หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ นิยาย บท 171

สรุปบท บทที่ 171 จะหาผู้ชายแบบนี้ได้จากที่ไหนอีก: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้

สรุปเนื้อหา บทที่ 171 จะหาผู้ชายแบบนี้ได้จากที่ไหนอีก – หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ โดย ชวนฟงซื่อลี่

บท บทที่ 171 จะหาผู้ชายแบบนี้ได้จากที่ไหนอีก ของ หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ชวนฟงซื่อลี่ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

“เป็นเกียรติที่ได้พบครับคุณหลี่”

“ประธานลู่ ฉันชื่อฟางเจียเจีย คุณไม่รู้จักฉัน แต่ว่าฉันได้ยินชื่อเสียงของคุณมานานแล้ว”

“เป็นเกียรติมากครับ คุณฟาง”

“ประธานลู่ ฉันชื่อจงเสี่ยวหงค่ะ เหมือนกับฟางเจียเจียเลย คุณโด่งดังมาก ฉันเคยเห็นคุณในข่าวหลายครั้ง ไม่คิดเลยว่าจะโชคดีได้เจอตัวจริงอย่างนี้”

“เป็นเกียรติจริงๆ ครับ คุณจง”

หลังจากทักทายกันเรียบร้อยแล้วเราก็เริ่มสั่งอาหาร

พวกเธอเป็นคนคุยเก่ง ขณะที่ลู่จือสิงหันไปมองเป้ยเปย ฉันก็คุยกับหลี่เจียนีและพวกเธอเกี่ยวกับเรื่องที่บริษัท

อยู่ๆ จงเสี่ยวหงก็ขยิบตาให้ฉัน “ซูยุ่น ฉันจะเล่าอะไรให้ฟัง ตอนแรกผู้จัดการฝ่ายการตลาดเขาตั้งใจจะตามหาคุณ แต่หลี่เจียนีบอกว่าฉีซิ่วหรานกำลังตามหาคุณอยู่ เขาเลยจากไปอย่างโกรธๆ”

ฉันเลิกคิ้ว “ฉันไม่เห็นรู้เรื่อง พวกคุณอย่าพูดเล่นสิ”

“พูดเล่นที่ไหน ถ้าไม่เชื่อคุณลองถามเจียนีสิ”

ฉันเหลือบมองลู่จือสิงที่กำลังก้มหน้าก้มตาป้อนอาหารให้เป้ยเปยอยู่ข้างๆ

ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ฉันได้ยินมาว่าท่านรองประธานกำลังจะลาออก เป็นเรื่องจริงหรือ?”

“ดูเหมือนจะใช่นะ ได้ยินมาว่าท่านรองประธานจะออกไปเปิดกิจการของตัวเอง”

“อ๋อ... มิน่าล่ะ”

ฉันค่อยโล่งใจเมื่อเปลี่ยนหัวข้อสนทนาได้

“ซูยุ่น คุณรู้ไหมว่าตอนที่คุณเพิ่งเข้ามาทำงานน่ะ หวังรั่วหลินบอกทุกคนไปทั่วว่าคุณเป็นนักไต่เต้า ตอนนั้นฉันยังคิดเลยว่ามันคงเป็นการเอาคนไม่มีความสามารถเข้ามาทำงานอีกแล้ว!”

ฉันไม่เคยรู้เรื่องนี้เลยจริงๆ ฉันรู้แค่ว่าตอนที่เข้าไปทำงานที่บริษัท ดูเหมือนจะมีเพื่อนร่วมงานผู้หญิงบางคนที่ไม่พอใจฉันเอามากๆ “หวังรั่วหลินคือใครเหรอ?”

ฟางเจียเจียมองฉันแล้วหัวเราะ “ยังไงคุณก็ชนะแล้วละซูยุ่น เธอมองว่าคุณเป็นศัตรู แต่คงคิดไม่ถึงว่าคุณจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอเป็นใคร”

ฉันมึนๆ เพราะไม่รู้อะไรสักนิด “คุณก็รู้ว่าทุกวันหลังเลิกงานฉันต้องกลับบ้านไปดูแลเป้ยเปย ฉันไม่ได้ไปสังสรรค์กับพวกคุณ ก็เลยไม่ค่อยรู้อะไรเลย”

“โชคดีแล้วที่คุณไม่ได้ไป คุณไม่รู้หรอกว่าหวังรั่วหลินชอบงานสังสรรค์สุดๆ แผนกไหนมีปาร์ตี้เธอไปหมด พวกเรารำคาญเธอกันทั้งนั้น แต่ไม่รู้จะไล่เธอยังไงดี!”

หลังจากคุยกันนานกว่าสองชั่วโมงฉันก็เห็นว่าเป้ยเปยหลับไปแล้ว จึงบอกให้ลู่จือสิงพาเป้ยเปยกลับบ้านไปก่อน

เมื่อลู่จือสิงพาเป้ยเปยกลับไปแล้ว ในตอนบ่ายพวกเราก็หาร้านใหม่เพื่อนั่งคุยกันสบายๆ

พรุ่งนี้ฉันต้องขึ้นเครื่องบินตอนบ่าย วันนี้จึงไม่จำเป็นต้องรีบกลับนัก

“ซูยุ่น ไหนๆ พรุ่งนี้คุณก็ต้องไปแล้ว วันนี้อย่ารีบกลับเลยนะ ไปเที่ยวที่บาร์กับพวกเราก่อนดีกว่า”

บอกตามตรงว่าตั้งแต่เกิดมาฉันยังไม่เคยเข้าบาร์เลยสักครั้ง เมื่อฟางเจียเจียชวนขึ้นมาแบบนี้ฉันก็อยากรู้อยากเห็นขึ้นมา แถมฉันไม่มีเพื่อนที่เมือง A เลย หลังจากกลับไปฉันคิดว่าคงไม่มีโอกาสแบบนี้อีกแล้วแน่ๆ

หลังจากลังเลอยู่ชั่วอึดใจฉันจึงพยักหน้า “โอเค!”

ขณะกำลังเดินออกจากร้านอาหาร ลู่จือสิงก็โทรมาถามฉันว่าจะกลับกี่โมง

เขาต้องห้ามไม่ให้ฉันไปที่บาร์อย่างแน่นอน ฉันจึงต้องบอกไปว่าพวกเธอจะไปที่ร้านคาราโอเกะ พอเขาถามว่าจะเลิกเมื่อไหร่ฉันก็ได้แต่ตอบไปว่าไม่รู้

ฉันวางสายแล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก

หลี่เจียนีเข้ามาโอบฉันไว้ “ว้าวซูยุ่น คุณเริ่มโกหกเป็นแล้ว แต่ถ้าถูกลู่จือสิงจับได้ละก็ คุณแย่แน่!

เธอยิ้มนิดหนึ่ง “คุณจะไปเต้นหน่อยไหม”

ฉันมองไปที่ฟางเจียเจียและจงเสี่ยวหงที่กำลังสนุกสนานอยู่บนเวทีแล้วรีบส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่ดีกว่า ฉันไม่ค่อยชินที่ต้องอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายขนาดนี้”

เธอยิ้มให้ “งั้นคุณดื่มไวน์สักแก้วไหม ไวน์ที่นี่ดีกรีต่ำ คุณมาที่นี่ทั้งทีจะเอาแต่นั่งเฉยๆ ก็กระไรอยู่”

เธอพูดถูก ดังนั้นฉันจึงสั่งไวน์ดีๆ มาหนึ่งแก้ว

หลังจากที่ฉันนั่งคุยกับหลี่เจียนีไปหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ ฟางเจียเจียและจงเสี่ยวหงก็กลับมาพร้อมกับหายใจอย่างเหนื่อยๆ “ซูยุ่น คุณไม่ขึ้นไปเต้นบ้างเหรอ”

ฉันส่ายหน้ายิ้มๆ “ไม่ดีกว่า ฉันเต้นไม่เป็น”

“น่า... ไม่เห็นจำเป็นเลย แค่ขึ้นไปแล้วขยับไปมาเป็นใช้ได้”

ฉันได้แต่ยิ้มโดยไม่พูดอะไร

เรายังนั่งกันอยู่ที่นั่นจนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปถึงห้าทุ่มครึ่ง และลู่จือสิงก็โทรมาหาฉันถึงสองครั้ง

ฟางเจียเจียและจงเสี่ยวหงมองมาที่ฉันแล้วหัวเราะ “แหมๆๆ ประธานลู่นี่เข้มงวดจริงๆ แต่นี่ก็ค่อนข้างดึกแล้ว เรากลับกันเลยดีกว่า”

ฉันพยักหน้าพร้อมกับหยิบกระเป๋าและลุกขึ้น

พวกเรามาที่บาร์เพื่อมาผ่อนคลาย และเพราะว่าเราสี่คนมีแต่ผู้หญิงจึงไม่ได้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กันมากนัก

แต่ว่าคนอื่นนั้นต่างออกไป เพียงแค่ลุกออกจากที่นั่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกใครบางคนชนเข้า

เป็นผู้ชายสองคนซึ่งเห็นได้ชัดว่าเมามากแล้ว “พวกคุณเดินกันยังไงไม่ดูตามาตาเรือ?!”

พวกเราไม่อยากก่อเรื่องจึงก้มหน้าขอโทษ แต่ผู้ชายหนึ่งในนั้นกลับจับฉันเอาไว้ “จะไปไหน ฉันอนุญาตให้พวกเธอไปแล้วหรือไง?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้