หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ นิยาย บท 167

เขามองฉันด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก จากนั้นก็ดึงฉันเข้าไปหาแล้วก้มลงจูบ

ฉันนึกขึ้นมาได้ว่านี่คือหน้าประตูทางเข้าบริษัท ดัวยกลัวว่าเพื่อนร่วมงานจะมาเห็นเข้า จึงตีใส่เขา

โชคดีที่เขาปล่อยฉันโดยเร็ว พอได้ยินเสียงปลดล็อกประตู ฉันก็รีบผลักประตูกระโดดลงจากรถ จากนั้นก็วิ่งเข้าบริษัทโดยไม่กล้าหันกลับไปมอง

“ซูยุ่น ทำไมวิ่งมาเร็วแบบนี้ มีผีไล่ตามหลังเธอหรือ?”

เมื่อฉันมาถึงประตูลิฟต์ หลี่เจียนีก็มาจับมือฉันในทันใด

ฉันนึกว่าเป็นลู่จือสิงเสียอีก พอเห็นเป็นเขาฉันก็ผ่อนลมหายใจออกมา แล้วโบกมือพูดไปด้วยอาการเหนื่อยหอบ: “ไม่มีอะไรหรอก ฉันดูเวลาผิด เลยนึกว่าสายแล้ว”

“ฉันก็ว่าอยู่ เมื่อกี้เรียกเธออยู่ข้างหลังตั้งนาน เหมือนเธอจะไม่ได้ยินอย่างนั้นล่ะ”

ฉันยิ้มแก้เก้อออกมา จากนั้นก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก ด้วยกลัวหลี่เจียนีจะถามขึ้นมาอีกจนฉันต้องบอกความจริงออกไป

ลู่จือสิงช่างไร้ยางอายเสียจริง รถจอดอยู่หน้าประตูทางเข้าบริษัท ไม่รู้จะมีคนเห็นหรือเปล่า เกิดมีคนเห็นขึ้นมา เขาจะพูดถึงฉันอย่างไร

ตลอดทั้งเช้าฉันอยู่ที่บริษัทด้วยความอกสั่นขวัญแขวน

โชคดีวันนี้ทั้งวันฉันไม่ได้ยินข่าวลืออะไรที่เกี่ยวกับฉันและลู่จือสิง จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

พอถึงเวลาหกโมงเย็นก็ได้เวลาเลิกงาน

“ซูยุ่น เย็นนี้เราไปดูหนังกันมั้ย? ได้ยินว่ามีหนังเข้าใหม่อยู่เรื่องหนึ่งสนุกมาก

ฉันส่ายศีรษะอย่างยิ้มๆ: “ฉันว่าจะกลับบ้าน เธอไปกับเสี่ยวหลินเถอะ”

หลี่เจียนีได้ยินเข้าก็เบะที่มุมปาก: “ฉันไม่เคยเห็นเธอไปเดินเล่นหรือดูหนังกับฉันซักครั้งเลยนะ”

แท้จริงแล้วตั้งแต่ฉันเข้าบริษัทมาได้แปดเดือนกว่า ฉันไม่เคยรับนัดกับพวกเขาเป็นการส่วนตัวเลย

ฉันได้แต่กล่าวคำขอโทษด้วยรอยยิ้ม: “บ้านฉันมีธุระ เธอก็รู้อยู่”

หลี่เจียนีเป็นคนเดียวในบริษัทที่รู้เรื่องของฉันกับลู่จือสิงและเรื่องที่ฉันมีลูกชายแล้ว ฉันเองก็ไม่อยากพูดชัดเจนมากนัก

แต่ทว่าเธอก็เข้าใจจึงโบกมือใส่: “ก็ได้ เธอกลับไปเถอะ อย่าลืมนะ วันหลังเธอจะต้องพาฉันไปเจอให้ได้ล่ะ!”

เจออะไรเหรอ?”

เวลานี้ได้มีเพื่อนร่วมงานอีกคนโผล่เข้ามา ฉันตกใจเล็กน้อย ยังดีที่หลี่เจียนีไวพริบดี: “ไม่มีอะไร เย็นนี้ฉันกับเสี่ยวหลินจะไปดูหนัง เธอจะไปด้วยมั้ย?”

“ไปซิไป!!”

พวกเขาพูดเสร็จก็เดินไป แล้วหลี่เจียนีก็หันหลังมากระพริบตาให้ฉัน

ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วรีบเก็บข้าวของและปิดคอมเตรียมจะกลับบ้าน

เมื่อเดินออกมาจากประตูทางเข้าบริษัท ฉันก็เห็นรถของลู่จือสิงจอดอยู่ตรงถนนฝั่งตรงข้าม

เมื่อเห็นรถฉันก็ตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ ลู่จือสิงทำอะไรโจ่งแจ้งเกินไปแล้ว ตัวเขาไม่เป็นไรหรอก แต่ถ้าฉันถูกเพื่อนร่วมงานเห็นเข้า บวกกับเรื่องที่ลาออกไปเมื่อเร็วๆ นี้ ไม่รู้จะเอาฉันไปพูดอย่างไรบ้าง!

คิดแล้วฉันก็รีบวิ่งไปหา

“รีบวิ่งมาทำไมหรือครับ?”

เห็นเขาเดินเข้ามาหา ฉันก็รีบผลักเขาขึ้นรถ: “คุณอย่าออกมาซิคะ รีบเข้าไปในรถเลยค่ะ!”

ฉันก้มศีรษะแล้วก็ผลักเขาเข้าไปพร้อมกัน เพราะกลัวจะถูกคนพบเห็นฉันและลู่จือสิงตามท้องถนนเข้า

ฉันผลักเขาขึ้นรถ จากนั้นก็อ้อมไปขึ้นที่ฝั่งข้างคนขับ คาดเซฟตี้เบลแล้วก็ถามเขาอย่างไม่ปิดบังไปว่า: “คุณไม่มีธุระอะไรแล้วมาที่ประตูทางเข้าบริษัทของพวกเราทำไมล่ะคะ? เกิดมีใครมาเห็น——”

“ซูยุ่น ผมไม่เป็นที่ต้อนรับขนาดนี้เลยหรือครับ?”

ฉันเงยหน้าขึ้นมาถึงเห็นว่าสีหน้าของลู่จือสิงดูแย่มาก

สายตาของเขาที่มองมาทางฉันเยียบเย็นราวกับน้ำแข็ง พอได้ยินสิ่งที่เขาถาม ฉันก็เกิดความรู้สึกหวาดผวาขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ นิ้วมือสั่นไปหมด: “ไม่ ไม่ใช่นะคะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้