เพราะว่าเมืองJฉันกำลังยุ่งกับโครงการของทางด้านเมืองJที่ต้องหารือกับเจิ้งเยว่ ก็เลยไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องราวนี้ หลังจากครึ่งชั่วโมงเข้าไปก็พบว่าการค้นหายอดนิยมลดลงมาแล้วจริงๆ ฉันจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
เรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ค่อนข้างร้ายแรง พอพูดคุยเรื่องงานกับเจิ้งเยว่เสร็จ เธอก็ถามถึงการแก้ไขปัญหาเรื่องของฉันว่าเป็ยังไงบ้าง
ฉันแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็รู้ว่าเธอเป็นห่วงฉัน ก็เลยบอกกับเธอว่าเรื่องนี้ลู่จือสิงไปจัดการ
เจิ้งเยว่บอกว่าเรื่องนี้น้าจะมีคนมุ่งเป้ามาที่ฉัน ให้ฉันอย่าชะล่าใจ ตรวจสอบเรื่องนี้ให้ดีๆ
มีคนสองคนแล้วที่เตือนฉันแบบนี้ ฉันคิดๆแล้ว ก็รู้สึกว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเกินไป ไม่มีข่าวคราวเลยสักนิด อีกทั้งเล็งเป้าหมายการโจมตีมาที่ฉันโดยตรง
เวลาเลิกงานมาถึงอย่างรวดเร็ว ฉันปิดคอมพิวเตอร์ หยิบกระเป็นแล้วลวมาชั้นล่าง
เมื่อโทรศัพท์ของเซี่ยงฉิงโทรเข้ามาฉันก็ออกมาจากลิฟต์แล้ว ฉันกดรับโทรศัพท์ของเซี่ยงฉิง ไม่ได้สนใจสถานการณ์ตรงหน้า: "เซี่ยงฉิง มีอะไรหรอ?"
"ซูยุ่น ตอนนี้คุณอย่าเพิ่ง——"
"คุณหญิงลู่ ขอถามว่าเมื่อก่อนคุณและคุณฉีซิ่วหรานมีความสัมพันธ์เป็นคู่รักกันใช่หรือไม่?"
"คุณหญิงลู่ ขอถามว่าลูกชายคุณลู่ที่ยอมรับอย่างเปิดเผยเป็นลูกของคุณกับฉีซิ่วหรานใช่ไหม?"
"คุณหญิงลู่ ได้ยินมาว่าครั้งนี้ฉีซิ่วหรานจะพักอยู่เมืองAเป็นเวลาครึ่งเดือน ขอถามว่าคุณและคุณฉีจะมีการรื้อฟื้นมิตรภาพเก่าหรือไม่?"
……
คำถามแต่ละคำถาม ฉันไม่ทันได้ตั้งตัว เดิมทีก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงถึงจะดี
นักข่าวเหล่านั้นเฮโลหลั่งไหลกันเข้ามา ฉันหยิบโทรศัพท์ ถูกบีบจยอยู่มุม ได้ยินเซี่ยงฉิงเรียกฉันอยู่ด้านนอก
ฉันมองไป ตามด้วยคนที่ล้อมไว้หลายสิบคน ฉันเห็นเซี่ยงฉิงและถงเจียหลินอยากจะแทรกเข้ามา แต่พวกเขาก็เข้ามาไม่ได้
นักข่าวเหล่านี้น่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว!
ฉันไม่รู้ว่าถูกใครเหยียบเท้า ยืนไม่มั่นคง สายตาเห็นว่ากำลังจะล้มลง ก็มีมือหนึ่งยื่นเข้ามาจากด้านข้าง
ยังไม่ทันรอให้ฉันได้ตอบสนองเข้ามา ฉันก็ถูกบุคคลนั้นดึงเข้าไปในอ้อมกอดแล้ว
เป็นกลิ่นที่ฉันคุ้นเคย ฉันจิตใจสงบลงมา เรียกออกมาคำนึง: "ลู่จือสิง"
"ไม่เป็นไรใช่ไหม?"
เขาก้มลงมองฉัน ฉันส่ายหน้า: "ไม่เป็นไร"
เขาหันสายตากลับไป สีหน้าราวกับสะเก็ดน้ำแข็ง มองนักข่าวที่ยังรวมตัวและเฮโลกันเข้ามา: "การกระทำของพวกคุณวันนี้เป็นการทำให้เสียชื่อเสียง ฉันจะให้เลขาฯของฉันส่งจดหมายไปยังทนายความสำนักหนังสือพิมพ์ของพวกคุณ!"
คาดว่าเพราะคำพูดของลู่จือสิงโหดเหี้ยมเกินไป คนเหล่านั้นจึงตกตะลึงเล็กน้อย ยกเว้นเพียงนักข่าวสองสามคนที่ยังติดจะเดินหน้าเข้ามา คนอื่นๆล้วนไม่กล้าขยับ
ตอนนี้ลู่จือสิงล้วนเยือกเย็น มองไปที่กลุ่มคน ใบหน้าคล้ายกับภูเขาน้ำแข็ง ช่วงเวลานี้ ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
ฉันถูกเขาปกป้องออกมาจากฝูงชน ตลอดจนมาถึงรถ
ขึ้นรถแล้ว ใจฉันก็ถือว่าสงบลงมา เอียงไปมองลู่จือสิง หน้าของเขาบูดบึ้ง จัดเจนว่าโมโหอย่างมากกัยเรื่องนี้
ฉันเอื้อมมือไปกุมมือของเขา: "ลู่จือสิง คนอยู่เบื้องหลังของเรื่องนี้ คุณให้หลี่จื้อไปหาตัวออกมาเถอะ"
ฉันสืบสาวต้นเหตุที่มานี้ได้น้อยมาก แต่คนที่อยู่เบื้องหลังนี้น่ารังเกียจมาก คาดไม่ถึงว่าจะดึงเป้ยเปยเข้ามา อย่างนั้นก็อย่านึกเลยว่าฉันจะปล่อยเขาไปง่ายๆ!
ลู่จือสิงมองฉัน: "คุณวางใจเถอะ กล้าทำร้ายคุณและเป้ยเปย ฉันไม่ให้พวกเขามีชีวิตที่ดีแน่!"
พูดพลาง เขาก็เหยียบคันเร่ง
รถยนต์จอดลง ฉันมองไป แต่ไม่ใช่ที่จอดรถที่ฉันคุ้นเคย และเป็นเขตใกล้ๆทางเดินทางนึง
ฉันยังไม่ทันมีปฏิกริยาตอบสนอง ทันใดลู่จือสิงก็เข้าไปกอดฉัน
ฉันตกตะลึง มีปฏิกริยาโต้ตอบ ลู่จือสิงก็ก้มลงไปถอดรองเท้าของฉันแล้ว
ถุงเท้าก็ถูกเขาถอดลงมา มือของเขาอบอุ่นมาก แตะลงบนหลังเท้าของฉัน กดเบาๆบนหลังเท้าที่ถูกคนเหล่านั้นเหยียบจนบวม: "ต้องการไปโรงพยาบาลไหม?"
ฉันส่ายหน้า "ไม่ต้องหรอก ไม่บาดแผลใหญ่อะไร"
มือของเขายังคงคลึงอยู่ที่ด้านบน นิ้วมือเรียวยาวอยู่บนหลังเท้าของฉัน ราวกับไม่รู้สึกสกปรกเลยสักนิด
ฉันมองเขา ไม่รู้ว่าทำไม ก็มีความกล้าขึ้นมา: "ลู่จือสิง ฉันอยากจูบคุณ"
ฉันอยากจูบลู่จือสิงจริงๆ เขามองฉันด้วยสายตาที่ลึกซึ้งขนาดนั้น ทุกอย่างทำให้ฉันมีภาพลวงตาว่าเขาจะก้มศีรษะลงและจูบฉันในวินาทีถัดไป
เมื่อพูดคำนี้ฉันก็รู้สึกว่าหัวใจของตนเองคล้ายกับจะกระโดดออกมาจากในอก เดิมทีฉันคิดว่าในฐานะภรรยา ฉันกระทำแบบนี้พูดแบบนี้ ลู่จือสิงก็น่าจะมีปฏิกริยาเอง
แต่เขามองฉัน ไม่ขยับโดยสิ้นเชิง
ฉันนิ่งไม่ไหวติง รู้สึกเขินอายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ฉันอยากจะถอนตัวออกมาจากเขา แต่ทันทีก็ถูกมือยื่นออกมาจับข้อมือของฉันไว้
ฉันเลิกคิ้วตกใจ คิดว่าเขาจะจูบฉัน สุดท้ายเพียงแค่เอ่ยปากพูดประโยคนึงว่า: "ไม่ใช่อยากจูบฉันหรอ?"
"....."ฉันกัดฟัน หันหลบนัยน์ตาดอกท้อคู่นั้นที่ดึงดูดคนของเขา: "ตอนนี้ไม่อยากแล้ว"
"คุณชอบล้มเลิกกลางคันแบบนี้หรอ?"
ฉันถูกเขาโจมตีมุมปากกระตุกเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองเขาเอ่ยปากโต้แย้ง: "ฉันชอบล้มเลิกกลางคันซะที่ไหน?"
"ตอนนี้คุณก็......"
ฉันคล้ายกับรู้ว่าลู่จือสิงต้องการจะพูดอะไร ดังนั้นฉันจึงคว้าคอปกเสื้อของเขาไว้แน่นแล้วจูบไปโดยตรง
อันที่จริงฉันไม่ค่อยถนัดเป็นฝ่ายรุกในการจูบเท่าไร ทุกอย่างทั้งหมดของฉันลู่จือสิงเป็นคนสอนฉัน ปกติเวลาจูบล้วนเป็นเขาที่นำพาไป แต่ตอนนี้เปลี่ยนกลายเป็นฉันที่กระทำคนเดียวนั้น ฉันอยากเรียนรู้วิธีการทำของเขาเริ่มจากเปิดฟันของเขา
แต่ฉันไม่รู้ว่าทักษะของฉันแย่เกินไป หรือลู่จือสิงจงใจไม่ให้ความร่วมมือ อย่างไรก็ตามฉันยื่นลิ้นออกมาอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถโจมตีเข้าฟันของเขาได้
ลืมตามอง ก็พบว่าในดวงตาของลู่จือสิงไม่มีอารมณ์ใดๆโดยสิ้นเชิง
ฉันไม่เคยสิ้นหวังเท่านี้มาก่อน มองเขาอย่างเศร้าใจ ยกเลิกออกมาโดยตรง ต้องการจะออกมาจากร่างกายของเขา แต่ทันทีก็ถูกเขารั้งหลังศีรษะไว้
ลมหายใจอันอบอุ่นกระทบเข้ามา ฉันมองเขาอย่างงุนงง รอยยิ้มบนสายตาของเขาที่เชื่อไม่ได้เล็กน้อย ไม่รอให้ฉันมีปฏิกริยาตอบโต้ ก็ได้ยินเพียงเขาเอ่ยปากว่า: "คุณดู ล้มเลิกกลางคันอีกแล้ว"
พูดพลาง ก็ก้มลงมาจูบโดยตรง
โธ่เอ๊ยไอ้บ้านี่ ไม่นึกเลยว่าจะหลอกฉัน!
เก็บมือบนหลังเท้าขึ้นมา เปลี่ยนมาเป็นโอบเอวของฉัน ฉันเห็นม่านบังแดดที่หน้าต่างสูงขึ้น
ทันทีฉันก็ตกตะลึงเล็กน้อย: "ลู่จือสิง นี่——"
"คุณหญิงลู่ คุณยั่วฉันก่อนนะ!"
ทักษะการจูบของลู่จือสิงดีกว่าฉันมาก เพียงไม่กี่นาทีฉันก็ถูกเขาจูบจนไม่รู้ชัดเจนว่าเป็นความจริงหรือในความฝัน
เดิมทีฉันเพียงแค่ดึงคอเสื้อของเขาก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่ไปคล้องคอของเขา เมื่อรอให้ลู่จือสิงปล่อยฉัน ฉันก็พบว่าตนเองทับอยู่บนเรือนร่างของเขาแล้ว เพียงเขาปล่อย ศีรษะของฉันก็กดลงบนไหล่ของเขาโดยตรง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้