ฉัน——”
“คุณเคยรักผมบ้างมั้ย?”
ฉันยังพูดไม่ทันจบ เขาก็ขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน
เมื่อได้ยินคำถามของเขาฉันก็อึ้งไป ขณะที่กำลังจะเอ่ยปาก จู่ๆ เขาก็จูบลงมาทันที: “อย่าพูด!”
ฉันรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่บ้าง เขาเป็นคนถามเอง แต่กลับไม่ยอมให้ฉันตอบ
แต่เพียงไม่นานฉันก็ขำไม่ออกแล้ว
จูบของลู่จือสิงทั้งเร่งเร้าและร้อนแรง ฉันต้านไม่อยู่ และไม่อาจต้านทานได้
และในขณะที่เขาเอามือสอดเข้าไปในชุดนอนฉันก็รู้แล้วว่าเขาคิดจะทำอะไร ไม่ใช่เพราะฉันไม่อยากทำอย่างนั้นกับเขา แต่เป็นเพราะวันนี้เขาพุ่งเข้ามาอย่างน่ากลัว เห็นได้ชัดว่ากำลังเข้าใจฉันผิดอยู่
ฉันพยายามออกแรงจับมือเขาเอาไว้: “ลู่จือสิงคะ คุณฟังฉันพูดก่อน——ไม่!”
เขาไม่คิดที่ให้จังหวะฉันได้พูดจนจบ ขณะที่ฉันจะเอ่ยปากเขาก็ดึงชุดออกจากศีรษะฉันแล้วถอดออกไป
เมื่อร่างกายได้สัมผัสกับอากาศที่หนาวเย็น ตัวฉันก็สั่นสะท้าน นี่ใกล้จะเดือนพฤศจิกายนแล้ว เมือง D อากาศจะหนาวในตอนกลางคืน
ฉันมีสติมากขึ้นจึงยกมือขึ้นมาป้องไว้ด้านหน้า: “คุณรอก่อนคะ!”
ฉันใช้แรงทั้งหมดผลักเขาออก ในที่สุดเขาก็ยอมหยุดการกระทำขึ้นมา แต่ในสายตาที่มองมากลับเต็มไปด้วยความเย็นชา
ฉันรู้สึกน้อยใจที่ถูกเขามองแบบนี้: “คุณกำลังทำอะไรอยู่คะ?!”
เขามองตาไม่กระพริบ: “กินคุณ!”
มั่นใจอะไรขนาดนี้ คำพูดของฉันเหมือนติดอยู่ที่คอหอย ฉันไปไม่ถูกเลย
จากนั้นฉันก็กัดฟันควบคุมอารมณ์ของตัวเอง: “คุณบอกฉันให้ชัดเจนหน่อยซิคะ คืนนี้คุณเป็นอะไรกันแน่?”
เมื่อได้ยินคำพูดของฉันสีหน้าก็เย็นชามากขึ้น: “ซูยุ่น คำถามนี้ควรจะต้องเป็นผมถามคุณมากกว่านะครับ ที่คุณเงียบหายไปมันคืออะไรกันครับ? คุณคิดว่าผมเป็นคนแหย่ง่ายหรือ พออารมณ์ดีก็อยู่เล่นด้วย พอไม่พอใจก็สะบัดมือวิ่งหนีไปอย่างนั้นหรือ?”
ฉันกระพริบตาเมื่อรู้ว่าเขาเข้าใจฉันผิดแล้วก็รีบเอ่ยออกไป: “ฉันไม่ได้จะหายไปอย่างเงียบๆ นะคะ!”
“งั้นคุณพูดมา ในครึ่งเดือนกว่าที่ผ่านมาคุณเคยติดต่อผมบ้างมั้ย?”
คำพูดของเขาทำให้ฉันใจฝ่อเล็กน้อย แต่ก็ยังยืนกรานที่จะพูดออกไปว่า: “ไม่ใช่เพราะฉันงานยุ่งหรือคะ?”
“ฮึ ยุ่งจนไม่มีเวลาแม้แต่จะโทรศัพท์ซักครั้งเดียวเลยหรือครับ?”
ฉันรู้ตัวว่าเรื่องนี้ฉันเป็นฝ่ายผิดและรู้ด้วยว่าเขากำลังจะหาเรื่อง จึงได้แต่ยอมรับผิด: “หลายวันมานี้ฉันมัวแต่ยุ่งกับการลาออกนะค่ะ แล้วยังมีอีกสองโครงการในมือที่จะต้องส่งงานต่อด้วย ก็เลยยุ่งมากไปหน่อยค่ะ”
อีกอย่างฉันก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ตัวเขาเองก็ไม่เคยสัญญาอะไรในเรื่องของฉันกับเขามาก่อน หากออกตัวไปเองก่อนก็เหมือนแสดงให้เห็นว่าฉันแคร์เขามากอย่างนั้น
แต่ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะละเลยเขาจริงๆ นะ ฉันแค่อยากจะจัดการเรื่องราวในเมือง D ให้เรียบร้อยก่อน จะได้ไม่ต้องมาถามให้ละอายแก่ใจ ถึงตอนนั้นมันน่าจะดีถ้าทั้งสองฝ่ายต่างรู้กันเอาเองไปโดยปริยาย
พอได้ยินคำพูดของฉัน สีหน้าเขาก็ดีขึ้นมาหน่อยแล้ว: “คุณลาออก?”
ฉันเห็นท่าทีเขาดูอ่อนลงมาแล้วก็รีบอธิบายต่อ: “ฉันปล่อยขายห้องนี้ทางเว็บไซต์แล้วนะคะ”
ประโยคนี้มันชัดเจนอยู่ในตัวมากๆ พอพูดจบฉันก็หน้าแดงไปหมด
ลู่จือสิงเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว มีอึ้งไปซักพัก แต่ก็ยังมองฉันอย่างไม่กล้าที่จะเชื่อ: “คุณพูดจริงๆ หรือครับ?”
ฉันขมวดคิ้ว: “ฉันจะแกล้งทำไปเพื่ออะไรล่ะคะ?”
“แล้วคุณ——”
ฉันถูกถอดชุดท่อนบนออกไปแล้ว รู้สึกไม่ปลอดภัยแม้แต่น้อย ตอนนี้เรื่องราวก็เข้าใจกันดีแล้ว ฉันจึงอดไม่ได้ที่จะยกมืออีกข้างหนึ่งผลักเขาออก: “คุณลุกขึ้นก่อนนะคะ อย่ากดฉันอีกเลยค่ะ”
ผลคือ แทนที่เขาจะลุกขึ้น กลับมองฉันด้วยสายตาเปล่งประกาย: “ซูยุ่น ผม——”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้