เซี่ยงฉิงเข้ามาอย่างรวดเร็ว พลางทานอาหารเช้าแล้วพูดกับฉันว่า : "ซูหยุนฉันจะบอกกับคุณ รุ่นพี่ฉีนี่เย็นชาไม่ธรรมดาจริงๆ หลังจากคุณออกไปแล้ว เราทั้งคู่พูดคุยรวมกันแล้วไม่ถึงสิบประโยค"
ฉันขมวดคิ้ว : "พูดแบบนี้พวกคุณทั้งสองคนไม่มีหวังแล้วหรอ?"
เธอซดโจ๊กหนึ่งคำจึงพูดกับฉันว่า : "ฉันก็ไม่รู้ ไม่พอฉันยังรู้สึกว่ารุ่นพี่ฉีไม่ได้สนใจฉันแล้ว แต่ทว่าคุณไม่รู้ซูยุ่น จริงๆแล้วฉันเคยเจอเขาครั้งหนึ่งตอนที่ฉันเรียนอยู่มหาวิทยาลัย ตอนนั้นดูเหมือนว่าเขาจะกลับมาคุยเรื่องโครงการกับาจารย์ที่ปรึกษาของเขา ฉันได้ยินชื่อเขามาตลอด แต่ไม่เคยเห็นคนจริงๆ เมื่อก่อนฉันรู้สึกว่ารุ่นพี่ผู้ชายกับรุ่นพี่ผู้หญิงของโรงเรียนมันเพ้อเจ้อเกินไป ทั้งหมดเป็นแค่นิยาย แต่หลังจากที่ฉันเห็นเขา ฉันรู้สึกได้ว่า พวกเขาทำตัวไม่ให้เป็นจุดสนใจจนเกินไป!"
ได้ฟังเซี่ยงฉิงแล้ว ฉันก็อดยิ้มไม่ได้ : "คุณเห็นว่าฉีซิ่วหรานรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาใช่ป๊ะ?"
"ไอ๊ยา ซูยุ่น ถูกคุณเปิดโปง!"
ฉันหัวเราะ : "โอเคๆๆ ฉันไม่เปิดโปงก็ได้! งั้นตอนนี้พวกคุณเป็นอย่างไรบ้าง คุณจะโทรหาเขาไหม? นัดเขากินข้าวอีกครั้งไหม?"
ฉันเพิ่งจะพูดจบ สีหน้าเซี่ยงฉิงก็หม่นหมองลง : "ฉันไม่ต้องการเบอร์เขา"
ฉันรู้ว่าตนเองถามสิ่งที่ไม่ควรถาม สักพัก ก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี
ใครจะรู้เวลานี้ เซี่งฉิงก็ยิ้มขึ้นมา : "แต่ว่าฉันต้องการวีแชทเขา!"
ฉันตกตะลึง : "เมื่อกี้คุณล้อฉันเล่นหรอ?"
"อิอิอิ!"
"ได้เลย เซี่งฉิง ฉันดูออกว่าคุณเป็นคนมุ่งมั่นที่จะเอาชนะ!"
"ที่ไหนกัน นี่ไม่ใช่เพราะคุณเป็นกองหนุนฉันหรอ? ! อีกทั้งไม่ใช่ว่าคุณไม่รู้ว่ารุ่นพี่ฉีเขาเย็นชามาก ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วฉันทำเองคนเดียวจะมีประโยชน์หรือเปล่า!"
ได้ฟังคำพูดของเธอ เป็นอันว่าฉันก็รู้แล้ว นี่เซี่งฉิงกลับมาจริงจังแล้ว : "ได้เลย คุณวางใจเถอะ ฉันจะช่วยคุณเท่าที่ทำได้!"
ทั้งสองฝ่ายเป็นเพื่อนของฉัน ฉันก็ไม่สามารถเอนเอียงช่วยใครคนใดคนหนึ่งได้!
เป็นธรรมดาที่ฉันจะช่วยเซี่ยงฉิง แต่อย่างแรกเลยคือต้องไม่ไปรบกวนฉีซิ่วหราน ถ้าเอาแต่ช่วยอย่างเดียว ท้ายที่สุดจะวุ่นวายจนทั้งสองฝ่ายดูไม่ดี ฉันก็จะเสียเพื่อนทั้งสองคนไป
การจับคู่เป็นเรื่องที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกมาตั้งแต่สมัยโบราณ อันที่จริงฉันไม่เข้าไปยุ่ง น่าจะดีที่สุด
ถึงแม้จะรับปากว่าจะช่วยเซี่ยงฉิง แต่ว่าฉันก็ทำดีแล้วเพียงแต่ช่วยเล็กน้อยก็ดีกว่าไม่ช่วย
"กองหนุนอะไรหรอ?"
เราสองคนกำลังคุยกัน จู่ๆถงเจียหลินก็เข้ามา
ฉันมองเซี่ยงฉิง "คุณคุยกัยเจียหลินเถอะ!"
"อะไรอ่ะ เพียงแค่วันหยุดสุดสัปดาห์ ทำไมฉันรู้สึกว่าพวกคุณปิดบังเรื่องราวมากมายกับฉัน!"
ใช่ไหม ผ่านไปแค่หนึ่งวันหยุดสุดสัปดาห์ ทำไมฉันรู้สึกได้ว่าหัวใจดวงนี้ของเซี่ยงฉิงเต้นรุนแรงขนาดนี้
เวลาเที่ยงฉันโทรหาฉีซิ่วหราน ถามถึงความประทับใจที่มีต่อเซี่ยงฉิง
เขาตอบอย่างกว้างๆ สองคำ : ไม่เลว
ฉันได้ยินก็รู้เลยว่า ฉีซิ่วหรานน่าจะไม่มีความคิดเห็นอะไรกับเซี่ยงฉิง ฉันก็ไม่ถามต่อไปอีก ถามเขาเรื่องอื่น
หลังจากคุยกันสักพัก ฉันได้ยินว่ามีคนเรียกเขา ฉันรู้ว่าเขามาที่นี่น่าจะค่อนข้างยุ่ง ฉันก็ไม่รบกวนเขาต่อ ก็เป็นฝ่ายวางสายก่อน
"ซูยุ่น คุณไปไหนมา! เกิดเรื่องแล้ว!"
ฉันเพิ่งวางสายแล้วไปห้องทำงาน ระหว่างนั้นเซี่ยงฉิงก็วิ่งเข้ามา เธอวิ่งมาอย่างเร็ว ฉันยื่นมือออกไปดึงเธอเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ชนฉัน
ฉันมองเธอ เห็สีหน้าเธอไม่ค่อยดี : "เกิดอะไรขึ้น?"
"ไม่รู้ว่าโรคจิตที่ไหน พูดเรื่องไร้สาระบนอินเทอร์เน็ต ตอนนี้คุณถูกค้นหายอดฮิตเป็นอันดับหนึ่งแล้ว!"
ฉันรับโทรศัพท์เธอมา ก้มลงไปดู จ้องมองไปที่หัวข้อ ฉันก็ขมวดคิ้ว : "นี่มันไร้สาระอะไร วันนั้นคุณก็อยู่!"
"ก็ใช่นะสิ สื่อเหล่านี้ตอนนี้ไม่รู้จริงๆว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร!"
อันที่จริงฉันไม่ดูหัวข้อนั้นอีกต่อไป อะไรกันภรรยาของลู่จือสิงเพิ่งจดทะเบียนสมรสไม่นานก็นอกใจแล้ว พูดจาเหลวไหลจริงๆเลย อาศัยถ่ายรูปฉันกับฉีซิ่วหรานที่กินข้าวอยู่ด้วยกันสองคนลำพัง?
หลังจากฉันกลับไปที่นั่งก็ดูต่อเอง ปรากฏว่าไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างนั้น
ภาพเมื่อก่อนที่ฉันอยู่เมืองDเป็นเพื่อนบ้านกับฉีซิ่วหรานก็ถูกถ่ายไว้หมด บางคนถึงกับบอกว่าเป้ยเปยเป็นลูกชายของฉีซิ่วหราน!
ฉันโกรธจนเกือบจะทำโทรศัพท์หล่น สุดท้ายยังเป็นเซี่ยงฉิงที่ดึงสติฉัน : "ซูยุ่น คุณรีบบอกเรื่องนี้กับประธานลู่เถอะ!"
ฉันชะงักงัน ก็รู้ว่าเวลานี้ไปหาลู่จือสิงคือสิ่งที่ถูกต้องที่สุด อย่างน้อยด้านคำวิพากวิจารณ์ ลู่จือสิงมีความสามารถในการปราบปราม
พยักๆหน้า ฉันหยิบโทรศัพท์โทรไปหาลู่จือสิง
ใครจะรู้หมายเลขของลู่จือสิงอยู่ในสาย ฉันก็ใจร้อนหงุดหงิดเล็กน้อยแล้ว
อันที่จริงปกติฉันรู้สึกว่าไม่มีอะไร แต่ครั้งนี้มันเกินไปแล้ว นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะใส่รูปถ่ายของเป้ยเปยลงไป ต่อไปเป้ยเปยจะเผชิญหน้ากับเพื่อนร่วมชั้น คุณครูได้อย่างไร? !
เดิมทีฉันไม่อยากให้เป้ยเปยตกอยู่ภายใต้รัศมีของลู่จือสิง ดังนั้นฉันจึงพยายามที่จะไม่เปิดเผย
ฉันได้คุยเรื่องนี้กับลู่จือสิงแล้ว เขาบอกว่าตามใจฉัน
ตอนนี้คนเหล่านี้ส่งรูปภาพของเป้ยเปยออกมา ยังไม่ได้เข้ารหัส เกินไปแล้วจริงๆ!
ฉันกำลังคิดว่าต้องไปหาลู่จือสิงที่บริษัทเขาไหม โทรศัพท์ก็ดังขึ้น ก้มมองดู ปรากฏว่าลู่จือสิงโทรมา
ฉันรีบรับสาย : "ลู่จือสิง เรื่องในอินเตอร์เน็ตคุณเห็นแล้วหรือยัง?"
เสาร์วันนั้นฉันกินข้าวกับฉีซิ่วหรานแล้วยังมีเซี่ยงฉิงด้วย ลู่จือสิงไปส่งฉัน ฉันไม่กังวลว่าเขาจะสงสัยอะไร ฉันแค่อยากให้เขารีบกำจัดข่างออกไป
"คุณไม่ต้องกังวล ฉันให้หลี่จื้อไปจัดการแล้ว ไม่นานประเด็นร้อนก็ถูกระงับลง เรื่องครั้งนี้ฉันต้องตรวจสอบให้ชัดเจนอย่างแน่นอน!"
ลู่จือสิงในโทรศัพท์เห็นได้ชัดว่าสงบเยือกเย็นกว่าฉัน ได้ฟังคำพูดของเขา ฉันจึงจิตใจสงบลงมาเล็กน้อย
เรื่องราวของเป้ยเปยอยู่ตรงหน้า ฉันไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้ทั้งหมด
"เวลาเลิกงานจำไว้อย่าไปไหนมาไหนเรื่อยเปื่อย รอฉันมารับ รู้ไหม?"
ฉันพยักหน้า "ฉันรู้แล้ว"
"อย่ากังวลเลย มีฉันอยู่ หื๊ม?"
ปกติลู่จือสิงจะนิสัยเหมือนเด็กอันธพาลเล็กน้อย แต่ต่อหน้าเรื่องราวที่ใหญ่โตเหล่านี้ ปรากฏว่าฉันพึ่งพาอาศัยเขาได้มาก
เขาพูดแบบนี้ ฉันก็สบายใจขึ้นมาก : "ฉันรู้แล้ว"
"เวลาไม่มากแล้ว คุณไปพักกลางวันเถอะ"
"อืม สวัสดีตอนบ่าย"
"สวัสดีตอนบ่าย"
วางสายไปแล้ว ฉันก็ถอนหายใจ ฉันไม่รู้จริงๆว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร
กลับมาที่ห้องทำงาน เซี่ยงฉิงก็เข้ามาถาม : "เป็นยังไงบ้าง?"
ฉันยิ้มๆ : "ไม่เป็นไร ลู่จือสิงบอกเลขาของเขาให้ไปจัดการแล้ว เรื่องสงบลงมาแล้ว"
เซี่ยงฉิงพยักหน้า เห็นใบหน้าของฉันเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง : "ฉันรู้สึกว่าเรื่องนี้มีอะไรแปลกๆเล็กน้อย จู่ๆจะระเบิดออกมาได้อย่างไรกันล่ะ ฉันรู้สึกว่ามีคนเจตนาที่จะโจมตีคุณอย่างแน่นอน ซูยุ่น!"
ฉันเม้มๆปาก คิดอยู่นานมาก ก็คาดไม่ถึงว่าใครจะสร้างเรื่อราวใหญ่โตขนาดนี้มาใส่ร้ายป้ายสีฉัน
"ค่อยว่ากันเถอะ รอคำตอบลู่จือสิงทางด้านนั้นออกมาก่อน"
"อืม คุณอย่าคิดมากแบบนั้น เรื่องนี้ฉันรู้ล่ะ!"
ฉันยิ้มๆ ไม่ได้พูดอะไรอีก
เพียงแค่คาดไม่ถึง คำพูดจะกลายเป็นจริง ว่าจะมีคนแอบใส่ร้ายฉันอยู่ข้างหลัง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้