พอได้ยินเสียงฉันก็รีบหลบเข้าไปในอ้อมกอดของลู่จือสิง แต่ไม่ทันเสียแล้ว เพราะคนๆ นั้นได้เดินมาอยู่ตรงหน้าแล้ว
“ซูยุ่น เป็นเธอจริงๆ ด้วย!”
ฉันแข็งไปทั้งตัวเมื่อเห็นผู้จัดการหลินซึ่งเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดเดินซึ่งๆ หน้าเข้ามา
ลู่จือสิงแตะที่ตัวฉันๆ ถึงรู้สึกตัว จากนั้นก็ยิ้มให้ผู้จัดการหลิน แต่ดูท่ารอยยิ้มนี้คงน่าเกลียดกว่าตอนร้องไห้เสียอีก: “ผู้จัดการหลิน บังเอิญจังเลยนะคะ”
“นั่นซิ ไม่คิดว่าจะบังเอิญได้ขนาดนี้” ผู้จัดการหลินมองฉันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นสายตาก็ตกไปที่ลู่จือสิงที่อยู่ด้านหลังฉัน: “ประธานลู่ ไม่คาดคิดเลยว่าจะได้มาเจอกันที่นี่นะคะ”
ฉันในตอนนี้ไม่อยากจะคุยอะไรอีกแล้ว จึงยืนมองอย่างเงียบๆ มองดูผู้จัดการหลินและลู่จือสิงทักทายปราศรัยกันอยู่สองคนตรงนั้น
“ซูยุ่น เธอกับประธานลู่?”
ถึงฉันไม่พูดก็ไม่ได้หมายความว่าผู้อื่นจะไม่ถาม นับประสาอะไรกับลู่จือสิงซึ่งเป็นบุคคลในความสนใจของผู้คน
ฉันยังไม่ทันได้พูดออกมา ลู่จือสิงก็ชิงพูดขึ้นมาเสียก่อนว่า: “เธอคือภรรยาของผมครับ”
ผู้จัดการหลินอึ้งไปอย่างเห็นได้ชัด แต่เพียงไม่นานเธอก็ตั้งสติได้ จากนั้นก็ยิ้มอย่างเข้าใจให้ฉันกับลู่จือสิง: “ซูยุ่น เธอปิดข่าวซะมิดเลยเชียวนะ!”
ฉันยิ้มอย่างไม่เต็มใจ: “ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจหรอกนะคะ เพียงแต่ไม่มีใครถามขึ้นมานะค่ะ”
“อ๋อ ก็จริงนะ ฮ่าฮ่าฮ่า ก่อนหน้านี้เห็นหัวหน้าฟังยังพูดๆ อยู่เลยว่าจะแฟนให้เธอ”
ฉันยิ้มแก้เก้อ ไม่รู้จะพูดอะไรดี เวลานี้เหมือนพูดอะไรก็ดูขัดเขินไปหมด
โชคดีที่ผู้จัดการหลินเป็นคนที่ดูแววตาคนออก จึงไม่ได้พูดอะไรกับฉันและลู่จือสิงมากนัก จากนั้นก็บอกลากันไป
เมื่อเห็นผู้จัดการหลินเดินห่างออกไปไกลมากแล้วฉันก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
จากนั้นฉันก็หันกลับไปมองลู่จือสิงอย่างทอดถอนใจ “คุณยังต้องการซื้ออะไรอีกมั้ยคะ? ถ้าไม่มีเราก็รีบกลับกันเถอะค่ะ”
ยากนักที่เขาจะเห็นด้วย: “ไม่มีแล้ว กลับกันเถอะครับ”
ฉันถอนหายใจออกมา เมื่อกี้ลืมไปเลย ตอนอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตอาจจะบังเอิญเจอเพื่อนร่วมงานของฉันมาไม่น้อยแล้ว
ตลอดทางฉันรู้สึกเหนื่อยใจจึงนิ่งเงียบไปในที่สุด
คืนนี้ลู่จือสิงเป็นคนทำอาหาร ฉันไม่รู้ว่าเมื่อวานนี้นอกจากผู้จัดการหลินแล้วยังมีใครเห็นฉันและลู่จือสิงอีกบ้าง เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ฉันก็รู้สึกเวียนหัวหน่อยๆ
หลังจากกล่อมเป้ยเปยให้นอนหลับแล้ว ฉันก็เตรียมตัวจะไปอาบน้ำ แต่กลับถูกลู่จือสิงขวางเอาไว้
“คุณจะทำอะไรคะ?”
เขาผลักฉันติดกำแพงด้วยมือเดียว ฉันจะผลักเขาออก แต่ตัวเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่ากำแพงเสียอีก แล้วฉันก็ถูกเขาล้อมเอาไว้ทั้งตัว
เขาก้มศีรษะลงมามองฉัน แล้วหัวเราะเยาะใส่: “ซูยุ่น ตกลงเธอหมายความว่าอย่างไรกันแน่?”
ฉันขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดอะไรอยู่: “อะไรคือหมายความว่าอย่างไรหรือคะ?”
“ฮึ” เขาส่งเสียงออกมา: “คุณไม่ยอมให้เพื่อนร่วมงานเห็นหน้าผม คุณกำลังมองหาคนอื่นอยู่ซินะ?”
ฟังจากที่เขาพูดฉันก็พูดอะไรไม่ออก: “คุณคิดอะไรบ้าๆ อีกแล้วเนี่ย ฉันไปมองหาคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะ?”
ฉันลาออกจากงาน เตรียมจะกลับเมือง A อยู่แล้ว หรือว่าสิ่งที่ฉันกำลังทำอยู่นี่มันยังไม่ชัดเจนพออีกหรือ?
“ไม่มีหรือ? ผู้จัดการหลินอะไรนั่นยังพูดออกมาเลยว่าหัวหน้าพวกคุณคิดจะหาแฟนให้คุณ!”
ทีแรกฉันโมโหอยู่หลายส่วน แต่พอได้ยินคำพูดเชิงน้อยอกน้อยใจของเขา ความโมโหก็มลายหายสูญ แล้วฉันก็ยิ้มออกมา: “คุณล้อเล่นอยู่หรือเปล่าคะ คุณต้องหึงแรงระเบิด
ระเบ้อขนาดนี้เลยหรือคะ? ลู่จือสิง ประธานใหญ่ลู่ มาดของคุณไปไหนแล้วคะ?”
เขาไม่พูดจา เอาแต่มองฉันตรงๆ แบบนี้
ฉันถูกเขามองจนรู้สึกขนลุกขึ้นมาบ้างแล้ว ขณะที่จะผลักเขาออก จู่ๆ เขาก็ก้มลงมาจูบฉัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้