เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด ฉันก็ทำได้เพียงยิ้มอย่างเย็นชา "แค่10นาที งั้นคุณก็พูดมา"
ในสายตาเขามีแสงแพรวพราวเล็กน้อย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ
ก่อนหน้านี้ฉันก็เคยเห็นเขาเป็นเช่นนี้ ฉันรู้สึกทุกข์ใจ แต่ในตอนนี้ฉันไม่มีแม้แต่ความทุกข์ใจและกลับรู้สึกเยาะเย้ยเขาเล็กน้อยด้วยซ้ำ
เห็นๆกันอยู่ว่ามันเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ ทำไมถึงกลับกลายมาเป็นปัญหาเช่นนี้?
เขามองฉัน เขาเงียบไปชั่วครู่และเริ่มกล่าว "ซูยุ่น ผมยอมรับว่าที่ผมทำมันไม่ถูกต้อง ผมไม่ควรโกรธ ไม่ควรโมโหคุณเพียงเพราะว่าคุณและซวี่ชิงหนานไปทานข้าวด้วยกันเพียงหนึ่งมื้อ ผมรู้ว่าผมเป็นแบบนี้มันไม่ดีเลย แต่ในช่วงหลายปีมานี้ ผมไม่ได้อยู่เคียงข้างคุณ คนที่อยู่เคียงข้างคุณก็คือเขาแล้วยังมีฉีซิ่วหรานอีก"
เขาพูดจบก็ปรากฎรอยยิ้มขมขื่น "ถึงแม้ว่าผมไม่อยากยอมรับเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ต้องพูด ไม่ว่าจะเป็นฉีซิ่วหรานหรือว่าซวี่ชิงหนาน พวกเขาทั้งหมดเป็นผู้ชายที่น่าดึงดูดและมีสเน่ห์มาก ผมรักคุณ แต่ในระยะเวลาสองปีนั้นผมกลับทำผิดต่อคุณและเป้ยเปย ในช่วงเวลา2ปีนั้น ไม่ว่าจะเป็นฉีซิ่วหรานหรือว่าซวี่ชิงหนาน พวกเขาก็ได้ติดต่อกับคุณอยู่เสมอ ในเวลาสองปีนั้นของพวกคุณสำหรับผม ผมรู้สึกว่ามันเป็นเหมือนพื้นที่ส่วนหนึ่งที่ผมไม่สามารถเข้าไปได้เลยและคุณเองก็ไม่ยอมออกมาจากพื้นที่นั้น"
ฉันไม่ได้ตอบอะไร เขาเหลือบมองฉันอีกครั้ง "ผมกลัว ผมกลัวว่าสุดท้ายแล้วคุณจะปล่อยผมไปแล้วไปเลือกพวกเขา ครั้งนี้ที่ผมโมโหเป็นเพราะเรื่องระหว่างคุณและซวี่ชิงหนาน ความรู้สึกที่ผมไม่สามารถเข้าไปอยู่กับคุณได้มันทำให้ผมรู้สึกว่าสำหรับคุณผมอาจเป็นเพียงของที่จะมีหรือไม่มีก็ได้ คุณอาจไม่รู้ตัวเองเลย ถึงแม้ว่าคุณจะตอบรับผมว่าเราจะเริ่มต้นใหม่ด้วยกันอีกครั้ง แต่ความรู้สึกที่คุณมีต่อผมนั้นดูเหมือนคุณกลับเฉยเมยมากยิ่งขึ้น ผมยอมรับในทุกสิ่งที่ได้ทำกับคุณ แต่ไหนแต่ไรคุณไม่เคยร้องขออะไรจากผม ผมเองก็ไม่รู้ว่าในสิ่งที่ผมให้คุณนั้นมันพอแล้วหรือยัง ผมคิดว่าผมสามารถให้ทุกสิ่งที่ผมหาและทำให้คุณได้ แต่ระยะห่างของคุณนั้นทำให้ผมไม่มีความสบายใจ"
"การไปทำงานต่างจังหวัดในครั้งนี้ คุณไม่เคยโทรหาผมสักสาย แม้แต่ข้อความก็ยังไม่มี ผมให้หลี่จื้อบอกกับคุณว่าผมไปทำงานต่างจังหวัด คุณก็ไม่ได้ถามอะไรแม้แต่ประโยคเดียว"
เขาพูดจบ เขายิ้มเล็กน้อยแต่เป็นรอยยิ้มที่ดูเจ็บปวด "คุณอาจจะไม่รู้ ในตอนที่หลี่จื้อโทรหาคุณ ผมอยู่ข้างๆเขา เขาเปิดลำโพง ตอนที่ผมได้ยินคุณตอบเพียงคำว่า อืม มันเหมือนกันว่าผมไม่ได้มีความสำคัญอะไรต่อใจของคุณเลย"
"บ่ายวันเสาร์ผมกลับจากการทำงานที่ต่างจังหวัด แต่ที่สิ่งรอต้อนรับผมกลับเป็นบ้านที่ว่างเปล่า ผมอดทนไม่โทรหาคุณ แต่ผมไม่ได้คาดหวังว่าจะเห็นคุณและซวี่ชิงหนานเดินอุ้มเป้ยเปยกันเข้ามาในบ้าน ในตอนนั้นผมรู้สึกว่าพวกคุณสามคนคือครอบครัวเดียวกัน ส่วนผมเป็นเพียงแค่คนนอก"
เขาก้าวมาข้างหน้าอีกก้าว ในตอนนี้ ระยะที่เขาอยู่ห่างจากฉันนั้นสั้นลงเรื่อยๆ
ฉันเงยหน้ามองเขาและไม่พูดอะไร
ดูเหมือนเขาจะไม่ต้องการให้ฉันพูด เขายื่นมือออกมาคว้ามือของฉันและเอามือของฉันไปวางไว้ที่หัวใจของเขาจากนั้นเขาก็กล่าวทีละคำ "ซูยุ่น ผมรู้ผมผิด แต่สิ่งเดียวที่ผมผิดก็อาจเป็นเพราะผมรักคุณมากจนเกินไป ผมกลัวที่จะต้องเสียคุณไป"
พูดตามตรง หากว่าฉันอายุน้อยกว่านี้สัก5ปี ปฏิกิริยาของฉันที่มีต่อคำพูดของลู่จือสิงจะต้องเป็นน้ำตาที่ไหลออกมาจากนั้นฉันก็รู้สึกสะเทือนใจกอดเขาเอาไว้และพูดกับเขาว่าฉันเองก็ผิดเหมือนกันและฉันจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว
แต่ตอนนี้ฉันอายุ 30 ปีแล้ว แม้ว่าจะมีประสบการณ์โรแมนติกเพียงสองครั้ง แต่เนื่องด้วยการใช้ชีวิตของฉัน ฉันก็ยิ่งเข้าใจอะไรมากขึ้นเรื่อยๆ
ไม่อาจจะปฏิเสธมันก็ดีอยู่บ้าง คำพูดของลู่จือสิงก็สร้างความประทับใจให้ฉัน แต่ในความประทับใจนั้นฉันไม่ได้มีความรู้สึกตกลงร่วมใจไปกับเขาและไม่ใช่เพราะเพียงคำพูดของเขาแล้วฉันจะยกโทษให้
เรื่องบางเรื่องจะผิดจะถูกก็ยังไม่ชัดเจน แต่จะเป็นไปได้หรือไม่ได้นั้นก็สามารถรับรู้ได้
ฉันดึงมือกลับอย่างสุดแรง สีหน้าของฉันก็ยังคงนิ่งสงบ "คุณพูดจบหรือยัง?"
ใบหน้าของเขาแข็งทื่อ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดว่าฉันจะกล่าวอย่างเย็นชาแบบนี้
ฉันมองเขาและไม่ได้เร่งเร้าให้เขาตอบ
ผ่านไปเกือบสามวินาที เขาจึงกล่าว "พูดจบแล้ว"
สีหน้าลู่จือสิงนั้นไม่ดีนัก เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจในปฎิกิริยาของฉัน
ตอนนี้ฉันไม่อยากคิดมากเกี่ยวกับความคิดของเขา เป็นเพราะฉันคิดมากไปอาจทำให้ฉันรู้สึกไม่เป็นธรรม
เดิมทีฉันนั่งอยู่บนเก้าอี้ ฉันลุกขึ้นยืน เงยหน้าขึ้นเพื่อสบสายตากับเขา "ลู่จือสิง ฉันไม่ใช่เด็กๆแล้ว คุณเองก็เช่นกัน เราไม่สามารถที่จะไร้เดียงสาไปได้ตลอดหรอก เรื่องระหว่างคุณกับฉัน อาจจะ----"
"ซูยุ่น!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้