เซี่ยงฉิงใช้เวลาเกือบสิบนาทีจึงกลับมา ถ้าเธอยังไม่กลับมาอีก ฉันคงคิดว่าเธอจะหนีการสู้รบไปแล้ว
เมื่อเธอกลับมาอีกครั้ง บุคคลก็ไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้แล้ว บุคลิกดีมากขึ้น: "รุ่นพี่ฉี ขอโทษด้วยนะ เมื่อกี้ฉันตื่นเต้นมากเกิน ลืมตัวไปหน่อย"
"ไม่เป็นไร"
ฉันเอียงไปมองเซี่ยงฉิง ใช้สายตาถามเธอว่าเกิดอะไรขึ้น ผลสุดท้ายเธอก็ฝืนยิ้มๆให้ฉันเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไร
ฉันก็ยิ้มกับเธอเล็กน้อย ไม่ว่ายังไง เธอไม่ตึงเครียดแล้ว ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี
หลังจากเซี่ยงชิงคืนกลับมาสู่สภาพเดิม พวกเราก็ทานอาหารมื้อนี้กันอย่างมีความสุข
หลังจากเสร็จแล้วฉันก็คิดๆ ถามความคิดเห็นของพวกเขาสักเล็กน้อย ฉันวางแผนก่อนออกไป
"ซิ่วหราน ให้เซี่ยงฉิงเดินเล่นเป็นเพื่อนคุณ ได้ไหม?"
คนกลางไม่ง่ายที่จะทำ หากทำได้ไม่ดี ก็ง่ายต่อการที่จะทำให้เพื่อนทั้งสองฝ่ายผิดใจกัน
โชคดีที่เซี่ยงฉิงไม่ได้พูดจา พวกเราทั้งสองต่างก็ดูความเห็นของฉีซิ่วหราน นี่ทำให้ฉันไม่ได้อึดอัดขนาดนั้น
ก็ไม่รู้ว่าฉีซิ่วหรานอยากจะอยู่ด้วยกันกับเซี่ยงฉิงจริงๆ หรือว่าเขาไว้หน้าฉัน แต่ในที่สุดเขาก็พยักหน้า: "โอเค คุณกลับไปเถอะ เดินทางปลอดภัย"
ฉันพยักหน้า ก่อนที่จะออกไป ก็ขยิบตากับเซี่ยงฉิง: "สู้ๆ!"
เสร็จแล้ว ฉันจึงยิ้มกับฉีซิ่วหรานเล็กน้อย จากนั้นก็หันเดินออกไป
รถของลู่จือสิงอยู่ด้านนอก ฉันขึ้นรถ เป้ยเปยก็เข้ามาหา: "แม่!"
ฉันโอบกอดเขา เมื่อรถเริ่มขับออกมาก็นำเขากลับไปนั่งบนเก้าอี้อย่างปลอดภัย
"ประธานฉีพูดคุยกับคุณเซี่ยงเป็นยังไงบ้าง?"
ฉันเพิ่งนั่งลง ลู่จือสิงที่อยู่ด้านหน้าก็อดใจไม่ไหวที่จะถามฉัน
ฉันก็ไม่รู้ว่าเขาจะขี้ซุบซิบนินทาแบบนี้ คิดๆแล้ว ให้เซี่ยงฉิงและฉีซิ่วหรานคนทั้งสองพูดเรื่องราวของโรงเรียนเดียวกัน: "เดิมทีเซี่ยงฉิงและฉีซิ่วหรานก็ยังมีความเกี่ยวของเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกัน ฉันก็เพิ่งจะรู้วันนี้ ได้ฟังเซี่ยงฉิงพูด ฉีซิ่วหรานอยู่ที่โรงเรียนของพวกเธอค่อนข้างจะมีชื่อเสียง ฉันดูความหมายของเซี่ยวฉิง คล้ายกับว่ายังชอบฉีซิ่วหรานอยู่"
อันที่จริงการชอบก็ไม่เท่าไรหรอก เพียงแต่ตอนนี้ผู้หญิงชอบผู้ชาย พื้นฐานแล้วเริ่มจากการเคารพเลื่อมใส
ในเมื่อฉีซิ่งหรานเป็นไอดอลสมัยมหาวิทยาลัยของเซี่ยงฉิง นั่นจึงดีกว่าที่คนทั้งสองไม่มีมิตรภาพอะไรต่อกันมาก่อนเลย
"คนทั้งสองมีความเกี่ยวข้องกัน"
"ฉันก็ว่าอย่างนั้น"
"งั้รต่อไปคุณยังต้องไปเป็นเพื่อนประธานฉีอีกไหม?"
ฉันจ้องมองเขา: "ประธานลู่ คุณน้อยใจหรอ?"
"เหอๆ อยู่ต่อหน้าภรรยา จะมาน้อยใจที่ไหนกัน"
“……”
ช่างเถอะ ฉันเถียงสู้เขาไม่ได้ ไม่พูดแล้ว
ลู่จือสิงบอกฉันว่าต้องการให้ฉีซิ่วหรานและเซี่ยงฉิงมีพื้นที่ว่างเพื่ออยู่ด้วยกันสองต่อสอง ดังนั้นตอนเย็นจึงให้ฉันมาทานข้าวด้วยกันกับเขาลัเป้ยเปย ไม่ต้องตามไปที่พวกเขาแล้ว
ถึงแม้ฉันจะรู้ว่าลู่จือสิงไม่อยากให้ฉันอยู่ด้วยกันกับฉีซิ่วหราน แต่ก็ไม่ยอมรับไม่ได้ ว่าที่เขาพูดก็ถูก
คนทั้งสองพูดคุยกันก็ดี ฉันไม่ควรไปติดตามอยู่ตลอด
เชือกนี้ฉันจูงแล้ว กระทั่งสุดท้ายแล้วคนทั้งสองนี้จะเป็นยังไง นั่นก็ฉันก็ไม่สามารถพอที่จะคาดการณ์และก้าวก่ายได้
ยังเหลืออีกครึ่งเดือนกว่าจะข้ามปี ถือโอกาสที่มีเวลาว่างตอนนี้ ฉันคิดๆแล้ว ก็พาเป้ยเปยไปซื้อเสื้อผ้าใหม่
เพราะตอนเย็นทานอาหารข้างนอก เมื่อกลับไปเป้ยเปยเห็นเด็กที่เล่นอยู่ที่ลานสาธารณะ แล้วก็เห็นลูกโป่ง ลู่จือสิงจำเป็นต้องจอดรถ
ในท้ายที่สุดฉันและลู่จือสิงต้องเดินไปรอบๆลานสาธารณะเป็นเพื่อนเป้ยเปยสักพักจึงกลับไป เมื่อกลับไปก็เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้ว เวลานี่เซี่ยงฉิงก็ส่งข้อความมาให้ฉันพอดี: "กลับบ้านอย่างปลอดภัย ขอบคุณคุณมากจริงๆซูยุ่น!
มองออกเลยว่า ตอนนี้เซี่ยงฉิงกำลังตื่นเต้นดีใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้