ฉันไม่ชินกับการถูกเนื้อต้องตัวคนแปลกหน้าจึงยกมือขึ้นผลักออกไปโดยไม่รู้ตัว “ปล่อยฉันนะ!”
“ชนคนอื่นแล้วคิดจะหนีไปง่ายๆ เหรอ”
ชายคนนั้นไม่เพียงแต่ไม่ยอมปล่อย แต่เขายังดึงฉันไปไว้ข้างๆ ตัว จนฉันทั้งกลัวและเริ่มโกรธขึ้นมานิดๆ
หลี่เจียนียื่นมือออกไปผลักชายคนนั้นและดึงฉันกลับไป “พวกคุณหยุดอยู่แค่นั้นเลยนะ ถ้าขืนทำอะไรพวกเราอีก ฉันจะแจ้งตำรวจ!”
ชายคนนั้นเมาอยู่แล้วและแรงของหลี่เจียนีก็ไม่ใช่น้อย เมื่อถูกเธอผลักแบบนั้นเขาจึงเซถอยหลังไปสองสามก้าว
หลังจากที่หลี่เจียนีเข้ามาขัดขวางไว้ ผู้คนที่อยู่รอบๆ ก็มองมาอย่างตื่นเต้น ทว่าไม่มีใครกล้ายื่นมือออกมาช่วย
ฉันควานหาโทรศัพท์มือถือตั้งใจจะโทรแจ้งตำรวจ แต่ชายสวมเสื้อเชิ้ตสีแดงที่ยืนอยู่ทางขวาก็มาแย่งโทรศัพท์ของฉันไป “เรียกตำรวจอะไร? ถ้าตำรวจเห็นกูจะต้องยอมรับผิด เธอจะแจ้งอะไรตำรวจ?”
ชายที่สวมเสื้อเชิ้ตสีแดงพูดพลางก้าวเข้ามาผลักไหล่ฉันอย่างแรงจนฉันทรงตัวไม่อยู่เซถอยหลังไปหลายก้าว
ฉันคิดว่าตัวเองกำลังจะล้ม แต่ไม่คิดว่าจะมีมือคู่หนึ่งมาช่วยรับฉันจากทางด้านหลัง
“พวกนายคิดจะทำอะไร”
มีเสียงทุ้มต่ำและนุ่มลึกของผู้ชายดังขึ้น เมื่อหันไปมองจึงพบเป็นว่าเป็นเสียงของชายอายุประมาณสามสิบปีที่ดูหล่อเหลาคนหนึ่ง จมูกของเขาโด่งเป็นสันและมีคิ้วคมเข้ม
เมื่อสังเกตเห็นสายตาของฉัน เขาก็ก้มลงมองฉันตอบ
ฉันยิ้มให้เขา “ขอบคุณมากค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
เขาพูดขณะเดินมายืนอยู่ข้างหน้าพวกเรา มองชายที่เมาอยู่ทั้งสามคนและหันไปทางพนักงานเสิร์ฟที่อยู่ข้างๆ “เจ้าของร้านของพวกคุณอยู่ไหน”
ไม่รู้ทำไมว่าพนักงานเสิร์ฟจึงมีท่าทีนอบน้อมเป็นอย่างมาก
ชายคนนั้นพูดเพียงไม่กี่คำ ไม่นานก็มีคนออกมาลากชายขี้เมาทั้งสามคนโยนออกไปจากบาร์
เขาไม่ใช่คนธรรมดาๆ แน่ๆ
แม้จะชื่นชมหนุ่มหล่อ แต่ฉันก็ยังชินกับการรักษาระยะห่างกับเพศตรงข้าม หลี่เจียนียังโสด ฉันจึงดันเธอไปข้างหน้าแล้วกระซิบที่ข้างหู “ขอบคุณสิ ใช้โอกาสนี้ขอวีแชทเลย”
หลี่เจียนีหยิกฉันไปหนึ่งที ฉันขำ ปกติเธอเป็นคนตรงไปตรงมา ตอนนี้พอมีโอกาสเธอกลับทำตัวเหมือนเด็กสาวอายุสิบแปดปีที่ไม่กล้าก้าวออกไปข้างหน้า
ฉันผลักเธอจากด้านหลังอีกครั้ง ในที่สุดก็ได้ยินเธอพูดออกมาว่า “ขอบคุณสำหรับเรื่องเมื่อครู่นี้ด้วยนะคะ”
ฟางเจียเจียกับจงเสี่ยวหงยืนหัวเราะอยู่ข้างๆ ฉันเองก็อดหัวเราะไม่ได้
“ผมแซ่จงครับ ชื่อของผมคือชวี่ ชวี่ที่แปลว่าดวงอาทิตย์ที่ขึ้นทางทิศตะวันออก”
“สวัสดีค่ะ ฉันแซ่หลี่ ชื่อเจียนี เจียนีที่แปลว่าผู้หญิงที่ดี”
ในเมื่อแนะนำตัวกันเรียบร้อยแล้ว ฉันกับฟางเจียเจียจึงแนะนำชื่อของตัวเองกันบ้าง
จงชวี่มองพวกเราทั้งสี่คนก่อนจะบอกว่า “ดึกมากแล้ว ให้ผมไปส่งพวกคุณดีกว่า”
“คุณจงไปส่งเจียนีเถอะค่ะ ส่วนฉันจะเรียกให้สามีมารับ”
จงชวี่มองฉันและชะงักไปนิดหนึ่ง แต่ไม่ช้าเขาก็ยิ้มให้ “งั้นเรารอสามีคุณมาก่อนแล้วค่อยไปดีกว่า”
ฉันรู้ว่าเขากลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้นอีก ฉันเองก็เพิ่งรู้สึกตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นจึงไม่ปฏิเสธและโทรเรียกให้ลู่จือสิงมารับ
ตอนนี้เป้ยเปยหลับไปแล้ว รอไม่นานลู่จือสิงก็มารับฉัน
ทันทีที่มาถึงเขาก็ดึงฉันไปข้างๆ แล้วมองจงชวี่อย่างไม่ไว้ใจ “คนนี้ใคร?”
“นี่คุณจง เมื่อกี้เกิดปัญหาขึ้นนิดหน่อย แต่ได้เขาช่วยไว้”
ฉันรีบดึงลู่จือสิงไว้เพราะกลัวว่าเขาจะพูดอะไรให้เกิดเรื่องยุ่งขึ้นมาอีก “เอาละ คุณจง สามีของฉันมาแล้ว ฉันคงต้องไปก่อน ฝากเจียนีด้วยนะคะ”
จงชวี่พยักหน้า “งั้นลาละครับ”
“ลาก่อน”
การกล่าวลาครั้งนี้อาจจะเป็นการร่ำลากันอย่างแท้จริง
เห็นได้ชัดว่าหลี่เจียนีก็คิดแบบเดียวกันกับฉัน พรุ่งนี้เธอยังต้องไปทำงานและคงไม่มีเวลาไปส่งฉันที่สนามบิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้