ฉันต่อสู้ดิ้นรนเล็กน้อย "ลู่จือสิง——"
เขากัดที่ใบหูของฉันเล็กน้อยแล้วจึงปล่อย ฉันหันกลับไปจ้องมองเขา พอดีกับเขาที่ก้มหน้ามองฉัน สายตามีรอยยิ้ม ชั่วพริบตาเดียว ใจของฉันก็อ่อนตามลงมา
ช่างเถอะ ไม่เถียงกับคุณแล้ว
ฉันหันกลับมองไปยังนอกหน้าต่างรถ ทิวทัศน์แปลกตาเล็กน้อย รู้สึกประหลาดใจ นี่ไม่เหมือนถนนของซุปเปอร์มาร์เก็ตอะไรก็ตามของเมืองA
หลังทานอาหารเสร็จ จู่ๆลู่จือสิงก็บอกกับฉันว่า ในตู้เย็นไม่มีอาหารอะไรแล้ว เป้ยเปยต้องนอนกลางวันสองชั่วโมงกว่า พวกเราออกไปซื้ออะไรทานสักหน่อยแล้วค่อยกลับมา
ฉันไม่ได้คัดค้าน สุดสัปดาห์ที่มีค่า ออกไปเดินๆหน่อยก็ดี อีกทั้งซุปเปอร์มาร์เก็ตห้างสรรพสินค้าอยู่ใกล้มาก ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงพวกเราก็กลับมาแล้ว ฉันก็ไม่เป็นห่วงเป้ยเปย เป้ยเปยหลังจากที่เข้าสู่ฤดูหนาว คุณภาพการนอนหลับของเขาก็ดีเป็นพิเศษ นอนกลางวันอย่างน้อยที่สุดก็สองชั่วโมง
แต่ตอนนี้ ฉันอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองลู่จือสิง ก่อนอื่นคือเอ่ยปากทำลายความเงียบนี้: "พวกเราไม่ได้จะไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตหรอ?"
เขามองฉันพลางเลิกคิ้ว นอยยิ้มบนใบหน้าที่ไม่ลึกซึ้งมาก: "ใครบอกว่าเราจะไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตกันล่ะ?"
ถูกเขาถามกลับแบบนี้ จู่ๆก็รับมือไม่ทันเล็กน้อย เม้มๆปาก แล้วจึงเอ่ยปากกล่าวถามว่า: "อย่างนั้นพวกเราจะไปที่ไหนกัน"
ครั้งนี้ ลู่จือสิงไม่ได้เอ่ยปากตอบกลับคำถามของเธอโดยตรง และเอื้อมมือไปลูบๆผมของเธอ ในสายตาทั้งคู่ปิดเป็นความลับอย่างเคร่งครัด: "เมื่อถึงเวลาคุณก็จะรู้ ตอนนี้ไม่บอกคุณก่อนหรอก ถึงเวลาแล้วจะได้เซอร์ไพรส์"
บนใบหน้าของเขาไม่มีความดีอกดีใจแม้แต่น้อย กระทั่งความโกรธที่เก็บไว้ในใจ กับเมื่อคืนวานที่นำเรื่องนี้มาเย้าแหย่เธอลู่จือสิงที่หัวเราะกวนประสาทไม่หยุดจู่ๆก็คล้ายกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
แต่ท่าทีของเขา ฉันกลับไม่รู้สึกว่าเรื่องต่อไปนี้จะเป็นเรื่องที่เซอร์ไพรส์จริงๆ
แต่ดูท่าทางของลู่จือสิงแล้ว ฉันก็รู้ว่าถึงเวลานี้ตนเองจะถามต่อไป ก็คงไม่ถามจนได้คำตอบอะไร ได้เพียงแต่เม้มปาก วางตัวหุบปากไป แล้วก็ไม่ถามคำถามอะไรเขาอีก รอคอยไปอย่างเงียบๆ
เพียวแต่ในฝ่ามือมีเหงื่อซึมออกมาไม่หยุด ฉันกังวลเล็กน้อยกับเรื่องที่ตนเองกำลังจะเผชิญอีกสักครู่
เห็นได้ชัดว่าลู่จือสิงเดาได้ว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ เอื้อมมือออกไปบีบฝ่ามือ มองดูฉันด้วยท่าทีปลอบโยน แต่ก็ไม่ได้พูด
การกระทำที่ปลอบโยนนี้ของเขาทำให้ฉันสงบจิตใจได้ไม่มากก็น้อย ฉันเอียงหน้าไปมองเขา ก็ไม่ได้พูดจา เพียงแต่ก้นบึ้งของหัวใจมีความมั่นคงปลอดภัยอย่างไม่สามารถอธิบายได้ แล้วก็ไม่กังวลอีก
สักพักนึง ฉันจึงดึงสายตากลับ มองไปยังนอกกระจกรถต่อไป
ในรถยนต์เงียบอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งรถยนต์ได้จอดลง ลู่จือสิงจึงเอ่ยปาก: "ลงจากรถสิ ซูซู"
เบื้องหน้าเป็นเขตโรงงานที่นึง ทุกๆที่ล้วนคือโรงงาน เวลานี้พอดีกับเป็นเวลาทำงาน หิมะโปรยปรายปกคลุมไปทั่วพื้นที่ บนถนนไม่มีใครเข้ามา
นิคมอุตสาหกรรมแบบนี้ ปกติแล้วฉันก็ไม่เคยมา
ลู่จือสิงบอกชัดเจนว่าจะพาฉันมาซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต แต่จู่ๆมาสถานที่แบบนี้ ฉันไม่มีทางที่จะคิดว่าไม่เหลวไหลได้จริงๆ: "ลู่จือสิง ตกลงคุณคิดจะทำอะไรกัน?"
เขาก้มมามองฉัน ยิ้มเล็กน้อย มือที่อบอุ่นโอบอ้อมอารีดึงมือของฉันโดยตรง: อย่าเพิ่งใจร้อน ก็จะบอกคุณว่าจะทำอะไรตอนนี้แหละ"
พูดจบ เขาก็ยิ้มอย่างชื่นชอบ เพียงแต่ครั้งนี้รอยยิ้มของเขาแฝงไปด้วยความหมายอันเยือกเย็น ทำได้เพียงปล่อยให้เขาจูงตนเองเดินก้าวไปด้านหน้า ไปเผชิญหน้ากับสิ่งที่ลู่จือสิงบอกว่าเซอร์ไพรส์
พวกเราทั้งสองเดินตรงไปยังด้านหน้า เดินไปเกือบสิบนาที ลู่จือสิงจึงพาฉันเข้าไปในตัวอาคารโรงงานอาคารนึง
ใกล้กับตัวอาคารโรงงานด้านในมาก เมื่อตอนที่ฉันเดินอยู่บนถนนมีเสียงการดำเนินการก่อสร้าง เสียงดังปนเปกันยุ่งเหยิง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้