หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ นิยาย บท 229

เซี่ยงฉิงเข้ามาอย่างรวดเร็ว พลางทานอาหารเช้าแล้วพูดกับฉันว่า : "ซูหยุนฉันจะบอกกับคุณ รุ่นพี่ฉีนี่เย็นชาไม่ธรรมดาจริงๆ หลังจากคุณออกไปแล้ว เราทั้งคู่พูดคุยรวมกันแล้วไม่ถึงสิบประโยค"

ฉันขมวดคิ้ว : "พูดแบบนี้พวกคุณทั้งสองคนไม่มีหวังแล้วหรอ?"

เธอซดโจ๊กหนึ่งคำจึงพูดกับฉันว่า : "ฉันก็ไม่รู้ ไม่พอฉันยังรู้สึกว่ารุ่นพี่ฉีไม่ได้สนใจฉันแล้ว แต่ทว่าคุณไม่รู้ซูยุ่น จริงๆแล้วฉันเคยเจอเขาครั้งหนึ่งตอนที่ฉันเรียนอยู่มหาวิทยาลัย ตอนนั้นดูเหมือนว่าเขาจะกลับมาคุยเรื่องโครงการกับาจารย์ที่ปรึกษาของเขา ฉันได้ยินชื่อเขามาตลอด แต่ไม่เคยเห็นคนจริงๆ เมื่อก่อนฉันรู้สึกว่ารุ่นพี่ผู้ชายกับรุ่นพี่ผู้หญิงของโรงเรียนมันเพ้อเจ้อเกินไป ทั้งหมดเป็นแค่นิยาย แต่หลังจากที่ฉันเห็นเขา ฉันรู้สึกได้ว่า พวกเขาทำตัวไม่ให้เป็นจุดสนใจจนเกินไป!"

ได้ฟังเซี่ยงฉิงแล้ว ฉันก็อดยิ้มไม่ได้ : "คุณเห็นว่าฉีซิ่วหรานรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาใช่ป๊ะ?"

"ไอ๊ยา ซูยุ่น ถูกคุณเปิดโปง!"

ฉันหัวเราะ : "โอเคๆๆ ฉันไม่เปิดโปงก็ได้! งั้นตอนนี้พวกคุณเป็นอย่างไรบ้าง คุณจะโทรหาเขาไหม? นัดเขากินข้าวอีกครั้งไหม?"

ฉันเพิ่งจะพูดจบ สีหน้าเซี่ยงฉิงก็หม่นหมองลง : "ฉันไม่ต้องการเบอร์เขา"

ฉันรู้ว่าตนเองถามสิ่งที่ไม่ควรถาม สักพัก ก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี

ใครจะรู้เวลานี้ เซี่งฉิงก็ยิ้มขึ้นมา : "แต่ว่าฉันต้องการวีแชทเขา!"

ฉันตกตะลึง : "เมื่อกี้คุณล้อฉันเล่นหรอ?"

"อิอิอิ!"

"ได้เลย เซี่งฉิง ฉันดูออกว่าคุณเป็นคนมุ่งมั่นที่จะเอาชนะ!"

"ที่ไหนกัน นี่ไม่ใช่เพราะคุณเป็นกองหนุนฉันหรอ? ! อีกทั้งไม่ใช่ว่าคุณไม่รู้ว่ารุ่นพี่ฉีเขาเย็นชามาก ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วฉันทำเองคนเดียวจะมีประโยชน์หรือเปล่า!"

ได้ฟังคำพูดของเธอ เป็นอันว่าฉันก็รู้แล้ว นี่เซี่งฉิงกลับมาจริงจังแล้ว : "ได้เลย คุณวางใจเถอะ ฉันจะช่วยคุณเท่าที่ทำได้!"

ทั้งสองฝ่ายเป็นเพื่อนของฉัน ฉันก็ไม่สามารถเอนเอียงช่วยใครคนใดคนหนึ่งได้!

เป็นธรรมดาที่ฉันจะช่วยเซี่ยงฉิง แต่อย่างแรกเลยคือต้องไม่ไปรบกวนฉีซิ่วหราน ถ้าเอาแต่ช่วยอย่างเดียว ท้ายที่สุดจะวุ่นวายจนทั้งสองฝ่ายดูไม่ดี ฉันก็จะเสียเพื่อนทั้งสองคนไป

การจับคู่เป็นเรื่องที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกมาตั้งแต่สมัยโบราณ อันที่จริงฉันไม่เข้าไปยุ่ง น่าจะดีที่สุด

ถึงแม้จะรับปากว่าจะช่วยเซี่ยงฉิง แต่ว่าฉันก็ทำดีแล้วเพียงแต่ช่วยเล็กน้อยก็ดีกว่าไม่ช่วย

"กองหนุนอะไรหรอ?"

เราสองคนกำลังคุยกัน จู่ๆถงเจียหลินก็เข้ามา

ฉันมองเซี่ยงฉิง "คุณคุยกัยเจียหลินเถอะ!"

"อะไรอ่ะ เพียงแค่วันหยุดสุดสัปดาห์ ทำไมฉันรู้สึกว่าพวกคุณปิดบังเรื่องราวมากมายกับฉัน!"

ใช่ไหม ผ่านไปแค่หนึ่งวันหยุดสุดสัปดาห์ ทำไมฉันรู้สึกได้ว่าหัวใจดวงนี้ของเซี่ยงฉิงเต้นรุนแรงขนาดนี้

เวลาเที่ยงฉันโทรหาฉีซิ่วหราน ถามถึงความประทับใจที่มีต่อเซี่ยงฉิง

เขาตอบอย่างกว้างๆ สองคำ : ไม่เลว

ฉันได้ยินก็รู้เลยว่า ฉีซิ่วหรานน่าจะไม่มีความคิดเห็นอะไรกับเซี่ยงฉิง ฉันก็ไม่ถามต่อไปอีก ถามเขาเรื่องอื่น

หลังจากคุยกันสักพัก ฉันได้ยินว่ามีคนเรียกเขา ฉันรู้ว่าเขามาที่นี่น่าจะค่อนข้างยุ่ง ฉันก็ไม่รบกวนเขาต่อ ก็เป็นฝ่ายวางสายก่อน

"ซูยุ่น คุณไปไหนมา! เกิดเรื่องแล้ว!"

ฉันเพิ่งวางสายแล้วไปห้องทำงาน ระหว่างนั้นเซี่ยงฉิงก็วิ่งเข้ามา เธอวิ่งมาอย่างเร็ว ฉันยื่นมือออกไปดึงเธอเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ชนฉัน

ฉันมองเธอ เห็สีหน้าเธอไม่ค่อยดี : "เกิดอะไรขึ้น?"

"ไม่รู้ว่าโรคจิตที่ไหน พูดเรื่องไร้สาระบนอินเทอร์เน็ต ตอนนี้คุณถูกค้นหายอดฮิตเป็นอันดับหนึ่งแล้ว!"

ฉันรับโทรศัพท์เธอมา ก้มลงไปดู จ้องมองไปที่หัวข้อ ฉันก็ขมวดคิ้ว : "นี่มันไร้สาระอะไร วันนั้นคุณก็อยู่!"

"ก็ใช่นะสิ สื่อเหล่านี้ตอนนี้ไม่รู้จริงๆว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร!"

อันที่จริงฉันไม่ดูหัวข้อนั้นอีกต่อไป อะไรกันภรรยาของลู่จือสิงเพิ่งจดทะเบียนสมรสไม่นานก็นอกใจแล้ว พูดจาเหลวไหลจริงๆเลย อาศัยถ่ายรูปฉันกับฉีซิ่วหรานที่กินข้าวอยู่ด้วยกันสองคนลำพัง?

หลังจากฉันกลับไปที่นั่งก็ดูต่อเอง ปรากฏว่าไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างนั้น

ภาพเมื่อก่อนที่ฉันอยู่เมืองDเป็นเพื่อนบ้านกับฉีซิ่วหรานก็ถูกถ่ายไว้หมด บางคนถึงกับบอกว่าเป้ยเปยเป็นลูกชายของฉีซิ่วหราน!

ฉันโกรธจนเกือบจะทำโทรศัพท์หล่น สุดท้ายยังเป็นเซี่ยงฉิงที่ดึงสติฉัน : "ซูยุ่น คุณรีบบอกเรื่องนี้กับประธานลู่เถอะ!"

ฉันชะงักงัน ก็รู้ว่าเวลานี้ไปหาลู่จือสิงคือสิ่งที่ถูกต้องที่สุด อย่างน้อยด้านคำวิพากวิจารณ์ ลู่จือสิงมีความสามารถในการปราบปราม

พยักๆหน้า ฉันหยิบโทรศัพท์โทรไปหาลู่จือสิง

ใครจะรู้หมายเลขของลู่จือสิงอยู่ในสาย ฉันก็ใจร้อนหงุดหงิดเล็กน้อยแล้ว

อันที่จริงปกติฉันรู้สึกว่าไม่มีอะไร แต่ครั้งนี้มันเกินไปแล้ว นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะใส่รูปถ่ายของเป้ยเปยลงไป ต่อไปเป้ยเปยจะเผชิญหน้ากับเพื่อนร่วมชั้น คุณครูได้อย่างไร? !

เดิมทีฉันไม่อยากให้เป้ยเปยตกอยู่ภายใต้รัศมีของลู่จือสิง ดังนั้นฉันจึงพยายามที่จะไม่เปิดเผย

ฉันได้คุยเรื่องนี้กับลู่จือสิงแล้ว เขาบอกว่าตามใจฉัน

ตอนนี้คนเหล่านี้ส่งรูปภาพของเป้ยเปยออกมา ยังไม่ได้เข้ารหัส เกินไปแล้วจริงๆ!

ฉันกำลังคิดว่าต้องไปหาลู่จือสิงที่บริษัทเขาไหม โทรศัพท์ก็ดังขึ้น ก้มมองดู ปรากฏว่าลู่จือสิงโทรมา

ฉันรีบรับสาย : "ลู่จือสิง เรื่องในอินเตอร์เน็ตคุณเห็นแล้วหรือยัง?"

เสาร์วันนั้นฉันกินข้าวกับฉีซิ่วหรานแล้วยังมีเซี่ยงฉิงด้วย ลู่จือสิงไปส่งฉัน ฉันไม่กังวลว่าเขาจะสงสัยอะไร ฉันแค่อยากให้เขารีบกำจัดข่างออกไป

"คุณไม่ต้องกังวล ฉันให้หลี่จื้อไปจัดการแล้ว ไม่นานประเด็นร้อนก็ถูกระงับลง เรื่องครั้งนี้ฉันต้องตรวจสอบให้ชัดเจนอย่างแน่นอน!"

ลู่จือสิงในโทรศัพท์เห็นได้ชัดว่าสงบเยือกเย็นกว่าฉัน ได้ฟังคำพูดของเขา ฉันจึงจิตใจสงบลงมาเล็กน้อย

เรื่องราวของเป้ยเปยอยู่ตรงหน้า ฉันไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้ทั้งหมด

"เวลาเลิกงานจำไว้อย่าไปไหนมาไหนเรื่อยเปื่อย รอฉันมารับ รู้ไหม?"

ฉันพยักหน้า "ฉันรู้แล้ว"

"อย่ากังวลเลย มีฉันอยู่ หื๊ม?"

ปกติลู่จือสิงจะนิสัยเหมือนเด็กอันธพาลเล็กน้อย แต่ต่อหน้าเรื่องราวที่ใหญ่โตเหล่านี้ ปรากฏว่าฉันพึ่งพาอาศัยเขาได้มาก

เขาพูดแบบนี้ ฉันก็สบายใจขึ้นมาก : "ฉันรู้แล้ว"

"เวลาไม่มากแล้ว คุณไปพักกลางวันเถอะ"

"อืม สวัสดีตอนบ่าย"

"สวัสดีตอนบ่าย"

วางสายไปแล้ว ฉันก็ถอนหายใจ ฉันไม่รู้จริงๆว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร

กลับมาที่ห้องทำงาน เซี่ยงฉิงก็เข้ามาถาม : "เป็นยังไงบ้าง?"

ฉันยิ้มๆ : "ไม่เป็นไร ลู่จือสิงบอกเลขาของเขาให้ไปจัดการแล้ว เรื่องสงบลงมาแล้ว"

เซี่ยงฉิงพยักหน้า เห็นใบหน้าของฉันเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง : "ฉันรู้สึกว่าเรื่องนี้มีอะไรแปลกๆเล็กน้อย จู่ๆจะระเบิดออกมาได้อย่างไรกันล่ะ ฉันรู้สึกว่ามีคนเจตนาที่จะโจมตีคุณอย่างแน่นอน ซูยุ่น!"

ฉันเม้มๆปาก คิดอยู่นานมาก ก็คาดไม่ถึงว่าใครจะสร้างเรื่อราวใหญ่โตขนาดนี้มาใส่ร้ายป้ายสีฉัน

"ค่อยว่ากันเถอะ รอคำตอบลู่จือสิงทางด้านนั้นออกมาก่อน"

"อืม คุณอย่าคิดมากแบบนั้น เรื่องนี้ฉันรู้ล่ะ!"

ฉันยิ้มๆ ไม่ได้พูดอะไรอีก

เพียงแค่คาดไม่ถึง คำพูดจะกลายเป็นจริง ว่าจะมีคนแอบใส่ร้ายฉันอยู่ข้างหลัง!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้